
[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 534
๙. ธาตุสูตร
ว่าด้วยความเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปแห่งทุกข์
[๔๙๕] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเกิดขึ้น ความตั้งอยู่ ความบังเกิด ความปรากฏแห่งปฐวีธาตุ ฯลฯ แห่งอาโปธาตุ ฯลฯ แห่งเตโชธาตุ ฯลฯ แห่งวาโยธาตุ ฯลฯ แห่งอากาสธาตุ ฯลฯ แห่งวิญญาณธาตุ เป็นความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นความตั้งอยู่แห่งโรค เป็นความปรากฏแห่งชราและมรณะ.
[๔๙๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ความดับโดยไม่เหลือ ความสงบระงับ ความดับสูญแห่งปฐวีธาตุ ฯลฯ แห่งอาโปธาตุ ฯลฯ แห่งเตโชธาตุ ฯลฯ แห่งวาโยธาตุ ฯลฯ แห่งอากาสธาตุ ฯลฯ แห่งวิญญาณธาตุ เป็นความดับโดยไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นความสงบระงับแห่งโรค เป็นความดับสูญแห่งชราและมรณะ.
จบ ธาตุสูตร
[เล่มที่ 31] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้า 206
๘. นานาธาตุสูตร
ว่าด้วยการรู้ธาตุต่างๆ
[๑๒๙๓] ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย อนึ่ง เราย่อมรู้ธาตุเป็นอเนกและโลกธาตุต่างๆ ตามความเป็นจริง เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้.
จบนานาธาตุสูตรที่ ๘
อ.คำปั่น: ได้ฟังตั้งแต่ต้น เห็นเลยครับว่า ต้องมีการเริ่มต้นแล้วเริ่มต้นอีกตลอดครับท่านอาจารย์ แม้แต่ที่ได้ฟังแม้ในความหมายของธรรมะ ในความหมายของธาตุ ก็ได้ทบทวนในความเป็นจริงเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่วายที่จะ พอได้ยินคำว่าธาตุ ก็จะวิ่งไปที่จำนวนของธาตุเลยครับท่านอาจารย์ นี่ก็เป็นสิ่งที่ความเป็นไปที่ไม่ได้คำนึงถึงสาระสำคัญของการที่จะได้ค่อยๆ เข้าใจในความเป็นธาตุครับ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก แม้ในความหมายของธรรมะซึ่งข้อความใน อรรถกถาทั้งหลาย ได้อธิบายความหมายไว้ว่า ธรรมศัพย์ ในความหมาย ก็คือลงในอรรถะว่า มีจริงๆ ก็คือมีสภาะ มีภาวะเป็นของตนเอง ก็คือสิ่งที่มีจริงๆ นี่คือธรรมะ แล้วก็ ธาตุ ก็คือสภาพที่ทรงไว้ซึ่งลักษณะ ของตนๆ
และ ข้อความใน สารัตถปกาสินี อรรถกถาในพระไตรปิฏก ใน ธาตุสูตร ก็ได้อธิบายในความหมายของธาตุว่า ความที่ธรรมะ เวลาจะอธิบายธาตุ ก็ย้อนกลับมาที่ธรรมะด้วยครับ ความที่ธรรมะมีสภาวะต่างกัน ได้ชื่อว่า ธาตุ เพราะอรรถว่า มีอยู่จริงๆ กล่าวคือมีอรรถะว่า ไม่ใช่สัตว์ และมีอรรถะว่าเป็นของสูญ ก็คือว่างเปล่านะครับ ดังนี้ชื่อว่าความต่างแห่งธาตุครับ นี่คือความเป็นจริงของธาตุครับท่านอาจารย์
และก็ พอได้ฟังในความหมายของคำว่า ธรรมะ บ่อยๆ ก็เป็นประโยชน์มากครับ เพราะว่าเวลาที่ผ่านข้อความในพระไตรปิฎกก็จะมีคำว่า ธรรมะ เยอะมากเลยครับ ธรรมะ ๒ ประการ ธรรมะ ๓ ประการ เป็นต้นครับ อันนี้ก็แสดงให้เห็นเลยว่า นี่คือสิ่งที่มีจริงๆ แต่ก็ยากมากเลยครับท่านอาจารย์ตรงนี้ยากมากๆ แม้ในขั้นการฟังที่จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจที่จะหล่อหลอมกล่อมเกลาให้น้อมมาเพื่อเข้าใจในความเป็นจริงของธรรมะนี่ก็ยากอย่างยิ่งครับ
ก็กราบเท้าท่านอาจารย์ตรงนี้ครับว่า แม้ในขั้นการฟังที่จะเป็นผู้ตรงต่อความจริงที่ได้ฟังเป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่งครับ ก็เห็นถึงความสำคัญของการที่จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจในความเป็นจริงของธรรมะครับ ก็กราบท่านอาจารย์ตรงนี้ครับว่า ความเข้าใจแม้ในขั้นการฟัง ก็เป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่งครับ กราบท่านอาจารย์ในความเกื้อกูลต่อด้วยครับ
ท่านอาจารย์: ก็สนทนากันได้เพื่อความเข้าใจที่มั่นคงในทุกคำที่ได้ฟัง
อ.คำปั่น: ครับ ก็คือความค่อยๆ มั่นคงในความเข้าใจปริยัติ จะเป็นอย่างไรที่จะเกื้อกูลต่อการที่จะมีปัญญาอีกระดับหนึ่งที่สูงกว่าปริยัติครับ
ท่านอาจารย์: ก็เดี๋ยวนี้มีอะไร?
อ.คำปั่น: เดี๋ยวนี้มีเห็นครับ
ท่านอาจารย์: พอแล้วยัง เดี๋ยวนี้มีเห็น?
อ.คำปั่น: ยังไม่พอครับ แม้แต่ที่ฟังที่ อ.วิชัย ได้ตอบท่านอาจารย์ว่ามีได้ยิน
ท่านอาจารย์: แล้วไงค่ะ?
อ.คำปั่น: แม้แต่ที่ฟังที่ อ.วิชัย ได้ตอบท่านอาจารย์ว่ามีได้ยิน แล้วก็มีธรรมะ ๒ อย่าง คือมีเสียง มีได้ยิน ก็เห็นถึงความต่าง แต่ว่าพอได้ฟังอย่างนี้ ก็ไปกับเรื่องไปเลยว่า ได้ยินมีจริงเป็นธาตุรู้ เสียงก็มีจริงเป็นสิ่งที่ถูกได้ยินอย่างนี้ครับ ก็จะไปที่เรื่องราวเลยครับ
ท่านอาจารย์: แล้วก็ไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วศึกษาอะไร?
อ.คำปั่น: ท่านอาจารย์ครับ ก็เป็นผู้ที่ศึกษาคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ความเข้าใจน้อยมากเลยครับ น้อยนิดมากๆ เลยครับ
ท่านอาจารย์: แล้วจะเข้าใจได้อย่างไรมากๆ ล่ะ?
อ.คำปั่น: ก็ต้องฟังต่อไปครับ
ท่านอาจารย์: เข้าใจทีละนิดทีละหน่อย ค่อยๆ มากขึ้นมั่นคงขึ้น แต่ต้องเป็นความเข้าใจถูก
อ.คำปั่น: ต้องเป็นความเข้าใจถูกจริงๆ ครับ และเป็นความเข้าใจที่มั่นคงจริงๆ ครับ วันนี้ได้ฟังแล้วก็ค่อยๆ สะสมความเข้าใจ ได้มีการพิจารณาถึงความเป็นจริงของธรรมะว่า ทุกคำที่ท่านอาจารย์กล่าวที่ท่านอาจารย์ได้สนทนากับ อ.อรรณพ อ.วิชัย เป็นจริงทั้งหมด แล้วก็ได้ไตร่ตรองในความเป็นจริงในคำนั้นที่ได้ฟัง ก็เป็นประโยชน์ครับ นี่คือ จึงขาดการฟังไม่ได้เลยครับ เพราะว่าการฟังแต่ละครั้งประโยชน์มหาศาลที่ได้ฟังที่ได้มีคำที่เป็นเครื่องเตือนให้ไม่ลืมในความเป็นจริงของธรรมะอยู่ตลอดเลยครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ฟังธรรมะแล้ว ไม่ใช่ก็มาคุยกันเองเรื่องของกันเองนะ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร นั่นคือสนทนาธรรมะเพื่อเข้าใจความลึกซึ้งในคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ละคำบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ ไม่ต้องไปนับวันเดือนปี เข้าใจมากน้อยแค่ไหนเพิ่มขึ้นเท่านั้นแหละ จะกังวลไหมถึงวันเดือนปี? แต่ต้องคิดถึงว่า เข้าใจเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน นั่นคือการที่จะค่อยๆ คลายความยึดมั่นที่ยึดมานานแสนนานว่า มีเรา และมีสิ่งต่างๆ เป็นโลกของอัตตาทั้งนั้น แต่ความจริง ธรรมะต่างหาก ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงทั้งหมดแต่ละหนึ่งเป็นอนัตตา ต้องไม่ลืมคำนี้เลยค่ะ
ไม่ว่าฟังอะไร ก็เพื่อที่จะรู้ความจริงว่า ไม่มีตัวตน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เหมือนที่เคยยึดมั่นมาแล้วในสังสารวัฏฏ์แม้ในชาตินี้
อ.คำปั่น: เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเลยครับท่านอาจารย์ครับ คำว่า ธรรมะ ต้องอยู่ในใจตลอดเลยครับว่า เป็นสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนครับ เป็นประโยชน์มากเป็นคำที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลยว่า ธรรมะ คือสิ่งที่มีจริงๆ ครับ ก็เคยสารภาพกับท่านอาจารย์บ่อยครั้งว่า ก่อนที่จะได้มามี่ มศพ. ไม่เคยเลยไม่เคยได้ยินได้ฟัง คำ นี้มาก่อนเลยว่า ธรรมะ คือสิ่งที่มีจริงๆ แม้ว่าจะผ่านข้อความในพระไตรปิฎกบ้างครับ แต่ว่าไม่ได้เข้าใจเลยว่า คืออะไรครับ
ท่านอาจารย์: แล้วก็ลองคิดดูนะ ถึงวันที่ทั้งหมดเป็นธรรมะ น่าอรรศจรรย์ไหม?! ตรงกับโลกเก่าในสังสารวัฏฏ์ เป็นสิ่งนั้นเป็นสิ่งนี้มาตลอดทุกชาติ แต่ถึงวาระที่เป็นธรรมะหมด ต่างกันแค่ไหน!!
อ.คำปั่น: ซาบซึ้งมากเลยครับท่านอาจารย์ครับ เป็นประโยชน์มาก เกื้อกูลอย่างยิ่งครับ
ขอเชิญฟังได้ที่ ..
นานัตตวรรคที่ ๑ ธาตุสูตร
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยความเคารพค่ะ
เป็นอนัตตา ต้องไม่ลืมคำนี้เลย
ฟังธรรมแล้ว ไม่ใช่ก็มาคุยกันเองเรื่องของกันเองนะ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร นั่นคือสนทนาธรรมเพื่อเข้าใจความลึกซึ้งในคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ละคำบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ ไม่ต้องไปนับวันเดือนปี เข้าใจมากน้อยแค่ไหนเพิ่มขึ้นเท่านั้นแหละ จะกังวลไหมถึงวันเดือนปี แต่ต้องคิดถึงว่า เข้าใจเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน นั่นคือการที่จะค่อยๆ คลายความยึดมั่นที่ยึดมานานแสนนานว่า มีเรา และมีสิ่งต่างๆ เป็นโลกของอัตตาทั้งนั้น แต่ความจริง ธรรมต่างหาก ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงทั้งหมดแต่ละหนึ่งเป็นอนัตตา ต้องไม่ลืมคำนี้เลย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ยินดีในกุศลยิ่งนักค่ะ