ไม่หวั่นไหวในจุดประสงค์ที่จะละคลายกิเลส
โดย khampan.a  13 มิ.ย. 2565
หัวข้อหมายเลข 43228

หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๗๒๕]

ไม่หวั่นไหวในจุดประสงค์ที่จะละคลายกิเลส


การที่ทำให้บุคคลอื่นมีความเข้าใจธรรม ก็จะทำให้กุศลทั้งหลายเจริญขึ้นด้วย เพราะเหตุว่าถ้าไม่เข้าใจธรรม กุศลอื่นๆ ก็เจริญไม่ได้ แม้แต่ในเรื่องของทาน ในเรื่องของศีล ในเรื่องของภาวนา (อบรมเจริญความสงบของจิต และอบรมเจริญปัญญา)

เพราะฉะนั้น ผู้ที่หวังที่จะให้ผู้อื่นเข้าใจพระธรรม โดยวิธีต่างๆ ทั้งโดยการเผยแพร่พระธรรมทางวิทยุหรือการพิมพ์หนังสือ การสนทนาธรรม การแสดงธรรม โดยไม่หวังผล เป็นบารมี ทั้งหมดต้องเป็นเรื่องของการขัดเกลาจริงๆ โดยไม่หวังสิ่งหนึ่งสิ่งใดจริงๆ นั่นก็คือ ผู้นั้นมีความมั่นคงและมีความเข้าใจว่าการเจริญกุศลทั้งหมด เป็นบารมี เมื่อไม่เป็นไปด้วยโลภะ

บางท่านที่สนใจในเรื่องการเผยแพร่พระธรรม ก็ใคร่ที่จะให้มีการประเมินผล ของการทำงานขององค์การกุศลต่างๆ แต่ว่าการประเมินผลที่แท้จริง ไม่ใช่อยู่ที่จำนวนของคนฟัง หรือว่าไม่ใช่อยู่ที่กิจการต่างๆ ที่กระทำ แต่อยู่ที่จิตใจของแต่ละท่านว่าหนึ่งปีที่ผ่านไป ผลของการฟัง มีการประพฤติปฏิบัติตามดีขึ้นบ้างไหม นี่เป็นผลจริงๆ ถ้าจะพูดถึงการประเมินผล ไม่ใช่เป็นการประเมินทางด้านจำนวนของบุคคลผู้ฟัง หรือว่าจำนวนของกิจกรรมต่างๆ แต่อยู่ที่สภาพจิตของผู้ที่ได้ฟังว่าเมื่อมีการเข้าใจธรรมแล้ว ก็มีความจริงใจ เป็นสัจจบารมี มีอธิษฐานบารมี คือ ไม่หวั่นไหวในจุดประสงค์ที่จะละคลายกิเลส มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

ทุกท่านก็กล่าวว่า การฟังพระธรรมมีประโยชน์ แต่ว่าประโยชน์ที่กล่าวนั้น ก็จะรู้ได้ในขณะปัจจุบัน ทุกๆ วันว่าการฟังที่แล้วมาเป็นหลายๆ เดือนก่อน หรือเป็นปีๆ ก็ตาม ประโยชน์คือสภาพจิตในขณะนี้ ถ้าพิจารณาโดยละเอียด ขณะนั้น ก็เป็นประโยชน์

ทานอีกประการหนึ่ง ซึ่งก็ควรจะพิจารณาสำหรับผู้ที่จะเจริญบารมี ก็คืออภัยทาน ถ้าไม่คิดว่าเป็นบารมี บางท่านไม่อภัย แต่พอคิดว่าถ้าไม่อภัยแล้วก็จะสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานดับกิเลสได้อย่างไร ถ้าคิดอย่างนี้ก็อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่จะทำให้สามารถมีอภัยทานได้ ซึ่งเป็นทานที่สูงกว่าทานขั้นอื่นๆ เพราะเหตุว่าเป็นการขัดเกลากิเลสในเรื่องของโทสะ

ลองคิดดูว่าถ้าไม่สามารถที่จะอภัยให้คนที่ไม่ชอบ กุศลอื่นๆ ที่จะเจริญจากคนที่ไม่ชอบนั้น ก็ย่อมเกิดไม่ได้ แม้วัตถุทานที่จะให้บุคคลนั้นก็ให้ไม่ได้ เพราะไม่อภัยให้ หรือว่าเพราะยังโกรธอยู่ หรือแม้แต่ธรรมทานที่จะสนทนาธรรม ที่จะเกื้อกูล ที่จะชี้สิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นประโยชน์ก็ทำไม่ได้ เพราะเหตุว่ายังไม่อภัยให้บุคคลนั้น หรือว่ายังโกรธอยู่ เพราะฉะนั้น อภัยทานก็เป็นเหตุที่จะทำให้ศีลบารมีเจริญขึ้น เพราะว่าเป็นเหตุที่จะให้วิรัติ (งดเว้น) กาย วาจา ที่ไม่ควรที่เกี่ยวเนื่องกับบุคคลซึ่งยังไม่ได้อภัยให้

ลองคิดดูว่าถ้าไม่อภัยให้ใคร กาย วาจาที่มีต่อคนนั้น จะเป็นอย่างไร จะไม่เป็นไปในทางที่เป็นมิตรเลย เพราะฉะนั้น กุศลก็ย่อมเจริญไม่ได้ แล้วก็จะถึงฝั่งได้อย่างไร


กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย



ความคิดเห็น 1    โดย เข้าใจ  วันที่ 14 มิ.ย. 2565

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 14 มิ.ย. 2565

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 14 มิ.ย. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ