
[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 405
ในบทว่า วีริยารมฺภกถา นี้ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้. ภาวะแห่งบุคคลผู้แกล้วกล้า หรือกรรมแห่งบุคคลผู้แกล้วกล้า เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าวิริยะ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าวิริยะ เพราะอันบุคคลพึงดำเนินไป คือ พึงให้เป็นไปตามวิธี ก็ความเพียรนั้น คือ การเริ่มเพื่อละอกุศลธรรม (และ) ให้กุศลธรรมเกิดขึ้น ชื่อว่า วิริยารัมภะ ปรารภความเพียร.
อ.ชุมพร: ฟังละเอียดลึกซึ้งในการที่ท่านอาจารย์ได้ให้มีความเห็นถูกในเรื่องของการที่จะเป็นหนทางที่จะค่อยๆ เข้าใจความจริง ไม่มีหนทางอื่นเลยนอกจากจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น ทุกขณะที่ได้ฟังท่านอาจารย์ ร่าเริงเป็น วิริยารัมภกถา ที่จะทำให้ค่อยๆ ทีละเล็กทีละน้อยอย่างที่ท่านอาจารย์กล่าว
ท่านอาจารย์ค่ะกิเลสที่เราสะสมมาก็เข้าใจยาก การที่จะฟังแล้วทีละเล็กทีละน้อยที่จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจ เมื่อกี้ท่านอาจารย์พูดถึงว่า คิดน้อย คิดไม่ทั่ว ท่านอาจารย์จะกรุณาเพิ่มเติมอีกสักหน่อยค่ะ
ท่านอาจารย์: กำลังเห็น รู้แล้ว ทั่วหรือยัง?
อ.ชุมพร: ยังไม่ทั่วค่ะ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ยังสงสัยอะไรอีกไหม? ปริยัติ รู้แล้วทั่วแล้วยัง?
อ.ชุมพร: ยังค่ะ
ท่านอาจารย์: ก็ไม่น่าสงสัยเลย ตราบใดที่ยังไม่ใช่ความเข้าใจใจทีละเล็กทีละน้อยเพิ่มขึ้นจนกระจ่างแจ้ง จะรู้ทั่วไม่ได้
อ.ชุมพร: ก็เป็นหนทางที่ยากทีเดียว
ท่านอาจารย์: กว่าจะบำเพ็ญพระบารมีจนประจักษ์แจ้งได้ หนทางนี้ไม่ง่ายใช่ไหม?
อ.ชุมพร: เป็นความจริงที่แน่นอนที่สุด เพราะว่าเรื่องของกิเลสไม่ว่าจะเป็น โลภะ ก็แนบเนียน ความเป็นตัวตนก็เข้าใจยาก ฉะนั้น หนทางที่จะค่อยๆ ก็ขาดการฟังไม่ได้นะคะหนทางเดียวเท่านั้นจริงๆ ค่ะ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้กำลังเป็นหนทางเดียวใช่ไหม?
อ.ชุมพร: ค่ะ ยิ่งฟังท่านอาจารย์ทำให้มีความซาบซึ้งที่จะได้ฟังคำเดิมซ้ำๆ ย้ำๆ เพราะเริ่มรู้ว่า ฐานะของตัวเองนี้ห่างไกล แล้วก็เข้าใจผิดว่า บางสิ่งบางอย่างเข้าใจได้ง่ายๆ ค่ะ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เริ่มรู้จักสติ แม้ไม่เรียกชื่อว่า สติ ใช่ไหม?
อ.ชุมพร: ค่ะ ขั้นการฟังค่ะ
ท่านอาจารย์: เมื่อไม่ลืม เมื่อไหร่ลืมเมื่อนั้นไม่ใช่สติ วันหนึ่งๆ สติจะเกิดมากไหม?
อ.ชุมพร: ลืมบ่อยๆ ฟังคำว่า ธรรมะ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เรา ลืมอีกแล้ว เห็นไหม? ลืมไปเรื่อยๆ ทั้งวันว่า ไม่ใช่เราเลยเป็นธรรมะ เห็นไหม?
อ.ชุมพร: มันหนาแน่นนะคะ แล้วมันก็ปกปิด กว่าจะแซะกว่าจะแงะ นี่ก็ลืมเสมอค่ะ
ท่านอาจารย์: ถ้าไม่ฟังอย่างนี้ จะรู้ไหม?
อ.ชุมพร: ก็ต้องฟังค่ะ
ท่านอาจารย์: ถ้าไม่ฟังอย่างนี้จะรู้ไหมว่า ธรรมะลึกซึ้ง หนาแน่นด้วยความไม่รู้
อ.ชุมพร: ไม่รู้แน่นอนถึงความลึกซึ้งค่ะ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ทั้งวันที่ลืมคิดถึงว่า ขณะนั้นเป็นธรรมะบ่อยไหม?
อ.ชุมพร: ท่านอาจารย์พูดแบบนี้ทำให้เห็นเลยว่า ที่บอกว่าฟังเยอะ นี่ต้องกลับคำพูดเพราะว่าฟังน้อยมาก เพราะว่าไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งๆ ค่ะ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เริ่มรู้จักคำว่า สติ แม้ไม่ใช้คำว่า สติ ถ้าไตร่ตรอง
อ.ชุมพร: ค่ะ หมายความว่า ไม่ลืมใช่ไหม?
ท่านอาจารย์: ขณะใดไม่ลืมจึงระลึกถึง ถ้าไม่ระลึกถึงก็ลืมเลย เดี๋ยวนี้เป็นธรรมะอะไร มีจริง? แค่นี้ว่าเป็นธรรมะยังไม่รู้เลย ที่จะไปรู้ว่า เป็นแต่ละหนึ่งจะยากสักแค่ไหน? เพราะฉะนั้น ฟังธรรมะแต่ละหนึ่งให้ละเอียดขึ้น
แม้แต่คำที่เราใช้เราเข้าใจแค่ไหน สติ พูดได้!! แต่ชีวิตประจำวันมีไหม? ถ้าไม่มี แล้วสติอยู่ไหนล่ะ ถ้าชีวิตประจำวันไม่มี
ทุกอย่างเป็นเรื่องละเอียดที่อย่าไปพึงหวังใดๆ จะไปประจักษ์แจ้งใดๆ ทั้งสิ้น ตราบใดที่ยังไม่ฟังเข้าใจความลึกซึ้ง ขณะนั้นไม่รู้จักธรรมะ แม้ในขั้นการฟังว่าลึกซึ้ง
อ.ชุมพร: ค่ะ ค่อยๆ ซาบซึ้งทีละเล็กทีละน้อยในคำว่า ลึกซึ้ง เพราะว่าบางครั้งฟังคำนี้เหมือนผ่านเหมือนเผิน เพราะว่าปัญญาไม่ซาบซึ้งว่า ลึกซึ้งอย่างไรค่ะ
ท่านอาจารย์: ตอนนี้เข้าใจแล้วนะ ลืมเสมอ ฟังแล้วก็จบแล้วก็ลืม ไม่คิดถึงเห็นที่ได้ฟังว่า เกิดแล้วก็เป็นอย่างนี้ แค่เห็น แล้วก็ดับ
สภาพนั้นที่ระลึกได้ต้องไม่ใช่ชีวิตประจำวัน เพราะขณะนั้นเพราะไม่ลืมเป็นสติ สภาพธรรมะอีกอย่างหนึ่ง ตรงกันข้ามกับความไม่รู้และความติดข้อง
ฟังแล้วกำลังเข้าใจๆ ๆ เพราะสติกำลังใส่ใจทุกคำที่รู้ความจริง แม้แต่การพิจารณาไตร่ตรองไม่ใช่สติ เห็นไหม!! ความละเอียดความลึกซึ้งต้องทีละคำจนกระทั่งเข้าใจจริงๆ ในธรรมะแต่ละหนึ่งไม่ใช่รวมกันไปทีเดียว
ขอเชิญอ่านได้ที่ ..
ภาวะแห่งบุคคลผู้แกล้วกล้า [วิริยารัมภกถา]
ความจริงแห่งชีวิต [87] วิริยารัมภกถา เป็นปัจจัย ให้ สติ เกิด
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ชุมพร ด้วยความเคารพค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ