ชาวพุทธคือใคร_สนทนาธรรมที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ๒๗มิ.ย.๖๒
โดย khampan.a  27 มิ.ย. 2562
หัวข้อหมายเลข 30983

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

วันนี้ วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ มีสนทนาธรรมที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ณ อาคารศูนย์การศึกษาพิเศษ ชั้นที่ ๓ (ห้องไพศาล ชีวะศิริ) ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. ถึง ๑๕.๐๐ น. ด้วยกุศลศรัทธาปรารภการจัดสนทนาธรรมในครั้งนี้ โดย "กลุ่มงานบริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มเด็กพิการและครอบครัว" มี คุณภูเมธ แก้วเขียว สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๔๑๔๑ ซึ่งเป็นอาจารย์ ณ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เป็นต้น เป็นผู้ที่เห็นประโยชน์อย่างยิ่งของการฟังพระธรรม การสนทนาธรรม ซึ่งก็ได้เกื้อกูลให้คณาจารย์ บุคลากร และผู้ปกครองของนักเรียน รวมถึงผู้สนใจได้ร่วมฟัง ได้ร่วมสนทนา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีค่าเป็นอย่างยิ่งในสังสารวัฏฏ์



ประเด็นการสนทนาธรรมในครั้งนี้ คือ "ชาวพุทธคือใคร" ส่วนใหญ่ก็ได้ยินคำว่า ชาวพุทธ ได้ยินคำว่า ผู้นับถือพระพุทธศาสนา แต่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปในสังคมไทยขณะนี้ ไม่ว่าจะในวงการใดก็ตาม เป็นเครื่องบ่งบอกให้รู้ว่าเป็นชาวพุทธจริงๆ หรือไม่ เข้าใจพระพุทธศาสนาตรงตามความเป็นจริงหรือไม่? เพราะชาวพุทธ คือ ผู้รู้ถ้าไม่รู้ จะเป็นชาวพุทธได้หรือ?
ชาวพุทธ ควรจะได้ระลึกถึงหน้าที่ของตนในฐานะของชาวพุทธ ว่า ต้องศึกษาพระธรรม เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเห็นว่าเป็นคำสอนที่ประเสริฐยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ที่ควรจะศึกษาให้เข้าใจถูกอย่างต้อง เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องแล้วก็มีปัญญานำไปในกิจทั้งปวงที่ดีงาม ที่เป็นประโยชน์ ที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และดำรงรักษาไว้ซึ่งคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูกของแต่ละบุคคล
ในการสนทนาธรรมครั้งนี้ ก็ได้นำคลิปสนทนาธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มาเปิดให้ทุกๆ ท่านได้ร่วมกันพิจารณาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คลิปที่มีชื่อว่า "พระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธไม่รู้จัก" ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เป็นเครื่องเตือนใจที่ดี จะได้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริงว่า เป็นชาวพุทธจริงๆ หรือไม่ แล้วจะเป็นชาวพุทธสมชื่อกับชาวพุทธจริงๆ ได้อย่างไร จึงขอโอกาสถอดคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มาให้ทุกๆ ท่านได้อ่าน และพิจารณาร่วมกัน ดังนี้

[ลองคิดถึงสักประโยคหนึ่ง "พระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธไม่รู้จัก" เพราะรู้จักแต่วัด รู้จักแต่พระรู้จักแต่ใส่ซอง แล้วอย่างนั้นจะเป็นพระพุทธศาสนาหรือ? เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่ตรง ถ้าไม่มีพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ๔๕ พรรษา ไม่มีทางที่จะมีความเห็นถูกต้องเกิดขึ้นเลย เพราะว่า เมื่อไม่รู้ ก็ต้องมีความเห็นผิด เพราะฉะนั้น ส่วนใหญ่คิดว่า พระพุทธศาสนาเจริญเมื่อมีวัดและมีพระมากๆ เป็นเครื่องวัดว่านี่พระพุทธศาสนาเจริญ หรือว่าให้บวชกันมากๆ ทั้งภิกษุและสามเณรเพื่อให้พระพุทธศาสนาเจริญ โดยที่ไม่รู้เลยว่าศาสนาคืออะไร เพราะฉะนั้น ความจริง ก็คือ พระพุทธศาสนาขณะนี้เป็นพระพุทธศาสนาแน่นอน แต่เป็นพระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธไม่รู้จัก เพราะว่าผิดพลาดหมด คิดว่า วัดเป็นพระพุทธศาสนา คิดว่าพระภิกษุสามเณรเป็นพระพุทธศาสนา แต่พระพุทธศาสนาคือคำสอน ไม่ใช่ใครเลย แล้วคำสอนของใคร? คำสอนของพุทธะ คือใคร? คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจคำสอน ก็ไม่มีทางที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย แล้วจะเป็นชาวพุทธหรือ? ก็เป็นชาวพุทธที่ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา เพราะเข้าใจว่าพระพุทธศาสนาก็คือวัด การทำบุญ แล้วก็การให้เงินพระ เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจ ความเห็นถูกกับความเห็นผิด (ต่างกัน)

จะพ้นจากความเห็นผิดว่าเป็นเราได้อย่างไร ถ้าไม่มีการได้ฟังพระธรรม ซึ่งแต่ก่อนนี้เข้าใจผิดมาตลอดในสังสารวัฏฏ์ว่าสิ่งที่มี ยั่งยืน เที่ยง มั่นคง เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่ความจริง ก็คือ เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏเมื่อเกิดขึ้นแล้วดับไป จริงไหม? นี่คือพระพุทธศาสนา คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ให้ทำบุญแต่ไม่รู้ว่าบุญคืออะไร ให้รักษาศีล ก็ไม่รู้ว่าศีลคืออะไร ที่จะให้เข้าใจธรรมก็ไม่รู้ว่าธรรมคืออะไร เพราะฉะนั้น ทั้งหมดก็คือไม่ได้เข้าใจพระพุทธศาสนา แต่เข้าใจผิด เพราะฉะนั้น เป็นโอกาสที่ชาวพุทธ ไม่ใช่เพียงฟังแล้วตาม เพราะว่าส่วนใหญ่ไม่ว่าได้ยินได้ฟังอะไรส่วนใหญ่ฟังแล้วตาม แต่ว่าต่อไปนี้ฟังแล้วไตร่ตรอง คิดพิจารณาเพื่อประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะว่าคำที่ได้ฟัง เป็นคำของผู้ที่ได้ตรัสรู้ความจริง ทุกคำเป็นปัญญา แม้แต่ธรรม เห็นไหม ปัญญาใช่ไหมที่บอกว่าไม่ใช่เรา จึงใช้คำว่าธรรม ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย แต่เป็นสิ่งที่มีจริงๆ แล้วใครจะรู้อย่างนี้บ้างถ้าไม่ได้ฟังและเข้าใจว่าธรรมคืออะไร เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องเห็นคุณอย่างยิ่งของการที่มีโอกาสได้ฟังคำที่จะทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องพ้นจากความเห็นผิดเข้าใจผิดว่าพระพุทธศาสนาคือวัดคือภิกษุคือสามเณร แต่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน ไม่มีการกล่าวถึงให้ถูกต้องเลย เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ศาสนา เพราะไม่ใช่คำสอน เป็นแต่เพียงความหลงเชื่อและพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งไม่มีในพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนา เป็นคำสอนให้เข้าใจสิ่งที่มี ถูกต้อง]

และอีกประการหนึ่ง ที่ประทับใจเป็นอย่างยิ่งในการสนทนาธรรมครั้งนี้ อาจารย์อรรณพ หอมจันทร์ ได้กล่าวถึง ชีวิตที่หลากหลาย ตามกรรม ตามเหตุปัจจัย แม้แต่เด็กที่เรียกว่าเป็น "เด็กพิเศษ" จากประเด็นดังกล่าว จะทำให้ผู้มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษา เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกอย่างไร จึงขอโอกาสถอดประมวลคำสนทนาของอาจารย์อรรณพ หอมจันทร์ ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆ
มาให้ทุกๆ ท่านได้อ่าน และพิจารณาร่วมกัน ดังนี้
[พระธรรมเท่านั้นแหละ จะเป็นประโยชน์ที่จะเป็นไปเพื่อกุศลจิตเกิดขึ้น เป็นกุศลกรรม เป็นกรรมดีด้วย และถ้าเข้าใจธรรม ก็ค่อยๆ สะสมทรัพย์อันประเสริฐไว้ในจิต ส่วนแต่ละคนก็แน่นอน จะมีความทุกข์กายทุกข์ใจอย่างไร (ก็เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย) ทุกข์กาย เป็นผลของอกุศลกรรม ส่วนความทุกข์ใจเป็นเพราะผลของกิเลส เป็นกิเลสที่สะสมมา ก็จะมีความเข้าใจในกรรมและผลของกรรม บางคนอาจจะคิดว่าทำไมลูกคนอื่นเขาไม่เห็นเป็นเด็กพิเศษเลย ทำไมต้องเป็นลูกเรา เพราะฉะนั้น ก็เป็นความยึดถือด้วยความเป็นเรา แต่ถ้ามีความเข้าใจ ก็จะรู้ว่า หลากหลายไปตามกรรม เด็กปกติ เก่งมากเลย ไม่ได้เป็นเด็กพิเศษ แต่เป็นคนชั่ว เป็นอย่างไร ดีไหม? ไม่ดีเลย แต่แม้เขาจะเป็นเด็กที่เรียกว่าเป็นเด็กพิเศษ ก็สามารถที่จะได้รับความอนุเคราะห์จากพ่อแม่อาจารย์ผู้ดูแลเขาด้วยกุศลจิตที่มีความเข้าใจเรื่องกรรมและผลของกรรมและการสะสมต่างๆ เพราะฉะนั้น จิตใจที่ดีของคณาจารย์บุคลากรก็จะเป็นไปที่จะมีความเข้าใจเขา เพราะเข้าใจธรรม เข้าใจเขา เข้าใจเรา เพราะรู้ว่า ไม่มีเขา ไม่มีเรา แต่เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยที่หลากหลายแตกต่างกันไป ก็จะมีความเมตตาแล้วก็มีความละเอียดในการดูแล ซึ่งเขาอย่างน้อยทุกคนเกิดมาเป็นมนุษย์เป็นสุคติภูมิ เขาสามารถสะสมคุณความดีได้ ถ้ามีการได้รับการอนุเคราะห์ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญจากผู้ที่เป็นเพื่อนดีกับเขา พ่อแม่ก็เป็นเพื่อนที่ดี ครูบาอาจารย์ก็เป็นเพื่อนที่ดีกับเขา ก็จะช่วยจิตใจของแต่ละคนได้ แต่ต้องช่วยจิตใจตัวเองก่อน ถ้าจิตใจของตัวเอง ยังประกอบด้วยอกุศล ความหงุดหงิด ความไม่เข้าใจ ก็เลยไปหาวิธีการต่างๆ ซึ่งวิธีการต่างๆ ที่ไม่ได้เข้าใจความจริง จริงๆ ไม่อาจแก้ปัญหาใดๆ ได้เลย เพราะฉะนั้น ทุกคนทุกชีวิต ถ้าได้มีโอกาสเจอกันในฐานะพ่อแม่ในฐานะครูอาจารย์ก็อุปการะเกื้อกูลที่จะเป็นประโยชน์ให้ได้เข้าใจความจริงเท่าที่เขาจะเข้าใจได้ในแต่ละระดับๆ และก็เป็นกุศลด้วย
เพราะฉะนั้น ใครเป็นผู้ให้ทรัพย์? ผู้ให้ทรัพย์สูงสุด คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรัพย์นั้นก็คือพระธรรมคำสอน ซึ่งเมื่อได้อาศัยฟัง อาศัยศึกษาสนทนาก็เป็นปัจจัยให้ศรัทธาตลอดจนปัญญาซึ่งเป็นทรัพย์อันประเสริฐสะสมที่เป็นอริยทรัพย์ต่อไป ก็ได้สะสมไว้ และผู้ที่ได้รับทรัพย์คือพระสาวกทั้งหลาย เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาค เปรียบดุจผู้ให้ทรัพย์ พระธรรมเปรียบดุจทรัพย์ พระสงฆ์ (สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ได้อริยทรัพย์มาโดยชอบ ได้มาโดยชอบโดยการศึกษาโดยการสะสมความเข้าใจ เปรียบดุจผู้ที่ได้รับทรัพย์ตามความประสงค์ และทรัพย์นั้นไม่ใช่ทรัพย์ที่ให้ปลื้มใจด้วยความติดข้องยินดีพอใจ แต่เป็นทรัพย์ที่จะดับความติดข้องซึ่ง (ความติดข้องยินดีพอใจ) ไม่ได้ทำให้มีความสุขอะไรเลย เพราะฉะนั้น ธรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้]
ก็เป็นขณะที่มีค่ายิ่งจริงๆ ที่ได้ฟังคำจริง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะการมีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาคำจริงแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งใดๆ ในชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีโอกาสได้สะสมสืบต่อความเข้าใจธรรม ซึ่งจะเป็นที่พึ่งต่อไปทั้งในชาตินี้และชาติต่อๆ ไป

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน...



ความคิดเห็น 1    โดย Chinjang  วันที่ 27 มิ.ย. 2562

กราบขอบพระคุณอาจารย์วิชัย เฟื่องฟูนวกิจ อาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย และอาจารย์อรรณพ หอมจันทร์ อย่างสูงยิ่งครับ


ความคิดเห็น 2    โดย papon  วันที่ 27 มิ.ย. 2562

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย mammam929  วันที่ 27 มิ.ย. 2562

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ผู้เมตตาแสดงพระธรรมเกื้อกูลผู้ฟังให้ปัญญาปรากฏ

กรายอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย Selaruck  วันที่ 27 มิ.ย. 2562

กราบแทบเท้าระลึกถึงพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์

กราบอนุโมทนากับผู้จัดสนทนาธรรมและท่านอาจารย์วิทยากรทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย kullawat  วันที่ 28 มิ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย มกร  วันที่ 28 มิ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย panasda  วันที่ 28 มิ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย meenalovechoompoo  วันที่ 28 มิ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย chvj  วันที่ 30 มิ.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย ประสาน  วันที่ 1 ก.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 11    โดย chatchai.k  วันที่ 20 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ