
อ.วิชัย: กราบเท้าท่านอาจารย์ จากการสนทนาเมื่อวานนี้ครับ ก็คือจ ากฝั่งที่ไม่รู้สู่ฝั่งที่รู้ ซึ่งก็ได้กล่าวข้อความใน ปารสูตร ก็มีบางส่วนที่ยังไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ ข้อความใน ปารสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสถึงธรรม ๘ ประการ ก็คือ มรรคมีองค์ ๘ ที่บุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อถึงฝั่ง คือนิพพานนะครับ จากที่ไม่ใช่ฝั่ง ก็คือวัฏฏะ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสคาถาประพันธ์ว่า ในพวกมนุษย์ชนที่ถึงฝั่งมีจำนวนน้อย แต่หมู่สัตว์นอกนี้ย่อมวิ่งไปตามฝั่ง ส่วนชนเหล่าใดประพฤติตามในธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว ชนเหล่านั้นข้ามบ่วงมฤตยูซึ่งแสนยากที่จะข้ามไปถึงฝั่งได้ บัณฑิตพึงละธรรมฝ่ายดำเสีย เจริญธรรมฝ่ายขาว ออกจากความอาลัย อาศัยธรรมอันไม่มีความอาลัยแล้ว พึงละกามเสีย เป็นผู้ไม่มีกิเลสเป็นเครื่องกังวล ปราถนาความยินดีในวิเวกที่สัตว์ยินดีได้ยาก บัณฑิตพึงยังตนให้ผ่องแผ่วจากเครื่องเศร้าหมองจิต
ชนเหล่าใด อบรมจิตดีแล้วโดยชอบ ในองค์เป็นเหตุให้ตรัสรู้ ไม่ถือมั่น ยินดีแล้วในความสลัดคืนความถือมั่น ชนเหล่านั้นเป็นผู้สิ้นอาสวะ มีความรุ่งเรือง ปรินิพพานแล้วในโลกนี้
กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ ในคาถาประพันธ์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ในข้อความที่ว่า ชนที่ถึงฝั่งมีจำนวนน้อย อันนนี้ก็พอเข้าใจได้ครับ แต่หมู่สัตว์นอกนี้ย่อมวิ่งไปตามฝั่งนั่นเอง กราบท่านอาจารย์ครับ ความหมายของคำว่า วิ่งไปตามฝั่งนี้ จะมีความหมายอย่างไรครับ ก็ดูเหมือนเป็นผู้ที่ยังไม่ถึงฝั่ง การวิ่งไปตามฝั่งนี้คืออย่างไร ครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้วิ่งหรือเปล่า?
อ.วิชัย: เดี๋ยวนี้วิ่งหรือเปล่า ...
อ.อรรณพ: วิ่งครับท่านอาจารย์ วิ่งไปตามตลิ่ง
ท่านอาจารย์: ฝั่งไหมล่ะ?
อ.อรรณพ: ฝั่งนี้ครับ แล้วก็วิ่งอยู่ฝั่งนี้ด้วยความเข้าใจผิด ด้วยความเห็นผิดกัน ก็ยิ่งหนักเลย ก็วิ่งๆ ๆ ๆ กันไปด้วยความเห็นผิด ด้วยโลภะอย่างนี้ครับท่านอาจารย์ ในฝั่งนี้ซึ่งมีแต่สภาะธรรมที่เกิดดับ แล้วก็ไม่รู้ อย่างที่กราบสนทนากับท่านอาจารย์ไป ซาบซึ้งใจมากว่า กำลังวิ่งอยู่ ก็คือกำลังติดข้องพอใจในสิ่งที่เพียงเกิดแล้วดับในฝั่งนี้อยู่
อ.วิชัย กำลังวิ่งๆ ๆ ๆ กันอยู่นะครับ
อ.วิชัย: ครับ กำลังไตร่ตรองครับ อ.อรรณพครับ เพราะว่าในความหมายของคำว่า วิ่ง ก็มีการที่จะคิดได้หลากหลายครับ
อย่างถ้าเป็นบุคคลที่ไม่ได้สนใจในการที่จะศึกษาธรรมเลย กับบุคคลที่สนใจแล้วก็มีความเข้าใจผิดครับ แล้วก็ยังขวนขวายในหนทางที่ผิดครับท่านอาจารย์ อะไรเป็นความต่างกันที่กล่าวถึงบุคคลในฝั่งนี้ คือฝั่งที่ไม่รู้ที่มีความหลากหลายการวิ่งเป็นไป การประพฤติเป็นไป หมายถึงการที่ยังกระทำเหตุให้ต้องเกิดในวัฏฏะอยู่หรือครับท่านอาจารย์ครับ?
ท่านอาจารย์: แน่นอน วิ่งไม่จบ จบยาก ไม่วิ่งก็ไม่ได้ กำลังวิ่งแท้ๆ เร็วจี๋
อ.อรรณพ: ใช่ครับ อ.วิชัยครับ ดีมากเลย
ท่านอาจารย์ครับ มันแย่ตรงที่ว่า มันวิ่งมาแสนโกฏกัปป์แล้ว แล้วก็วิ่ง แล้วก็หยุดไม่ได้ คนที่วิ่งแล้วหยุดไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะหยุดอย่างไร แล้วก็ต้องวิ่งๆ ๆ ไปอยู่อย่างนี้ครับ มันน่าสงสารที่สุดเลย
อ.วิชัย: ก็ชัดเจนมากขึ้นครับท่านอาจารย์ เพราะว่าบางครั้ง ลำพังการอ่านเองคิดเองก็ไม่ละเอียดครับ ก็รู้ว่าในฝั่งนี้ วิ่ง ก็คิดๆ ไปครับท่านอาจารย์ แต่เห็นถึงการปรุงแต่งของสังขารขันธ์นี่ครับ โดยเฉพาะ กรรม ที่ยังเป็นเหตุให้ต้องเป็นไปอยู่เสมอครับ ไม่ว่าจะต้องมีการเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส แล้วก็มีการกระทำ กรรม ต่อไปด้วยครับ ก็เข้าใจขึ้นครับ
ขอเชิญฟังได้ที่..
อาลัย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ และ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ