
[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม 2 - หน้า 375
๘. ปริหานิสูตร
ว่าด้วยพิจารณาเห็นธรรม ๔
[๑๕๘] พระสารีบุตรเรียกภิกษุทั้งหลายมา ฯลฯ แสดงธรรมว่าอาวุโสทั้งหลาย ผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นภิกษุก็ตาม ภิกษุณีก็ตาม พิจารณาเห็นธรรม ๔ ประการมีอยู่ในตน ผู้นั้นพึงสันนิษฐานได้ว่าตนเสื่อมจากกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะการที่มีธรรม ๔ ประการอยู่ในตนนั่น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นความเสื่อม ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ ความมีราคะหนาแน่น ๑ ความมีโทสะหนาแน่น ๑ ความมีโมหะหนาแน่น ๑ ไม่มีปัญญาจักษุก้าวไปในฐานะและอฐานะอันลึก ๑ ผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นภิกษุก็ตาม ภิกษุณีก็ตาม พิจารณาเห็นธรรม ๔ ประการนี้มีอยู่ในตน พึงสันนิษฐานได้ว่าตนเสื่อมจากกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะการที่มีธรรม ๔ ประการ นี้อยู่ในตนนั่น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นความเสื่อม
อาวุโสทั้งหลาย ผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นภิกษุก็ตาม ภิกษุณีก็ตาม พิจารณาเห็นธรรม ๔ ประการนี้มีอยู่ในตน พึงสันนิษฐานได้ว่าตนไม่เสื่อมจากกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะการที่มีธรรม ๔ ประการนั้นอยู่ในตนนั่น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นความไม่เสื่อม ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ ความมีราคะเบาบาง ๑ ความมีโทสะเบาบาง ๑ ความมีโมหะเบาบาง ๑ มีปัญญาจักษุก้าวไปในฐานะและอฐานะอันลึก ๑ ผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นภิกษุก็ตาม ภิกษุณีก็ตาม พิจารณาเห็นธรรม ๔ ประการที่มีอยู่ในตน พึงสันนิษฐานได้ว่าตนไม่เสื่อมจากกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะการที่มีธรรม ๔ ประการ นี้อยู่ในตนนั่น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นความไม่เสื่อม.
จบปริหานิสูตรที่ ๘
อ.ณภัทร: เมื่อวานก็ได้สนทนาธรรมได้นำพระสูตร ก็คือ ปริหานิสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรที่ท่านพระสารีบุตรเถระได้เรียกภิกษุทั้งหลาย แล้วก็แสดงธรรมกับภิกษุทั้งหลาย ซึ่งธรรมที่ท่านพระสารีบุตรได้แสดงกับภิกษุทั้งหลายเป็นธรรมที่ทำให้เสื่อมจากอกุศล และก็ไม่เสื่อมจากอกุศล เพราะฉะนั้น ท่านพระสารีบุตรเถระก็ได้แสดงธรรมว่า ให้พิจารณาธรรม ๔ ประการที่มีในตนที่จะทำให้เสื่อมจากกุศล ธรรม ๔ ประการนั้นที่ทำให้เสื่อมจากกุศล ก็คือเป็นผู้ที่มีราคะไพบูลย์ มีโทสะไพบูลย์ มีโมหะไพบูลย์ แล้วก็เป็นผู้ที่ไม่มีปัญญาจักษุ ก้าวไปในฐานะ และอฐานะที่ลึกซึ้ง
กราบเท้าท่านอาจารย์ก่อนครับว่า ผู้ที่มีราคะไพบูลย์ โทสะไพบูลย์ โมหะไพบูลย์ แล้วก็เป็นผู้ที่ไม่มีปัญญาจักษุก้าวไปในฐานะ และอฐานะที่ลึกซึ้งครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นความเสื่อมจากกุศลธรรมทั้งหลาย ดังนั้นความลึกซึ้งของการไม่มีปัญญาจักษุที่ก้าวไปในฐานะ และอฐานะอันลึกซึ้งนี่ครับ กราบเท้าท่านอาจารย์ในความละเอียดของความเป็นฐานะ และอฐานะอันลึกซึ้งที่จะรู้ได้โดยยากครับ
ท่านอาจารย์: ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลึกซึ้งเพราะธรรมะลึกซึ้ง ด้วยเหตุนี้ คุณณภัทรอ่านตั้วแต่ต้นทีละคำ
อ.ณภัทร: ท่านพระสารีบุตรเรียกภิกษุทั้งหลายมา แสดงธรรมว่า อวุโสทั้งหลายผู้ใดผู้หนึ่งเป็นภิกษุก็ตามภิกษุณีก็ตาม พิจารณาเห็นธรรม ๔ ประการมีอยู่ในตน ผู้นั้นพึงสันนิษฐานได้ว่า ตนเสื่อมจากกุศลธรรมทั้งหลาย
ท่านอาจารย์: ถ้าไม่มีปัญญารู้อย่างนี้ จะรู้ไหมว่า กำลังเสื่อมจากกุศล? แค่นี้เท่านี้เองมีแค่ไม่กี่คำ ใครจะรู้บ้างว่า ขณะที่ไม่ได้มีการเข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้นทั้งวัน กำลังเสื่อมจากกุศล เพราะไม่รู้ความจริงว่า อกุศลเป็นอกุศล เพราะฉะนั้น ไม่มีทางที่จะเสื่อมจากอกุศลใช่ไหม? สอดคล้องกันทั้งนั้น
อ.ณภัทร: ผู้นั้นพึงสันนิษฐานว่า ตนเสื่อมจากกุศลธรรมทั้งหลาย เพราะการที่มีธรรม ๔ ประการอยู่ในตนนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นความเสื่อม ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ ความมีราคะแน่น ๑ ความมีโทสะหนาแน่น ๑ ความมีโมหะหนาแน่น ๑
ท่านอาจารย์: พิจารณาบ้างไหม เหตุ ๔ ประการ วันนี้มีราคะ ความยินดีติดข้องมากไหม? แค่วันนี้!! แล้วเมื่อวานนี้ แล้ววันก่อนนั้น แล้วไปข้างหน้า แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วใช่ไหม? กำลังมีก็ไม่รู้!!
เพราะฉะนั้น เป็นคำเตือนให้รู้ว่า ทุกขณะทุกวันที่ไม่มีความเข้าใจถูกต้อง มากไปด้วยความติดข้อง จะใช้ศัพย์อะไรก็ได้ กำลังติดเดี๋ยวนี้ด้วย ทุกคำเตือนให้รู้ความจริงที่ลึกซึ้ง ถ้าไม่มีการฟังเลยก็มากต่อไป
อ.ณภัทร: ข้อถัดไป ธรรมะประการที่ ๔ ก็คือว่า ไม่มีปัญญาจักษุก้าวไปในฐานะ และอฐานะอันลึกครับ
ท่านอาจารย์: ฐานะที่เป็นโทษ ฐานะที่ไม่เป็นโทษต่างกันใช่ไหม?
อ.ณภัทร: ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น กำลังก้าวไปทางไหน? ไม่รู้เลยว่าเป็นโทษทุกขณะอย่างยิ่งเพิ่มขึ้นหนาขึ้นจนยากที่จะละได้ ถ้าเป็นฝ่ายที่เป็นอกุศล ฐานะนั้นไม่ควรก้าวไปเลยแต่ก็ก้าวไปอยู่เรื่อยๆ ด้วยความไม่รู้
เพราะฉะนั้น ฟังธรรมะเพื่อเข้าใจความจริงทีละเล็กทีละน้อยให้มั่นคงในความเป็นธรรมะ ไม่ใช่เป็นเรา แต่ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวถึงธรรมะทั้งหมด
อ.ณภัทร: ก็จะขาดความรู้ความเข้าใจไม่ได้เลยครับ ที่ท่านอาจารย์กล่าวตอนแรก ถ้าไม่มีปัญาเลยจะรู้ไหมว่าตนเองเป็นผู้ที่ราคะมาก ความไม่รู้อยู่มากครับ ต่อไปนะครับ
ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นภิกษุก็ตามภิษุณีก็ตาม พิจารณาเห็นธรรม ๔ ประการนี้มีอยู่ในตน พึงสันนิษฐานได้ว่า ตนเสื่ยมจากุศลธรรมทั้งหลาย เพราะการที่ธรรม ๔ ประการนี้ในตนนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเป็นความเสื่อม
ท่านอาจารย์: แค่นี้!! พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร? ประโยชน์แค่ไหน? ผ่านไปเฉยๆ หรือ? รู้จักตัวหรือยังทุกขณะ มีแต่ความเสื่อม เสื่อมลงๆ ๆ
อ.ณภัทร: ดูเหมือนเป็นข้อความที่เข้าใจได้ครับ แต่ความลึกซึ้งสุดจะประมาณ
ท่านอาจารย์: แน่นอน เข้าใจคำได้ แต่ไม่รู้ว่า คำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส ไม่ใช่เพียงคำ กำลังมีจริงขณะนี้ทุกคน
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ณภัทร ด้วยความเคารพค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณมากค่ะน้องเมตตา ยินดียิ่งในกุศลทุกประการนะคะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ