ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๐๗
~ มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง เราต้องศึกษาพระธรรม แล้วเราจะเข้าใจ ทุกอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ๔๕ พรรษา เพื่อให้เราเกิดปัญญาที่จะไม่เข้าใจผิด ไม่หลงผิด
~ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ไม่มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดเปรียบในพระปัญญาคุณ ในพระบริสุทธิคุณ ในพระมหากรุณาคุณ เพราะฉะนั้น ฟังคำของพระองค์ ก็จะทำให้จากความที่ไม่เคยรู้อะไรมาเลยกี่ชาติ ต่อจากนี้ก็จะไม่ใช่เป็นคนไม่รู้ เพราะได้เริ่มสะสมความเข้าใจในพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีที่จะทรงตรัสรู้ธรรมตามความเป็นจริง เมื่อทรงตรัสรู้แล้วก็ทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา เพื่อให้คนที่เกิดมาแล้วไม่รู้อะไรเลย ได้ค่อยๆ เริ่มเข้าใจ ค่อยๆ รู้ความจริงยิ่งขึ้น
~ เห็นคุณของพระธรรม ว่า อนุเคราะห์ให้ชีวิตทั้งชีวิต ซึ่งเกิดมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ได้มีโอกาสได้รู้ความจริงซึ่งยากที่จะรู้ เมื่อรู้แล้วก็เห็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ได้เบื่อหน่าย ไม่ได้ท้อถอย แต่รู้ว่าชีวิตควรจะดำเนินไปอย่างไร ที่ขาดไม่ได้คือการที่จะได้เข้าใจธรรม เท่าที่จะมีโอกาส ตามเหตุตามปัจจัย และทำความดีทุกขณะที่สามารถจะกระทำได้
~ ความไม่รู้มากมาย ถ้าไม่ได้สะสมการเห็นประโยชน์ของการที่จะรู้ว่า อะไรเกิด แม้แต่เกิดก็ไม่รู้ว่าอะไร คิดก็ไม่รู้ว่าอะไร สุขหรือทุกข์ก็ไม่รู้ว่าอะไร สิ่งที่พอใจ ไม่พอใจ ก็ไม่รู้ว่าอะไร เป็นอย่างนี้ไปตลอดในสังสารวัฏฏ์ ซึ่งจะห้ามการเกิดดับของสภาพธรรมไม่ได้เลย ต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงความเป็นธรรมที่เป็นอนัตตา
~ ได้ฟังข่าวเรื่องราวของการประพฤติทุจริต ประพฤติผิดต่างๆ รู้เลยว่าไม่มีปัญญา เพราะถ้ามีปัญญาจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้น พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้เกิดปัญญาความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ อกุศลกรรมทั้งหลาย ก็ต้องให้ผลคือ ให้สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะฉะนั้น เวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วก็มีการที่ได้รับผลที่ไม่ดีเมื่อไร แล้วย้อนไปคิดถึงว่าเคยได้กระทำกรรมนั้นมา สิ่งนี้จึงได้เกิดกับเรา ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ก็คงจะทำให้เราไม่กระทำอกุศลกรรมเช่นเคย
~ สิ่งใดก็ตามที่เป็นประโยชน์ ควรกระทำทั้งกาย วาจา ปัญญาต้องเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง นั่นเป็นเหตุที่จะทำให้ค่อยๆ ประพฤติตาม ไม่ใช่ประพฤติตามทันทีได้ทั้งหมด
~ ถ้าเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของกุศล โอกาสที่จะทำดี ก็จะทำเลย เพราะเหตุว่า ขณะใดก็ตามที่ไม่ได้ทำดี เกือบจะไม่รู้เลยว่า ขณะนั้นกำลังสะสมอกุศลที่จะเป็นเหตุให้ทำอกุศลกรรม
~ ต้องอาศัยกาลเวลาในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะขัดเกลากิเลส เมื่อเห็นกิเลสมากเท่าไร ก็รู้ว่าจะต้องอาศัยกาลเวลานานมากทีเดียว กว่าที่จะขัดเกลากิเลสนั้นๆ ได้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรม และไม่ขาดการที่จะพิจารณาตนเอง เพราะเหตุว่า พระธรรมที่ได้ฟังทั้งหมด เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาและการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น
~ ธรรมทั้งหมด บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นประโยชน์ ก็คือ เริ่มสะสมสิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใดทั้งสิ้นในสังสารวัฏฏ์ ได้อะไรมาแล้วทั้งหมดในสังสารวัฏฏ์ เดี๋ยวนี้อยู่ไหน? แล้วยังอยากได้อีกหรือ?
~ แต่ละคนก็ดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตหนึ่ง ชีวิตของใครจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น สุขสบาย ทุกข์ยาก ลำบาก มากน้อยสักเท่าใด จะเห็นอะไร ได้ยินอะไร ทั้งหมดก็ให้ทราบว่า แท้ที่จริงแล้ว ก็เป็นเพียงชั่วขณะจิตหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเท่านั้นจริงๆ
~ โลภะเกิด คนนั้นเห็นอะไรชอบหมดทุกอย่างเลย อยากจะได้ไปหมด ถ้าคนไหนที่สะสมความขุ่นเคืองใจ คนนั้นก็มักโกรธ เจออะไรนิดหนึ่งก็ไม่ถูกใจ เพราะเหตุว่าสะสมสะสมไว้เรื่อยๆ บางคนก็เป็นคนที่ริษยา เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นคนที่สะสมความริษยาไว้ ความริษยาก็มีมากกว่าคนอื่นที่ไม่ได้สะสมมา
~ เข้าใจพระธรรมจากการฟัง ก็จะเป็นการสะสมให้ความเข้าใจนั้นเพิ่มขึ้น เพราะว่าใครก็ไม่สามารถทำให้ปัญญาเกิดขึ้นได้ นอกจากการได้ยินได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไตร่ตรองจนกระทั่งมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น
~ ถ้ามีความเข้าใจเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ความไม่รู้ลดน้อยลง อกุศลธรรมทั้งหลายและความติดข้อง น้อยลง การเห็นโทษของอกุศลก็เพิ่มขึ้น เพราะว่าเป็นธรรมทั้งหมด แม้แต่ปัญญาขณะนั้น ก็เกิดขึ้นเห็นโทษของอกุศล แล้วก็นำไปสู่ความดีทุกประการ
~ ความชั่ว มีไหม? ความดี มีไหม? ต่างกันไหม? อะไรเป็นประโยชน์? แล้วจะไม่ทำดีหรือ? จะทำทุจริตหรือ? จะหมดทุจริตคือความไม่ดีได้ ก็ด้วยความเข้าใจพระธรรม
~ ใครก็ตามที่มีอกุศล และไม่เห็นโทษของอกุศลนั้นแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะเห็นได้ว่า ความดีที่คิดจะทำเพื่อที่จะละอกุศลในขณะนั้นยังทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น การที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมก็ต้องยากยิ่งกว่านั้น ถ้าเข้าใจอย่างนี้ จะรีบทำความดีไหม? จะรีบละอกุศลในขณะนั้นที่กำลังเกิดไหม?
~ ขณะใดที่เข้าใจธรรม ประโยชน์มหาศาล คือ ขณะนั้น ละความไม่รู้และความติดข้อง
~ ข้าศึกศัตรูคือกิเลส (มีอวิชชา ความไม่รู้ เป็นต้น) อยู่ตรงนี้ แต่ดูเหมือนไกลแสนไกล เพราะไม่รู้ความจริง
~ ข้าศึกศัตรูคือกิเลส ถูกปราบด้วยปัญญา
~ ไม่มีอย่างอื่นใดทั้งสิ้นที่จะกล้าสู้กับกิเลสหรือจะทำลายกิเลสได้ นอกจากความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยตามความเป็นจริง ไม่ลืมกำลังของปัญญา แต่ต้องมีปัญญา ไม่ใช่ไม่มีปัญญาแล้วไปคิดถึงกำลังของปัญญา
~ เปลี่ยนความดีที่คนอื่นทำซึ่งเป็นคุณความดีให้ไม่เป็นคุณความดีได้ไหม? ความดีนิดเดียว ก็เป็นความดี ความดีมากขึ้น เพิ่มขึ้น ก็ยังคงเป็นความดี แต่เพิ่มขึ้น ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น ความดีเป็นความดี เปลี่ยนไม่ได้
~ พระธรรม ทำให้บุคคลที่ไม่เคยเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริง เริ่มมีความเข้าใจขึ้น เมื่อเห็นโทษของอกุศล ก็ละบาป ไม่พอ เพราะเหตุว่า ขณะใดก็ตามที่ไม่เจริญกุศลหรือจิตไม่เป็นกุศล ขณะนั้นเป็นอกุศล เพราะฉะนั้น จึงต้องทำความดีด้วย แล้วก็ชำระจิตให้บริสุทธิ์เมื่อมีความเข้าใจธรรม ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ไม่มีทางที่จิตจะบริสุทธิ์ได้
~ ทุกคนเสมอกัน มีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย มีใจ มีความรู้สึก รักสุข เกลียดทุกข์เหมือนกัน ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ จะเห็นใจคนอื่นไหม กายวาจาของเราจะดีขึ้นไหม ด้วยการอบรมเจริญปัญญาเพื่อขัดเกลากิเลสที่จะถึงการดับกิเลส แต่ถ้าไม่มีการขัดเกลาเลย แล้วเราจะดับกิเลสได้อย่างไร
~ ผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรมวินัย ก็ไม่หยุดที่จะกล่าวถึงพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง เพื่อค่อยๆ พยุงคนที่สามารถเข้าใจได้ ให้มีความเข้าใจที่มั่นคงขึ้น
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๐๖


... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ทางสื่อไลน์ยินดี เด่นล้ำ อาจารย์สุจินต์นำวิถี ทางถูก ฟังแห่งความจริงค้ำ เลิศด้วยปัญญา
ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา