ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑๐
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะทรงแสดงกับใครในยุคนั้นสมัยนั้น ก็เป็นเสมือนว่าทรงแสดงกับแต่ละคนที่กำลังได้ฟังในยุคนี้สมัยนี้
~ มีทางที่จะช่วยคน จากที่เป็นอกุศลให้เป็นกุศลได้ ก็ควรจะทำอย่างยิ่ง
~ กุศลต้องเป็นกุศล และอกุศลต้องเป็นอกุศล ผู้ที่ตรงต่อธรรม ก็เป็นผู้ที่อบรมเจริญปัญญาและเจริญกุศลยิ่งขึ้นได้
~ ผู้เห็นโทษในความเป็นผู้ทุศีล (ล่วงศีล,ประพฤติชั่ว) จึงรักษาศีล เห็นว่า การไม่สำรวมกาย วาจา และ การที่กาย วาจาประพฤติในทางทุจริต ย่อมนำโทษมาให้ แม้แต่เพียงคำพูด ซึ่งถ้าไม่สำรวมก็อาจจะไม่รู้เลยว่า นำโทษมาให้แล้วแก่ผู้พูดและกับบุคคลอื่นด้วย เพราะฉะนั้น ในเรื่องของกายและวาจา ถ้าเห็นโทษของความเป็นผู้ทุศีล จึงรักษาศีลหรือสำรวมกายและวาจาขึ้น
~ อกุศลธรรมของคนอื่นสามารถที่จะเป็นปัจจัยให้กุศลจิต คือ เมตตาของท่านเกิดได้ เพราะกุศลธรรม ตั้งใจไว้ชอบ ไม่มีประโยชน์เลยในการที่จะเกิดโทสะ แต่ว่าถ้าเกิดเมตตา เวลาที่เห็นคนอื่นกระทำอกุศลกรรม หรือว่าสภาพจิตใจของคนนั้นเป็นอกุศล ควรที่จะมีเมตตาว่า บุคคลนั้นจะต้องสะสมอกุศลจิตและอกุศลกรรมไปมากมาย ควรที่จะมีเมตตาอย่างยิ่ง
~ ขณะโกรธใคร กำลังสะสมอกุศลให้กับใคร?
~ บางท่านมีความหวังร้ายต่อผู้ที่ประพฤติไม่ชอบ เพราะฉะนั้น ก็ลองพิจารณาสภาพจิตของท่านเอง ว่า เคยมุ่งหวังที่จะให้คนที่ประพฤติไม่ชอบ ได้รับโทษ ได้รับภัยอันตรายต่างๆ อย่างร้ายแรงหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น จิตของท่านเองทำร้ายตัวของท่านเอง เพราะบุคคลอื่นไม่ได้เป็นไปตามความคิดของท่าน แต่ย่อมเป็นไปตามกรรมของเขา เพราะฉะนั้น เขาย่อมได้รับผลของอกุศลกรรมนั้นเอง โดยที่ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องไปหวังร้ายหรือว่าคิดร้ายต่อบุคคลนั้นเลย
~ คนที่มีเมตตา จะไม่มีโทษใดๆ ทั้งสิ้น และเป็นผู้ประเสริฐด้วยในขณะที่มีเมตตาต่อคนอื่น
~ สำหรับเรื่องเมตตา จะต้องเข้าใจให้ถูก คือ เป็นสภาพของจิตที่มีความเป็นมิตร เพราะฉะนั้น ไม่เกี่ยวกับการท่องหรือไม่เกี่ยวกับการแผ่เมตตา แต่เป็นขณะที่มีสัตว์ มีบุคคล ไม่ว่าจะเป็น ณ สถานที่ใดก็ตาม และบุคคลนั้นจะเป็นใครก็ตาม ถ้าเป็นผู้มีปกติอยู่ด้วยเมตตา ก็จะเป็นผู้ที่พร้อมจะเกื้อกูลบุคคลนั้น
~ ความดี ไม่ต้องรั้งรอ เดี๋ยวนี้เลย เติมความดีทุกวัน เดี๋ยวนี้ทำดีโดยการฟังพระธรรม แล้วเวลาที่ไม่ได้ฟังพระธรรมก็ทำดีได้เหมือนกัน เช่น เป็นมิตรกับใคร ก็ดีทันที ช่วยเหลือเกื้อกูลบุคคลอื่น ก็ดีทันที
~ สภาพจิต ที่ให้ ด้วยความสละ เพื่อประโยชน์สุขแก่บุคคลอื่น ขณะนั้น ก็เห็นได้เลยว่าถ้าจิตไม่ผ่องใส ทำอย่างนั้นไม่ได้
~ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมเลย ก็เป็นผู้ไม่รู้โดยตลอดจนกระทั่งตายไปเกิดอีกก็ไม่รู้อีก ไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้และเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วกี่พระองค์ คนนั้นก็ยังคงไม่รู้อยู่นั่นเอง
~ ถ้าเป็นผู้ไม่ตรง จะไม่ได้สาระจากพระธรรม เพราะพระธรรม ตรง ถ้าผิดจากพระธรรม คือ ไม่ตรง
~ เป็นโอกาสที่ยากแสนยากอย่างยิ่งกว่าจะได้ฟังพระธรรม ไหนๆ ก็ได้ฟังแล้ว ก็ขอให้เห็นประโยชน์จริงๆ ฟังจริงๆ เพื่อเข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง
~ เกิดมาแล้ว ต้องไปแน่ๆ ต้องจากโลกนี้ไปอย่างแน่นอน อย่าคิดว่าอีกนาน เพราะอาจจะไม่นานเลย อาจจะเป็นวันนี้ หรือพรุ่งนี้ก็ได้
~ ชีวิตที่มีค่าในระหว่างที่ยังไปไหนมาไหนได้ ก็คือ ได้มาฟังพระธรรม
~ มีเงินมากมายมหาศาล เป็นทุกข์ไหม? เอาเงินนั้นมาซื้อทุกข์ให้หมดไปได้ไหม? ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็เห็นได้เลย ว่า เมื่อไหร่มีปัญญา เมื่อนั้น ไม่มีทุกข์ ไม่เป็นทุกข์ เพราะปัญญาไม่ทำให้เกิดความทุกข์ใดๆ เลย
~ ผู้ที่มีพระมหากรุณากว่าคนอื่นทั้งหมด ก็คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะสัตว์โลกมีความไม่รู้ มีความเห็นผิด เข้าใจผิดในธรรม เพราะฉะนั้น จึงทรงพระมหากรุณาแสดงพระธรรม เห็นได้เลยว่า พระธรรม มีประโยชน์ เมื่อมีความเข้าใจแล้ว นำมาซึ่งสิ่งที่เป็นกุศลเพิ่มขึ้นทั้งกาย วาจา ใจ
~ ปัญญา (ความเข้าใจถูกเห็นถูก) จะทำให้เป็นผู้ไม่เดือดร้อน ด้วยการกระทำของคนอื่น แต่ว่ารู้หนทางที่จะละคลายกิเลสของตนเอง เพราะรู้แล้วว่า กิเลสของตนเอง ไม่ได้อยู่ที่คนอื่น และไม่ใช่คนอื่นนำมาให้
~ ไม่ได้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เพราะไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น รู้ได้เลยว่า ไม่เข้าใจเมื่อไหร่ ไม่ใช่ชาวพุทธ เรียกเอาเอง แต่ไม่ใช่ เพราะว่า ถ้าเป็นชาวพุทธ ก็ต้องฟังพระธรรมแล้วก็ต้องเข้าใจด้วย
~ ความเห็นผิดเป็นอกุศลธรรมประเภทหนึ่ง ซึ่งพัดไปทำให้ไม่กลับมาสู่ความเห็นถูก เพราะฉะนั้น เป็นอันตรายมากถ้ามีความเห็นผิดเพียงเล็กน้อยแล้วจะทำให้เห็นผิดนั้นพาไปสู่ความเห็นผิดที่มากขึ้นและลึกขึ้น แล้วก็ยากแก่การที่จะละ
~ การเข้าใจธรรมผิดคาดเคลื่อน จะนำไปสู่การปฏิบัติที่ผิด เป็นผู้มีความเห็นที่ผิดคล้องไว้ มัดไว้ ไม่ให้ไปสู่ความเห็นที่ถูกต้อง
~ พื้นฐานที่จะต้องเข้าใจก่อน คือ ทุกอย่างเป็นธรรม (สิ่งที่มีจริง) ไม่ว่าจะพูดถึงสภาพธรรมใดๆ ก็ตาม เมตตาเป็นธรรม กรุณาเป็นธรรม อกุศลเป็นธรรม โลภะ โทสะ โมหะ เป็นธรรม ทุกอย่างเป็นธรรม ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ก็สามารถเข้าใจแต่ละคำที่มีในพระไตรปิฎกถูกต้องชัดเจนขึ้น
~ ธรรมดาของคนที่มีกิเลส เมื่อสะสมพอกพูนกิเลสไว้มากๆ ย่อมหมิ่นเหม่ต่อการกระทำอกุศลกรรม เบียดเบียนทั้งตัวเองและผู้อื่นให้เดือดร้อน
~ ควรที่จะได้เห็นตามความเป็นจริงว่า มีศรัทธา มีปัญญาเพียงเล็กน้อยแล้วไม่สะสมเพิ่มเติมจนกระทั่งมีกำลัง อย่างอื่น คือ อกุศล ก็จะมีกำลังมากกว่า
~ การที่ได้ฟังฟังพระธรรมและค่อยๆ เข้าใจขึ้น ก็เป็นการละความไม่รู้ เพราะได้เข้าใจ ซึ่งอีกไกลมากกว่าจะละความไม่รู้ได้หมดสิ้น แต่ขณะนี้ก็ได้เริ่มแล้ว คือ เริ่มสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ ถ้าไม่มีการฟังพระธรรม ทุกขณะที่ผ่านไป ก็เป็นการโปรยธุลีสิ่งสกปรก คือ อกุศล ลงในจิต
~ ต้องเป็นผู้ที่ตรง แม้แต่ในการศึกษาพระธรรม ก็เพื่อขัดเกลาอกุศล แล้วการที่จะขัดเกลาได้ ก็ต่อเมื่อรู้ความจริง เพราะฉะนั้น ไม่มีใครสามารถที่จะเอาอกุศลที่สะสมมาในจิตของตัวเองออกทิ้งไปหมดได้เลยนอกจากปัญญาที่ค่อยๆ เกิดขึ้น
~ ถ้าคิดถึงความดีของเขา เราก็ไม่เดือดร้อน แต่พอคิดถึงความไม่ดีของเขา ทั้งๆ ที่เป็นความไม่ดีของเขา ก็ไปเดือดร้อน ขณะนั้น เราเองต่างหากที่เดือดร้อน
~ อกุศลแม้เพียงเล็กน้อยนิดเดียว เกิดเมื่อไหร่ก็เบียดเบียนจิตให้เดือดร้อนโดยไม่รู้ แต่พอเป็นอกุศลมากๆ ก็กระทำการทุจริต ขณะนั้นก็เบียดเบียน แรง เพราะฉะนั้น ผลของทุจริตกรรมก็ทำให้ไปสู่อบายภูมิ
~ ถ้ายังมีกิเลสอยู่ เห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ก็เดือดร้อน ได้ยินเสียงที่ไม่น่าพอใจ ก็เดือดร้อน ได้กลิ่นที่ไม่น่าพอใจก็เดือดร้อน ลิ้มรสที่ไม่น่าพอใจก็เดือดร้อน เดือดร้อนไปหมด.
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๐๙

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา