ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๒๕
โดย khampan.a  13 ก.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 50377

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๒๕



~ เราจะทำสิ่งที่ไม่ถูกหรือในเมื่อถ้ามีความเข้าใจว่าอะไรถูกต้อง และเพื่อประโยชน์แก่คนอื่นทั้งหมด สมควรไหมที่จะพูดให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ว่าประโยชน์สำคัญกว่า คือ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง เพราะฉะนั้น ถ้าใครคิดว่าจะต้องปกปิดหรือว่าหยุดที่จะกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่เป็นการถูกต้อง ทุกอย่างก็ต้องละเอียดมาก ไม่ว่าคำพูดของใคร ถ้าให้หยุดการกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผิดหรือถูก
~ ชีวิตตามความเป็นจริงของแต่ละละคนรู้ได้เลย เเสวงหาไปหมด ตราบใดที่ยังมีกิเลสก็แสวงหาสิ่งที่น่าพอใจ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่เมื่อมีโอกาสได้สะสมศรัทธาสภาพที่ผ่องใสจากอกุศลที่จะรู้ความจริงเข้าใจความจริง ก็มีการได้ยินได้ฟังพระธรรม เพราะฉะนั้น ก็แสวงหาความเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น
~ ควรจะรู้ว่าวาจาอะไรก็ตามที่เป็นวาจาไม่ดีนั้นมาจากจิตไม่ดี เพราะฉะนั้น วาจามีหลายอย่าง คำอ่อนหวานน่าฟังกับคำที่ไม่น่าฟังก็ต่างกันแล้ว มาจากไหน จิตอะไร ต้องเป็นความละเอียดจริงๆ
~ ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องมีประโยชน์ด้วย แต่ต้องเป็นคำจริงด้วย และในขณะที่พูดก็มีเมตตาจิต คือ มีความเป็นเพื่อน หวังดี คำพูดนั้นๆ ทำให้ผู้ได้ฟังรู้สึกอย่างไร ถ้าคนพูด พูดด้วยความหวังดีจริงๆ พูดด้วยความเมตตา ความเป็นเพื่อน รู้สึกสบายใจ ใช่ไหม ผู้นี้เป็นมิตรแน่นอน ไม่เป็นศัตรูเลย เพราะฉะนั้น แต่ละคำของเขาก็เต็มไปด้วยความหวังดีกับคนอื่นซึ่งผู้ได้รับฟังคำพูดอย่างนั้นก็ต้องรู้สึก ไม่ได้ทำร้าย ไม่ได้ทำลาย ไม่ได้เป็นโทษใดๆ เลยทั้งสิ้น แต่ด้วยความหวังดี พูดคำจริงซึ่งเป็นประโยชน์ด้วย อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ พูดน่าฟัง แม้เป็นคำจริง ถ้าพูดไม่น่าฟัง บางคนก็ไม่อยากฟัง
~ การพูดคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ทราบว่า คนพูด พูดสิ่งที่ถูกต้องเเละเป็นประโยชน์ เป็นความหวังดีที่เป็นมิตร ไม่ใช่เป็นศัตรู แต่มีความปรารถนาที่จะให้คนอื่นเข้าใจถูกพ้นจากความเห็นผิด
*** ~ ปัญญาไม่ได้นำความทุกข์มาให้เลย ปัญญานำมาซึ่งคุณความดีทั้งปวง ปัญญาทำให้รู้ว่าแม้เพียงกุศลเล็กน้อยเท่าไหร่ เเค่หนึ่งขณะก็ยังมีประโยชน์มหาศาล เพราะถ้ากุศลไม่เกิด อกุศลเกิดเเล้ว ถ้าไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี จะมีความดีเพิ่มขึ้นได้ไหม เมื่ออกุศลมากๆ ทุกวัน เพิ่มขึ้นทุกวัน แล้วเมื่อไหร่จะละอกุศลหมด***
*** ~ ถ้ามีความเป็นเพื่อน ไม่เดือดร้อนเลยสักขณะเดียว ไม่ว่าจะเป็นตรงไหน ที่ไหน เราไม่สามารถจะไปเปลี่ยนใจใครได้ แต่ใจของเราที่ไม่เป็นศัตรูไม่คิดร้ายต่อใคร ขณะนั้นเราจะไม่มีศัตรูเลย เพราะว่าเราไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร***


~ เมื่อเข้าใจว่าเป็นธรรมแล้ว ชีวิตก็จะเจริญในทางฝ่ายกุศล จะไม่เบียดเบียนใคร และเราก็จะไม่เดือดร้อนด้วย เพราะเหตุว่าธรรมที่เป็นกุศลมีปัจจัยที่จะเกิดขึ้น
~ ควรที่จะเห็นคุณอันประเสริฐยิ่งของปัญญา และอบรมให้มากขึ้น อย่าหวังสิ่งอื่นเลย เพราะว่าไม่สามารถดับกิเลสได้ ถ้าเป็นการหวังในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย) ก็ยิ่งเพิ่มความต้องการ เพิ่มกิเลส เพราะฉะนั้น ควรที่จะขวนขวายในการเจริญปัญญาให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้
~ ถ้าท่านที่ยังเป็นคนย่อหย่อนเกียจคร้านในการกุศล ลำบากจัง เหนื่อยนัก หรือว่าเสียเวลามาก หรือว่าลำบากนิดหน่อย ก็แล้วแต่ ในความรู้สึกของท่าน ขณะนั้นเป็นอกุศล ถูกครอบงำแล้วด้วยอกุศล กุศลจึงเกิดไม่ได้
~ บางท่าน เมื่อเวลาผ่านไป ท่านก็เกิดเสียดายโอกาสของกุศลที่ควรจะได้กระทำ แต่ไม่ได้กระทำ เพราะว่าขณะนั้นเป็นผู้ที่ย่อหย่อนเกียจคร้านในกุศล เพราะฉะนั้น ควรที่จะระลึกถึงวิริยบารมี และสร้างวิริยบารมี เพื่อที่จะละคลายอกุศล
~ ทานอีกประการหนึ่งซึ่งควรจะพิจารณาสำหรับผู้ที่จะเจริญบารมี คือ อภัยทาน ถ้าไม่คิดว่าเป็นบารมี บางท่านไม่อภัย แต่เมื่อคิดว่า ถ้าไม่อภัยแล้ว จะสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานดับกิเลสได้อย่างไร ถ้าคิดอย่างนี้ก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สามารถมีอภัยทานได้ซึ่งเป็นทานที่สูงกว่าทานขั้นอื่นๆ เพราะว่าเป็นการขัดเกลากิเลสในเรื่องของโทสะ
~ ทุกคนต้องจากโลกนี้ไป และบางท่านที่บางขณะระลึกถึงความตาย ก็อาจจะระลึกว่าจะไม่เห็นโลกนี้อีกต่อไป เมื่อตายแล้วจะไม่เห็นโลกนี้อีก โลกนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในแต่ละวันๆ ผู้นั้นไม่สามารถรู้เห็นอีกต่อไปได้ เมื่อจากโลกนี้ ไปแล้วก็ไปสู่โลกอื่น เป็นบุคคลอื่นทันที
*** ~ เมื่อมีปัญญามีความเห็นถูกต้องแล้ว ความคิดก่อนๆ ซึ่งเคยคิดไปในทางไม่ดี ในทางเบียดเบียน ในทางติดข้อง ในทางเอาเปรียบ ในทางขาดเมตตา นานาประการในความคิดเหล่านั้น ก็จะค่อยๆ เปลี่ยน ค่อยๆ คลาย ค่อยๆ ลด แล้วเพิ่มทางฝ่ายกุศลขึ้นได้***
~ ใครก็ตามเป็นผู้ไม่โกรธ และมีปกติอยู่ด้วยเมตตา ก็แสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของการไม่โกรธ เห็นประโยชน์ของการเจริญบารมีเพื่อที่จะขัดเกลากิเลสด้วย
~ การฟัง ฟังเพื่อไม่ลืมที่จะเข้าใจความเป็นจริงของธรรม โดยที่ไม่ลืมว่าธรรมเป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าสามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังมีขณะนี้ได้ ก็จะรู้ความจริงของสภาพธรรมว่า ไม่มีสักอย่างเดียวที่เป็นเรา เห็นแค่เห็น สิ่งที่ปรากฏทางตาเพียงปรากฏให้เห็น
~ ถ้าจะดับอกุศล ต้องมีปัญญาอย่างเดียว อย่างอื่นไม่สามารถดับเชื้อของอกุศลทั้งหลายซึ่งสะสมจนกระทั่งจิตเน่าใน เดี๋ยวก็ปรากฏเป็นแผลเล็กแผลน้อย พุพองขึ้นมา แต่ความจริงแล้วปัญญาสามารถหยั่งลึกลงไปถึงพืชเชื้อซึ่งเป็นอนุสัยกิเลสที่จะดับ ไม่ให้เกิดอีกเลยได้



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ 724


... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...



ความคิดเห็น 1    โดย jaturong  วันที่ 13 ก.ค. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย swanjariya  วันที่ 13 ก.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


ความคิดเห็น 3    โดย มังกรทอง  วันที่ 13 ก.ค. 2568

แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ
หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา
กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา
อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 13 ก.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 5    โดย Jans  วันที่ 14 ก.ค. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย nattawan  วันที่ 14 ก.ค. 2568

ปัญญาไม่ได้นำความทุกข์มาให้เลย ปัญญานำมาซึ่งคุณความดีทั้งปวง ปัญญาทำให้รู้ว่าแม้เพียงกุศลเล็กน้อยเท่าไหร่ เเค่หนึ่งขณะก็ยังมีประโยชน์มหาศาล เพราะถ้ากุศลไม่เกิด อกุศลเกิดเเล้ว ถ้าไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี จะมีความดีเพิ่มขึ้นได้ไหม เมื่ออกุศลมากๆ ทุกวัน เพิ่มขึ้นทุกวัน แล้วเมื่อไหร่จะละอกุศลหมด

ยินดีในกุศลวิริยะค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย มังกรทอง  วันที่ 22 ต.ค. 2568

สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ฟังธรรมะในดิถี ถูกต้อง อาจารย์สุจินต์ศรี เป็นหลัก จิตเจตสิกรูปสอดคล้อง มั่นแฟ้นคำจริง