ความเข้าใจเรื่องการเจริญธรรม
โดย พุทธรักษา  22 ก.พ. 2552
หัวข้อหมายเลข 11329

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านผู้ฟัง ตามที่อาจารย์กล่าวมาเมื่อกี้ ว่าพิจารณา โดยความเป็นธาตุ.พิจารณา โดยความเป็นปฏิกูล เท่านี้ ก็สามารถบรรลุความเป็นพระอรหันต์ได้โดยทางอื่นๆ เช่น ทางเวทนา ทางจิต ทางธรรม ไม่ต้องพิจารณา

ท่านอาจารย์ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมโดยย่อสำหรับ ผู้ที่ไม่สงสัยว่า "การเจริญธรรม" นั้น จะรู้อะไรบ้าง ผู้ที่เข้าใจแล้ว จะรู้ว่า การเจริญธรรม นั้นคือ การรู้สภาพธรรมทั้งหลาย ตามความเป็นจริงที่ปรากฏทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
อย่างนี้ จึงจะดับกิเลสได้นี่คือ ผู้ที่เข้าใจ "เรื่องการเจริญธรรม"
ท่านผู้ฟัง ผมก็อดที่จะพูดไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะขัดคอ หรืออะไรคือว่า ตามที่เรารู้มา พระท่านไม่พูดอะไรมากหรอก ท่านพูดนิดๆ หน่อยๆ แล้วมีความหมาย อย่างที่ผมจะขอยกตัวอย่างอย่างเช่น ท่านจุฬบัณฑก ท่านเรียนอะไรๆ ก็ท่องไม่ได้ แม้แต่คาถาสักบท พี่ชายท่านก็ไล่ให้ไปสึก ท่านก็ร้องไห้ร้องห่ม

พระผู้มีพระภาคพบเข้า ตรัสเรียกให้มานี่...แล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้ แล้วตรัสว่าเธอภาวนาเท่านี้ รโช หรนํ รโช หรนํ เดี๋ยวนี้ อาจารย์ต่างๆ ท่านก็เอามาเสกผ้าเช็ดหน้าแล้วว่ามี ปัญญา รโช หรนํ ศัทพ์นี้ เดิมมีว่าอย่างนี้คือ ผ้านี้มีธุลี (พระองค์) ทรงสอนให้ พระจุฬบัณฑก เท่านั้นแหละ เมื่อ พระจุฬบัณฑก เอาผ้าขาวๆ มา แล้วเอามือลูบๆ ผ้าก็มีสีเศร้าหมอง ท่านเลยคิดไปถึงสังขารตั้งแต่เกิดมา เพราะฉะนั้น ท่านไม่ได้ตรัสมากหรอกครับ.
เราจะเห็นภาษาบาลี เช่น คำว่า "บุญ" บางทีท่านก็เรียก ว่า ธรรมขาว กุศล คำว่า "บาป" เรียกว่า ธรรมดำ ลามก แต่มีความหมายอย่างเดียวกัน

ท่านตรัสไม่มาก แต่ความหมายของท่านน่ะ อาจจะเป็นประเด็นสำคัญ เป็นจุดแพ้ จุดชนะเลยทีเดียวเมื่อเราทำได้แล้ว อย่างอื่น มันก็จะตามมา ฉันใด ฉันนั้น ท่านกล่าวว่า กายคตาสติ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ความหมายก็เหมือนกันล่ะ ตัวหนังสือเท่านั้นที่มันต่างกัน
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องปฏิบัติ ก็จะเข้าใจไปว่า ให้ไประลึกถึงขน ผม เล็บ ฟัน หนัง เท่านั้น แต่ระลึกยังไง มหาสติปัฏฐานสูตร เอาไปทิ้งไว้ที่ไหน
ทุกคนเห็นผม เวลานี้นะคะ!สติจะต้องระลึกรู้ตรงสภาพธรรมที่ปรากฏ ทางตา ตามความเป็นจริงว่าไม่ใช่ "ความจำว่าเป็นผม"

ขณะที่เห็น "ไม่ใช่ขณะที่จำได้ว่าเป็นผม" เห็น ก็เพียงเห็น (สิ่งที่ปรากฏทางตา) แล้วการรู้ว่าเป็นผม ก็ไม่ใช่เราที่รู้ แต่เป็นความจำความจำ เป็นสภาพธรรมที่จำ ในลักษณะที่ปรากฏแล้วรู้ ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร
แนวทางเจริญวิปัสสนาโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ถอดเทปโดยคุณย่าสงวน สุจริตกุล
ขออนุโมทนา




ความคิดเห็น 1    โดย suwit02  วันที่ 23 ก.พ. 2552

สาธุ


ความคิดเห็น 2    โดย สุภาพร  วันที่ 24 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 3    โดย pornpaon  วันที่ 26 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 4    โดย ประสาน  วันที่ 29 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด


ความคิดเห็น 5    โดย chatchai.k  วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ