ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑๖
โดย khampan.a  11 ส.ค. 2562
หัวข้อหมายเลข 31094

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑๖


~ พระธรรม ยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง แล้วใครจะไปปกปิดไว้ ด้วยเหตุอะไร เพราะอะไร มีเหตุผลอะไรที่จะปกปิด ที่จะไม่ให้กล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่าคนฟังสามารถพิจารณาได้ ไม่ใช่ว่าฟังแล้วต้องเชื่อ แต่ทุกคำ ไตร่ตรอง พิจารณาเข้าใจได้ และรู้ว่าคำนั้นเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ใครสามารถคิดขึ้นมาเองได้
~ ผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็จะไม่ละเลยในการฟังพระธรรม เพราะรู้ว่าหนทางเดียวที่จะรู้จักพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ ฟังแล้วก็มีความเข้าใจว่า ทั้งหมดจากการที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ ซึ่งลึกซึ้งละเอียดอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่ได้ฟังพระธรรม ก็พูดคำที่ไม่รู้จักตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคำอะไรทั้งสิ้น
~ ปัญญากว่าจะละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราเพราะรู้ความจริงของสภาพธรรม จนไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลยในสภาพธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ต้องมาจากอบรมและมีกุศลเพิ่มขึ้นด้วย ไม่ใช่คนที่ฟังธรรมแล้วก็เห็นแก่ตัวเหมือนเดิม ประโยชน์อะไรจากการฟัง? แต่ถ้าจากการฟังและมีความเข้าใจจริงๆ ว่า เป็นธรรม ความเข้าใจจริงๆ ก็จะทำให้พฤติกรรมในชีวิตก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ทุกอย่าง
~ การที่คนอื่นจะได้รับสิ่งที่เป็นประโยชน์ สำคัญ ถ้าเราสามารถกระทำได้ คือ มีการคิดถึงคนอื่นมากขึ้น เสียสละมากขึ้น และคิดถึงตัวเองน้อยลง จนไม่มีเวลาที่จะมานั่งคิดถึงตัวเอง จะทำประโยชน์ทั้งเขาและเรา เพราะว่าไม่ต้องมานั่งคิดว่า เดี๋ยวเราจะป่วยไข้ เดี๋ยวจะเป็นอย่างนั้น เดี๋ยวจะเป็นอย่างนี้ มัวแต่กังวลถึงเรื่องตัวเอง
~ การที่จะไม่มีกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ใดๆ เลยทั้งสิ้น ซึ่งเป็นไปได้ ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ แต่ต้องอาศัยหลายอย่างซึ่งเป็นบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ทั้งสัจจะ (ความจริงใจ) และเป็นผู้มีอธิษฐาน (ความตั้งใจมั่น) ที่จะประพฤติตามความจริงใจด้วย ก็ต้องมีบารมีอื่นๆ ด้วย แสดงให้เห็นว่า ความดีเท่าไหร่ ไม่พอ ถ้าความดีเกิดมากๆ คนนั้นก็เป็นคนดีมากๆ แต่ถ้าความดีเกิดเล็กน้อย คนนั้นก็ดีเพียงเล็กน้อย
~ ความดีเป็นสิ่งที่ทำได้ แล้วควรทำแล้วก็ทำบ่อยๆ ก็จะมีกำลังขึ้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์จริงๆ ของความดี ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนจะได้รับ ก็เพราะมาจากความดีเป็นเหตุ สิ่งที่ไม่ดีจะนำสิ่งที่ดีมาให้ไม่ได้เลย
~ มีความมั่นใจมั่นคง ว่า อกุศลทั้งหลายไม่มีทางที่จะนำสิ่งที่ดีมาให้ได้เลย และมีความมั่นใจมั่นคง ว่า กุศลทั้งหลายซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ก็ต้องนำมาซึ่งสิ่งที่ดีได้ ถ้ามีความมั่นใจมั่นคงอย่างนี้ ก็จะทำให้ทำความดีเพิ่มขึ้น
~ ทางที่จะคิดถึงประโยชน์ของคนอื่น มีมาก ถ้าเราไม่คิดถึงตัวเอง ไม่สะสมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตัวเอง แต่สิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์แก่คนอื่น แม้พื้นฐานเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็จะมีความมั่นคงขึ้น จนกล้าที่จะสละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา
~ ที่พึ่งที่แท้จริง ไม่ใช่ที่พึ่งจะให้มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย ซึ่งแต่ละชาติ ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้ว่า จะมีการประสบพบเห็นสิ่งที่เป็นทุกข์เดือดร้อน หรือเป็นสุขโสมนัสสักแค่ไหน เพราะว่าทุกอย่างก็ผ่านไป เพราะฉะนั้น ขณะนี้ทุกอย่างก็กำลังผ่านไปอยู่เรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรม โลกมืดสนิท ไม่รู้จักแม้แต่คำว่า “ธรรม” (สิ่งที่มีจริงๆ )
~ การศึกษาพระธรรม ให้ทราบว่า พระปัญญาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี ๔ อสงไขยแสนกัปป์ เพื่อที่จะได้ตรัสรู้และทรงแสดงพระธรรม อนุเคราะห์สัตว์โลก ทุกคำ ไม่ใช่ว่าชาวโลกซึ่งอยู่ในความมืดสนิทสามารถจะเข้าใจได้ แต่ต้องเป็นผู้เงี่ยโสต (หู) ลงสดับ และศึกษาคำนั้นให้เข้าใจจริงๆ
~ กว่าจะถึงวิชชา (ปัญญา) จนหมดกิเลสได้จริงๆ ต้องรู้ว่า กิเลสมากมายมหาศาลแค่ไหน ลึกเหนียวแน่นแค่ไหน และถ้าไม่มีการฟังให้เข้าใจ ไม่มีทางจะดับกิเลสเลย คนไม่รู้ก็ไปนั่งปฏิบัติ ทำอะไรต่ออะไร หวังว่าจะรู้ แล้วจะหมดกิเลส แต่ถ้าไม่ใช่ความเข้าใจสิ่งที่กำลังมีขณะนี้ ไม่ใช่ปัญญาเลย มีสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ไม่เข้าใจ แล้วจะบอกว่ามีปัญญาได้อย่างไร
~ เพราะไม่รู้จึงติดข้อง ชอบอะไรที่สวยๆ ไม่รู้ว่า ความจริงแค่ปรากฏให้เห็น ยังคงยึดถือว่ายังมีอยู่ ทั้งๆ ที่ไม่มี สิ่งนั้นจะจากเราไป ถูกคนเขาขโมยไปก็ได้ หรือเราจะจากสิ่งนั้นไป คือ เราจะตายจากสิ่งนั้น ไม่เป็นเจ้าของสิ่งนั้นอีกต่อไปก็ได้
~ เมตตา คือ ความหวังดี ความเป็นมิตร ไม่เลือกด้วย ไม่ว่ากับใคร พร้อมที่จะเกื้อกูล ถ้ามีโอกาสที่จะช่วยเหลือหรือทำอะไรได้ นี่คือความเป็นมิตร
~ สามารถจะกรุณา (ช่วยเหลือให้พ้นจากทุกข์) ได้ ด้วยความผ่องใสที่มีโอกาสได้ช่วยคนที่กำลังเป็นทุกข์ แทนที่จะพลอยโศกเศร้าไปกับเขา ซึ่งความโศกเศร้าไม่มีประโยชน์อะไรเลยทั้งสิ้น ไม่มีคำสอนสักคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะทำให้คนเกิดอกุศล เป็นทุกข์ หรือแม้แต่โศกเศร้าเสียใจ
~ ชีวิต (ที่เป็นประโยชน์) จริงๆ ไม่ใช่ชีวิตที่เกิดมาเลวร้ายแล้วก็ทำความชั่ว ซึ่งไม่เป็นประโยชน์เลย แต่ถ้าในขณะนั้นสามารถรู้ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรชั่ว รู้ความจริง เข้าใจความถูกต้อง ก็ต้องเป็นประโยชน์ในทุกที่ทุกสถาน
~ เคยโกรธใคร เคยไม่พอใจหรือไม่ชอบใคร ขณะนั้น ถ้ารู้ว่าไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา แต่เป็นธรรมที่เป็นอกุศลเกิดแล้ว แล้วก็สะสมมากขึ้นด้วย ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ขณะนั้นมีความเป็นมิตร ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็ตามแต่ ขณะนั้นก็คุ้มครองแล้ว (ให้ไม่เป็นอกุศล)
~ เขาทำให้เราเสียหาย แต่ใครทำให้ใจของเราเสียหาย กิเลสของเราเอง เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่มั่นคง ใครก็ทำร้ายเราไม่ได้ เป็นความจริงแน่นอน นอกจากกิเลสของตนเอง กิเลส ยังมี ก็ถูกกิเลสทำร้ายทุกวัน
~ พาลกับบัณฑิตก็ต่างกันที่ว่า คนพาลไม่ได้คิดถึงอกุศลที่เกิดว่าจะนำไปสู่โลกไหน แต่ถ้าเข้าใจจริงๆ ก็สามารถมีปัญญาเป็นบัณฑิตเห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ใช่แต่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว ยังจะต้องติดตามไปอีก
~ ความเพียรที่เป็นไปกับการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา พร้อมทั้งเจริญกุศลทุกๆ ประการ เป็นความเพียรที่ควรประกอบ ควรอบรมให้มีขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะคล้อยไปสู่การดับกิเลสได้ในที่สุด
~ ถ้ายังมีความเห็นผิด ความเข้าใจผิด ความไม่รู้ ความสงสัยในลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ จะทำให้ความเห็นผิดเข้าใจผิดเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จนในที่สุดจะปรากฏเป็นความเห็นผิดที่ใหญ่หลวงเป็นโทษ เป็นอันตรายมาก
~ ชีวิตแต่ละชาติก็ชั่วคราวจริงๆ แล้วแต่ว่ากรรมจะทำให้มีชีวิตอยู่นานหรือสั้นแค่ไหน แต่ระหว่างนั้นก็มีความเป็นไปในชีวิตที่จะต้องเห็น ต้องได้ยิน เพราะแต่ละคนก็เห็น ได้ยินไม่เหมือนกัน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทุกข์ ก็ไม่เหมือนกันตามกรรม คิดเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้างก็ไม่เหมือนกัน ก็สะสมไป เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ แล้วก็หมดสิ้นไป ไม่กลับมาอีกเลย ไม่เหลือเลยสักอย่างในแต่ละภพแต่ละชาติ
~ ธรรมที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นั้นต้องเป็นกุศล แต่ว่ายากที่จะเกิด เพราะเหตุว่าเมื่อสะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น กล่าวคือ คุณของกุศลธรรม ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ได้เจริญกุศลในชีวิตประจำวัน
~ ใครที่ยังเต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ และทุจริตทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทางใจบ้าง ก็ส่องไปถึงความเข้าใจธรรมว่ามีมากหรือน้อย?
~ ถ้ารู้ตัวเองว่า "กุศลใดๆ ที่ทำ ยังไม่พอ ยังน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับอกุศล" ก็จะเป็นกำลังใจที่จะทำให้มีศรัทธาที่จะเจริญกุศลมั่นคงขึ้น
~ ถ้ามีแต่เพียงวิชาความรู้ซึ่งเป็นอาชีพ แต่ถ้าขาดความประพฤติการดำเนินชีวิตที่ดีถูกต้อง ความรู้ในวิชาอาชีพก็อาจจะนำมาซึ่งความเสื่อมหรือความพินาศได้
~ จะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะไม่อยู่ในโลกนี้ในวันไหน อาจจะเป็นขณะต่อไปพรุ่งนี้หรือเดือนนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้น วันนี้เป็นวันดีที่สุดที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดตามกำลังความสามารถ สิ่งที่ดีที่สุดประเสริฐเหนือสิ่งอื่นใดคือความเข้าใจพระธรรม
~ ความไม่ดีทั้งหมด ความไม่เป็นสุขทั้งหมดมาจากไหน ก็มาจากใจซึ่งเต็มไปด้วยกิเลส และถ้ายังคงมีกิเลสมากๆ ไม่มีทางเลยที่จะเป็นสุขกันได้ ตั้งแต่ตนเองและคนอื่นทั่วหน้า เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้จริงๆ ว่า ผู้ที่ทรงตรัสรู้ ทรงรู้ว่า กิเลสเบาบางลงเท่าไหร่ ความผาสุก ความเจริญ ก็จะมีเพิ่มขึ้นเท่านั้น
~ เมื่อเกิดมาแล้ว ทำดีและศึกษาพระธรรม ก็คุ้มแล้วกับที่เกิดมา.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑๕


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย มกร  วันที่ 11 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย meenalovechoompoo  วันที่ 11 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย mammam929  วันที่ 11 ส.ค. 2562

กราบอนุโมทนาค่ะ

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์และอาจารย์วิทยากรทุกท่านที่เกื้อกูลด้วยพระธรรมค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย kukeart  วันที่ 11 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย panasda  วันที่ 11 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย peem  วันที่ 12 ส.ค. 2562

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย jaturong  วันที่ 13 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย meenalovechoompoo  วันที่ 13 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย j.jim  วันที่ 13 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย siraya  วันที่ 14 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย เจียมจิต  วันที่ 17 ธ.ค. 2562

อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย มังกรทอง  วันที่ 13 ส.ค. 2568

ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา