ภาษาบาลีสัปดาห์ละคำ [คำที่ ๖๕๙] เทวมนุสฺสปูชิต
โดย Sudhipong.U  18 เม.ย. 2567
หัวข้อหมายเลข 47697

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “เทวมนุสฺสปูชิต

โดย อ.คำปั่น อักษรวิลัย

เทวมนุสฺสปูชิต อ่านตามภาษาบาลีว่า เท - วะ - มะ - นุด – สะ - ปู - ชิ - ตะ มาจากคำว่า เทว (เทวดา) มนุสฺส (มนุษย์) กับคำว่า ปูชิต (บูชาแล้ว) รวมกันเป็น เทวมนุสฺสปูชิต เขียนเป็นไทยได้ว่า เทวมนุสสปูชิตะ แปลว่า ผู้อันเทวดาและมนุษย์บูชาแล้ว เป็นอีกคำหนึ่งที่แสดงถึงบุคคลผู้มีพระคุณสูงสุดประเสริฐที่สุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบารมีคุณความดีทั้งหมดที่พระองค์ได้สะสมอบรมมาก็เพื่อทรงตรัสรู้ความจริง และเมื่อพระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้วทรงมีพระมหากรุณาแสดงความจริงเกื้อกูลแก่สัตว์โลกให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของตนเอง ซึ่งมีผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง มากมายนับไม่ถ้วน พระองค์จึงทรงเป็นที่เคารพบูชาทั้งของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

ข้อความในมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาขุททกนิกาย พุทธวงศ์ ได้อธิบายความหมายของคำว่า เทวมนุสฺสปูชิต ดังนี้

บทว่า เทวมนุสฺสปูชิโต ความว่า ชื่อว่า เทพ เพราะระเริงเล่นด้วยกามคุณ ๕ (รูป เสียง กลิ่น รส และสิ่งที่กระทบสัมผัสกาย) อันเป็นทิพย์. ชื่อว่า มนุษย์ เพราะใจสูง. เทวดาด้วย มนุษย์ด้วย ชื่อว่าเทวดาและมนุษย์ ผู้อันเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายบูชาแล้ว ชื่อว่า เทวมนุสสปูชิตะ อันเทวดาและมนุษย์บูชาด้วยการบูชาด้วยดอกไม้เป็นต้นและการบูชาด้วยปัจจัย [จีวร อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค] อธิบายว่า ยำเกรงแล้ว.


บุคคลผู้ที่สูงสุด ประเสริฐที่สุดในบรรดาสัตว์โลกทั้งปวง ไม่มีผู้ใดเปรียบได้เลย คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระองค์ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงตรงตามความเป็นจริง โดยชอบ ด้วยพระองค์เอง กว่าที่พระองค์จะได้ ตรัสรู้นั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมีคุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส มาตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เป็นพระโพธิสัตว์ ซึ่งเป็นเวลาที่นานมาก เมื่อได้ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงมีพระมหากรุณาที่จะเกื้อกูลสัตว์โลกด้วยการทรงแสดงพระธรรมให้ได้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มี ซึ่งเป็นธรรมให้คนอื่นได้รู้ได้เข้าใจด้วย แก่สัตว์โลกเคยเป็นผู้มากไปด้วยกิเลสประการต่างๆ ก็สามารถที่จะขัดเกลาละคลายและดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น ด้วยปัญญาอันเกิดจากการได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงมีผู้ที่อบรมเจริญปัญญาสามารถที่จะรู้แจ้งความจริงตามพระองค์ได้ นี่เป็นพระคุณอันสูงสุดของพระองค์ที่มีต่อสัตว์โลก พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงความจริงให้คนอื่นได้รู้ได้เข้าใจด้วย

เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้ว ทรงพิจารณาว่าสัตว์โลกมากไปด้วยความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย ถ้าไม่มีผู้อนุเคราะห์เกื้อกูลด้วยการแสดงความจริง ก็ไม่มีทางที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกจะเกิดขึ้นได้เลย พระองค์จึงทรงแสดงพระธรรม ด้วยพระหฤทัยที่ประกอบด้วยพระมหากรุณาแก่สัตว์โลก ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ไกลแสนไกลเพียงใด แต่ว่าได้สะสมเหตุที่ดีมาที่จะได้รับประโยชน์จากพระธรรม พระองค์ก็เสด็จไปเพื่อทรงแสดงพระธรรม โดยที่ไม่คำนึงว่าบุคคลนั้นเป็นใคร อยู่ที่ไหน เมื่อพระองค์สามารถจะช่วยให้เขาพ้นจากความมืดสนิทและกรงกิเลสของสังสารวัฏฏ์ได้ ก็ทรงเกื้อกูลด้วยการทรงแสดงพระธรรม ไม่มีใครที่จะทำประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกได้เท่ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์จึงทรงเป็นที่เคารพบูชาอย่างสูงสุดทั้งของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

การที่จะได้ฟังพระธรรมซึ่งแสดงถึงความจริงของสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ซึ่งถูกปกปิดไว้นานแสนนาน เกิดขึ้นได้เพราะอะไร? ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีใครสามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ได้เลย เพราะฉะนั้น เริ่มเห็นพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือยัง พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อใคร? ไม่ใช่เพื่อพระองค์เพียงผู้เดียว แต่เพื่อสัตว์โลกซึ่งไม่สามารถที่จะมีบารมีที่จะถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งยากแสนยากที่จะเป็นได้ ก็ยังมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ได้ทรงแสดงจากการตรัสรู้ซึ่งเป็นประโยชน์เกื้อกูลโดยตลอด

การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพศใดเพศหนึ่งโดยเฉพาะเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้นั้นจะเห็นคุณประโยชน์ของพระธรรมมากน้อยแค่ไหน แต่ละคนก็เป็นแต่ละหนึ่งไม่เหมือน กันเลย ถ้าหากว่ามีความประสงค์จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก แม้จะอยู่ครองเรือนเป็นคฤหัสถ์ ก็สามารถฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เป็นคฤหัสถ์ที่ดีจนถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้ ซึ่งมีเป็นส่วนน้อยมากที่จะได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง หรือถ้าสะสมอัธยาศัยใหญ่มา เป็นผู้มีปัญญาเห็นโทษเห็นภัยของอกุศล เห็นโทษของการอยู่ครองเรือนว่า เป็นที่หลั่งไหลมาแห่งอกุศลธรรมทั้งหลายทั้งปวง ก็สละเพศคฤหัสถ์ สละอาคารบ้านเรือน สละทรัพย์สินเงินทองวงศาคณาญาติ มุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง คือ เพศบรรพชิต บวชเป็นพระภิกษุในพระธรรมวินัย ด้วยความจริงใจ เพื่อประโยชน์ในการขัดเกลากิเลสของตนเองให้ยิ่งขึ้น ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลตามอัธยาศัย ไม่มีใครบังคับเลย

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ยังดำรงสืบทอดมาจนถึงสมัยปัจจุบันนี้ พร้อมที่จะให้ประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ที่เห็นคุณค่า บุคคลผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากพระธรรม ต้องเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะการฟังพระธรรม ทำให้ผู้ฟังได้ยินได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน ทำให้เริ่มเห็นประโยชน์ของการฟัง และรู้ว่าเหตุที่จะทำให้ปัญญาเกิด ก็คือการฟัง ด้วยความตั้งใจ ด้วยความเคารพ ละเอียดรอบคอบ เพราะผู้ที่เป็นชาวพุทธ ต้องได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่มีตัวตนที่จะไปทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะให้ปัญญาเกิดได้เลย ต้องฟัง ต้องศึกษา เท่านั้น สำหรับผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ก็จะเห็นได้ว่า ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ เมื่อฟังบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ให้เวลากับสิ่งที่มีค่าที่สุดนี้ ปัญญาก็ย่อมจะค่อยๆ เจริญขึ้น ค่อยๆ สะสมไปทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าปัญญาจะถึงความสมบูรณ์พร้อมในที่สุด ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการอบรมเจริญปัญญา ทั้งหมดทั้งปวงของปัญญาที่จะเจริญขึ้นได้ ก็เพราะได้อาศัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นบุคคลผู้สูงสุดประเสริฐที่สุดผู้ทรงเป็นที่เคารพบูชาสูงสุดของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

ขอเชิญติดตามอ่านคำอื่นๆ ได้ที่..

บาลี ๑ คำ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 22 เม.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ