ฟังธรรมแล้วทำไมเป็นเหมือนเดิม [สุภากัมมารธิดาเถรีคาถา]
โดย wittawat  18 ต.ค. 2555
หัวข้อหมายเลข 21915

ฟังธรรมแล้วทำไมเป็นเหมือนเดิม

บางคนคิดว่าฟังธรรมแล้วเราจะดีขึ้น ถอยห่างจากอกุศลบ้าง แต่ความจริงเมื่อฟังแล้วก็เป็นเหมือนเดิม และเขาก็ยังคิดเกลียดในความไม่รู้ คือ ความโง่ของตน“อวิชชา คือ ความโง่ และก็ยังโง่ที่เกลียดอวิชชาด้วย” เพราะไม่อยากโง่ แต่ก็เติมความเป็นเราเข้าไปทุกทีๆ ในขณะที่ฟังธรรม เพราะไม่ได้เข้าใจว่า “ฟังธรรมเพื่อให้รู้ว่าเป็นธรรม ฟังความจริง และเริ่มเข้าใจความจริงทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าจะรู้แจ้ง ว่าเป็นไปตามที่ได้ฟังทุกประการ”

อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจากสุภากัมมารธิดาเถรี คาถา..ข้อความเตือนสติเรื่องสุภากัมมารธิดาเถรีคาถา



ความคิดเห็น 1    โดย ไตรสรณคมน์  วันที่ 18 ต.ค. 2555

ที่เหมือนเดิมเพราะไม่ได้เข้าใจ "ธรรม" จริงๆ


ความคิดเห็น 2    โดย เมตตา  วันที่ 18 ต.ค. 2555

บางคน คิดว่าฟังธรรมแล้ว เราจะดีขึ้น หวังอะไรหรือเปล่า ขณะที่หวังเป็นอกุศลจิต ก่อนฟังพระธรรม ไม่มีความเข้าใจลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง กุศลธรรมเกิด หรืออกุศลธรรมเกิดก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพียงสภาพธรรม เต็มไปด้วยความไม่รู้มากมาย เห็นเป็นเราเห็น เราได้ยิน เราสุข เราทุกข์ เมื่อไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ก็ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นสัตว์เป็นสิ่งต่างๆ นำมาซึ่งความติดข้อง ชีวิตในแต่ละวันเต็มไปด้วยอกุศล และเมื่อมีโอกาสได้ฟังพระธรรมว่าเห็นเป็นเพียงสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ ไม่ใช่เรา แต่ขณะเห็นก็ยังเป็นเราเห็น เราได้ยิน เราโกรธ เราดีใจ นั่นก็เพราะว่ายังมีความไม่รู้มากมาย การยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราเหนียวแน่นมาก ไม่ใช่จะคลายได้อย่างเร็ว เพียงฟังนิดๆ หน่อยๆ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา ก็เพื่อให้เข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงและเกื้อกูลต่อการให้รู้ว่า อกุศลที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนั้นมีมากมายสักเพียงไหน ไม่ใช่มุ่งแต่จะอบรมเจริญสติปัฏฐาน แต่การอบรมเจริญกุศลทุกประการด้วยความเข้าใจจึงจะเป็นเหตุให้กุศลขั้นสูงๆ ขึ้นไปเกิดขึ้นได้ค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย songjea  วันที่ 19 ต.ค. 2555

ถ้าฟังแล้วจำได้ ก็ต่างขึ้ันมาอีกนิดหนึ่งครับ อย่างไรเสีย ก็น่าจะดีกว่าไม่ได้ฟังซะเลย น่าจะเป็นเหตุเป็นปัจจัยต่อกุศลจิตดวงต่อไปในอนาคต แต่เนื่องจากว่า กุศลและอกุศลต่างเป็นปัจจัยต่อกันได้เป็นอนันต์ ตราบเท่าที่ยังไม่พ้นไปจากความเป็นกุศลและอกุศล


ความคิดเห็น 4    โดย อารทธวิริโย  วันที่ 24 ต.ค. 2555

ที่เหมือนเดิมคือ มีกิเลสเหมือนเดิม แต่ความเข้าใจครั้งแรกกับครั้งต่อๆ มาต่างกัน และเพราะว่าความเข้าใจมีหลายระดับ จึงมักคิดว่าฟังกี่ทีก็เหมือนเดิม แต่จริงๆ ไม่ใช่ ด้ามมีดที่จับวันนี้ กับพรุ่งนี้ ต่างกัน และจะเห็นความแตกต่างได้เมื่อเวลาผ่านไปยาวนาน

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาติ มีข้อความว่า

เปรียบเหมือนรอยนิ้วมือ รอยนิ้วหัวแม่มือที่ด้ามมีด ย่อมปรากฏแก่นายช่างไม้หรือลูกมือนายช่างไม้ แต่เขาไม่รู้อย่างนี้ว่าวันนี้ด้ามมีดของเราสึกไปเท่านี้ เมื่อวานสึกไปเท่านี้ หรือเมื่อวานซืนสึกไปเท่านี้ ที่จริง เมื่อด้ามมีดสึกไปเขาก็รู้ว่าสึกไปนั่นเทียว ฉันใด

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุหมั่นเจริญภาวนาอยู่ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน แม้จะไม่รู้อย่างนี้ว่า วันนี้ อาสวะของเราสิ้นไปเท่านี้ เมื่อวาน สิ้นไปเท่านี้ หรือเมื่อวานซืน สิ้นไปเท่านี้ แต่ที่จริง เมื่ออาสวะสิ้นไปภิกษุนั้นก็รู้ว่าสิ้นไปนั่นเทียว.

ขออนุโมทนา