หลงจำว่ามีคนนั้นอยู่
โดย เมตตา  9 พ.ค. 2555
หัวข้อหมายเลข 21094

ถ้าไม่มีมหาภูตรูป สิ่งที่ปรากฏกับเห็น (สี) ก็ไม่มี ที่ใดมีธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ที่นั้นมีต้องมีอีก ๔ รูปคือ สี กลิ่น รส โอชา ทั้ง ๘ รูปนี้เป็นรูปที่เล็กที่สุดไม่สามารถแยกจากกันได้เลย สิ่งที่ปรากฏกับจิตเห็นเป็นเพียงรูปหนึ่งซึ่งสามารถกระทบกับจุกขุปสาทได้เท่านั้น เพราะฉะนั้น สิ่งที่ปรากฏทางตาก็ปรากฏกับจิตเห็นเท่านั้น เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว ไม่สามารถปรากฏกับจิตเห็นได้ จะปรากฏกับกายวิญาณเท่านั้น สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นเพียงรูปเดียวที่ปรากฏกับจิตเห็น เห็นเกิดขึ้นเพียงขณะเดียว เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วดับไป ไม่มีคนในมหาภูตรูปเลย เริ่มมีความเข้าใจขึ้นว่าสิ่งที่ปรากฏกับจิตเห็นนั้น แท้จริงเป็นเพียงรูปหนึ่งที่อาศัยมหาภูตรูปเกิด เริ่มเข้าใจว่าเห็นมีจริงๆ สิ่งที่ปรากฏกับเห็นก็มีจริงๆ เห็นความชั่วคราวของสิ่งที่ปรากฏ แล้วหมดไปหรือเปล่า ว่างเปล่าจากสัตว์ บุคคล ตัวตน ธรรม แม้จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่เพียงปรากฏทางตา แต่ก็ยังไม่สามารถรู้ตามความเป็นจริงได้ เพราะว่าสิ่งที่มีจริงขณะนี้รู้ได้ยาก เพราะธรรมนั้นลึกซึ้งแต่ก็สามารถรู้ตามได้ อดทนฟังพระธรรมด้วยความจริงใจที่จะเข้าใจสิ่งที่มีจริง สัจจบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี อธิษฐานบารมี ... อดทนที่จะฟังให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้เป็นหนทางเดียว

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งค่ะ...



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 9 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์โลกสะสมอวิชชา ความไม่รู้มามาก และสะสมความเห็นผิด จึงสำคัญว่า มีสัตว์ บุคคล ตัวตน สิ่งต่างๆ จริงๆ แต่ในความเป็นจริง มีแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้น และดับไป ไม่เที่ยงเลย ขณะนี้เห็น เห็นเพียงสีเท่านั้น ไม่ได้เห็นเป็นสัตว์ บุคคล แต่เพราะความคิดทางใจ ที่เกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็ว ที่เห็นเป็นรูปร่างสัณฐาน จากความคิดนึก ปุถุชน ย่อมสำคัญความคิดนึก ที่เป็นรูปร่างสัณฐาน ว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน มีเราจริงๆ ครับ

แสดงให้เห็นว่า เพราะ ไม่มีปัญญา ประจักษ์สภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นทีละขณะ จึงสำคัญว่า มีสัตว์ บุคคล เพราะ การเกิดดับของสภาพธรรมอย่างรวดเร็วนั่นเอง ครับ

ดังนั้น จึงหลงด้วยความไม่รู้ หลงด้วยความเห็นผิด หนทางการละความหลง คือปัญญาที่เจริญขึ้นจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ย่อมสามารถละความยึดถือว่าเป็น สัตว์ บุคคล ตัวตน สิ่งต่างๆ ได้ ครับ


ความคิดเห็น 2    โดย ผู้ร่วมเดินทาง  วันที่ 9 พ.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตา อาจารย์ผเดิม และทุกๆ ท่านครับ


ความคิดเห็น 3    โดย pat_jesty  วันที่ 9 พ.ค. 2555

พระธรรมที่ทรงแสดง "บางคน" สามารถที่จะ "รู้" ความจริงของสภาพธรรมะใน "ขณะที่ฟัง" เพราะว่า ได้ "สะสม" ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก และการละคลายอกุศล มากพอที่จะเข้าใจได้

แต่สำหรับ ผู้ที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ ก็เป็นประโยชน์ คือ เป็นอุปนิสัย ที่จะสะสม สืบต่อไป จนเป็นที่อาศัย ที่มีกำลัง

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาพี่เมตตา อาจารย์ผเดิมและทุกท่านๆ ค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย khampan.a  วันที่ 9 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงๆ ทุกๆ ขณะของชีวิตไม่พ้นไปจากธรรมเลย มีธรรมเกิดขึ้น เป็นไปอยู่ตลอดเวลา มีแต่ธรรมเท่านั้น ซึ่งไม่พ้นไปจากจิต เจตสิก และรูป ที่เกิดขึ้นเพราะปัจจัยปรุงแต่ง ไม่มีเราที่แทรกอยู่ในสภาพธรรมเหล่านั้นเลย แต่เพราะยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ จึงมีการหลงยึดถือสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนหรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด

ซึ่งจะต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเท่านั้น ที่จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อละคลายความไม่รู้ ละคลายความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล ครับ

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตาและทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 5    โดย เซจาน้อย  วันที่ 9 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"สภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อลวงเหมือนเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง"

"ปรากฎอยู่ตลอดโดยความเป็นเรา"

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตา อาจารย์ผเดิม และทุกๆ ท่านครับ


ความคิดเห็น 6    โดย Noparat  วันที่ 9 พ.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา และทุกๆ ท่านค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย เข้าใจ  วันที่ 10 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ผมเองมีการศึกษาน้อยมีความรู้แค่ประถม ๔ แต่ชอบฟังธัมมะ คอยติดตามรายการธัมมะอยู่หลายสถานี โดยเฉพาะรายการแนวทางเจริญวิปัสสนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านอาจารย์มักจะกล่าวเสมอว่า เพราะเหตุว่าๆ คำว่า เพราะเหตุว่า คำๆ นี้สำคัญมาก มีเหตุก็ต้องมีต้นเหตุ มีต้นเหตุก็ต้องผลเนื่องมาจากเหตุ แท้จริงแล้วก็คือทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีขึ้นแล้วก็เปลี่ยนไปดับไป คล้ายๆ กับลูกระนาดที่เขาตีรับกันเป็นทอดๆ พิจารณาแล้วน่าแปลกใจจริงๆ

อย่างความคิดก็มีเหตุให้คิด ตัวคิดรู้ในตัวคิด เหมือนกับเขาทำหน้าที่ๆ เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นต่างๆ ที่เรียกตัวตนนี้ ก็ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง และเว็บไซต์ที่ดีๆ แบบนี้ เมื่อได้อ่าน ใจก็น้อมไปในกุศลมากขึ้น

กราบขอบพระคุณครับที่แบ่งปัน

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย wanipa  วันที่ 10 พ.ค. 2555
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 9    โดย wannee.s  วันที่ 10 พ.ค. 2555

หลงจำว่ามีคนนั้นอยู่ ตรงข้าม ถ้าเป็นปัญญาก็รู้ว่า แต่ละหนึ่งเป็นธรรมะ ค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย kinder  วันที่ 10 พ.ค. 2555

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 11    โดย Dusita  วันที่ 3 มี.ค. 2564

กราบ อนุโมทนา ค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 3 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ