
[เล่มที่ 79] พระอภิธรรมปิฎก ธาตุกถา-บุคคลบัญญัติ เล่ม ๓ - หน้าที่ 181 -183
บัญญัติ ๖ นอกพระบาลี
ก็ว่าโดยนัยแห่งอรรถกถาบาลีมุตตกะ คือนอกจากพระบาลี บัญญัติ ๖ อื่นอีก คือ
๑. วิชชมานบัญญัติ
๒. อวิชซมานบัญญัติ
๓. วิชชมาเนน อวิชชมานบัญญัติ
๔. อวิชชนาเนน วิชชมานบัญญัติ
๕. วิชชมาเนน วิชชมานบัญญัติ
๖. อวิชชมาเนน อวิชชมานบัญญัติ.
บรรดาบัญญัติ ๖ เหล่านั้น การบัญญัติธรรมที่เป็นกุศลและอกุศล อันเป็นของมีอยู่ เป็นอยู่ เกิดตามความเป็นจริงนี้แหละ ด้วยอำนาจแห่งสัจฉิ- กัตถะและปรมัตถะ ชื่อว่า วิชชมานบัญญัติ.
อนึ่ง การบัญญัติคำทั้งหลายมีคำว่า หญิง ชาย เป็นต้น อันล้วน แต่คำเป็นภาษาของชาวโลก อันไม่มีอยู่ (โดยแท้จริง) ชื่อว่า อวิชชมานบัญญัติ.
แม้บัญญัติ คำว่า สัจจะที่ห้าเป็นต้น หรือคำว่า บุรุษตามปรกติของ พวกเดียรถีย์ซึ่งสักว่าเป็นถ้อยคำและวัตถุอันค้นหามิได้ โดยประการทั้งปวง ทีเดียว ก็ชื่อว่า อวิชชมานบัญญัติ. บัญญัติที่กล่าวนี้ไม่มีใช้ในพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้น จึงไม่ถือเอาในที่นี้. พึงทราบบัญญัติที่เหลือ (อีก ๔) ด้วยสามารถการกำหนดซึ่งวิชชมานะและอวิชชมานะเหล่านั้น ต่อไป.
จริงอยู่ วิชชา ๓ และอภิญญา ๖ มีอยู่ (โดยแท้จริง) ส่วนบุคคล ไม่มีอยู่ (โดยแท้จริง) ในประโยคว่า บุคคลมีวิชชา ๓ บุคคลมีอภิญญา ๖ เป็นต้น เพราะฉะนั้น บัญญัติเห็นปานนี้ จึงชื่อว่า วิชชมาเนน อวิชชมานบัญญัติ เพราะบัญญัติอวิชชมานะ (สิ่งที่ไม่มีอยู่) ร่วมกับวิชชมานะ (สิ่งที่มี อยู่) อย่างนี้ว่า บุคคลชื่อว่ามีวิชชา ๓ เพราะอรรถว่า วิชชา ๓ ของเขามีอยู่ บุคคล ชื่อว่า มีอภิญญา ๖ เพราะอรรถว่า อภิญญา ๖ ของเขามีอยู่เป็นต้น
ก็หญิงและชาย ไม่มีอยู่ (โดยแท้จริง) รูป มีอยู่ (โดยแท้จริง) ใน คำที่ว่า รูปหญิง รูปชาย เป็นต้น เพราะฉะนั้น บัญญัติเห็นปานนี้ จึงชื่อว่า อวิชมาเนน วิชชมานบัญญัติ เพราะบัญญัติวิชชมานะร่วมกับอวิชชมานะ อย่างนี้ว่า รูปของหญิง ชื่อว่า รูปหญิง รูปของชาย ชื่อว่า รูปชายเป็นต้น.
ธรรมทั้งหลายมีจักษุเป็นต้นก็ดี ผัสสเจตสิกก็ดี มีอยู่โดยแท้จริง ในคำทั้งหลายมีคำว่า จักุษุสัมผัส โสตสัมผัส เป็นต้น เพราะฉะนั้น บัญญัติ เห็นปานนี้ จึงชื่อว่า วิชชมาเนน วิชชมานบัญญัติ เพราะบัญญัติซึ่ง วิชชมานะร่วมกับวิชชมานะ อย่างนี้ว่า สัมผัสในจักษุ สัมผัสเกิดแต่จักษุ สัมผัสเป็นผลของจักษุชื่อว่า จักษุสัมผัสเป็นต้น.
อิสสริยะทั้งหลายมีกษัตริย์เป็นต้นก็ดี ไม่มีอยู่ (โดยแท้จริง) บุตร ของเขาก็ดี ก็ไม่มีอยู่ (โดยแท้จริง) ในคำทั้งหลาย มีคำว่า บุตรของกษัตริย์ บุตรของพราหมณ์ เป็นต้น เพราะฉะนั้น บัญญัติปานนี้ จึงชื่อว่า อวิชชมาเนน อวิชซมานบัญญัติ เพราะบัญญัติซึ่งอวิชชมานะร่วมกับอวิชชมานะ อย่างนี้ว่า บุตรของกษัตริย์ชื่อว่า ขัตติยบุตรเป็นต้น.
ในปกรณ์ปุคคลบัญญัตินี้ บรรดาบัญญัติทั้ง ๖ นั้น ได้ ๓ บัญญัติ ข้อแรก เท่านั้น.
จริงอยู่ ได้ชื่อว่า วิชชมานบัญญัติ เพราะบัญญัติสภาวะที่มีอยู่จริง เท่านั้น ในฐานะนี้ว่า ขันธบัญญัติ ฯลฯ อินทริยบัญญัติเป็นต้น. ในบทว่า ปุคคลบัญญัติ ชื่อว่า อวิชชมานบัญญัติ ซึ่งจะกล่าวข้างหน้า แต่ในคำทั้ง หลาย มีคำว่า บุคคลมีวิชชา ๓ มีอภิญญา ๖ เป็นต้น ได้ วิชชมาเนน อวิชชมานบัญญัติ.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ยินดีในกุศลจิตครับ