ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๖
โดย khampan.a  21 ก.พ. 2564
หัวข้อหมายเลข 33763

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๖ * *


~ เกิดมาแล้วตายไป เอาอะไรไปก็ไม่ได้เลย นอกจากสิ่งที่เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง แล้วแต่ว่าวันหนึ่งๆ อะไรเกิดมาก อกุศลเกิดมากก็ยังไม่รู้เลยว่าแท้ที่จริง สะสมอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ตายไป ไปไหน? ก็ไปตามเหตุที่ได้กระทำแล้ว
~ ใครอยากถูกหลอกบ้าง ใครอยากให้คนอื่นมาพูดสิ่งที่ไม่จริงให้ฟังบ้าง ถ้าเป็นเพื่อนแท้ เพื่อนที่ดี ก็จะให้แต่สิ่งที่ดี คือ ให้ความจริงที่สามารถจะให้ได้ ที่เป็นประโยชน์กับผู้นั้น
~ ต้องอาศัยกาลเวลาในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสเมื่อเห็นกิเลสมากเท่าใด ก็รู้ว่าจะต้องอาศัยกาลเวลานานมากทีเดียวกว่าที่จะขัดเกลากิเลสนั้นๆ ได้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรมและไม่ขาดการที่จะพิจารณาตนเอง เพราะเหตุว่า พระธรรมที่ได้ฟังทั้งหมดเป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาและการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น

~ ชมคนที่ควรติ ติคนที่ควรชม เกิดจากอะไร? ก็เป็นความเข้าใจผิด เห็นว่าสิ่งที่ถูกเป็นผิด และเห็นสิ่งที่ผิดเป็นถูก
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ว่าทุกอย่างเป็นธรรม เป็นอนัตตา (ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร) เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผิด ควรติไหม? แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ตรัสคำว่าภิกษุลามก (ภิกษุผู้ต่ำทราม ชั่ว) หรือเปล่า? ติหรือเปล่า? ติความลามก (ความต่ำทราม ความชั่ว) ไม่ว่าอยู่ที่ไหน
~ ทำไมถึงจะไม่พูดคำที่ถูก เห็นไหม ทำไม? ลองหาคำตอบว่า ทำไม? คนนั้นเข้าใจถูกจริงๆ หรือเปล่า? ถ้าเข้าใจถูกจริงๆ ต้องเห็นประโยชน์ของความถูกต้อง และเมื่อเห็นประโยชน์แล้ว จะกล่าวไหมในสิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็ไม่ทำไม่พูดไม่กล่าวไม่ชี้แจงให้ถูกต้อง?
~ คนที่บอกว่านับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่ฟังคำของพระองค์ ฟังคำของคนอื่นนับถือใคร? นับถือคนอื่นหรือนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า?
~ ถ้าเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำสามารถที่จะให้คนฟังมีความเห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้องตามความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ด้วย
~ เข้าใจถูกในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งกล่าวถึงความจริงที่มีทุกขณะให้เข้าใจถูกต้อง นี่สำคัญที่สุด ซึ่งตัวเองรู้ไม่ได้แน่ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระองค์ เมื่อรู้แล้วควรให้คนอื่นรู้ด้วยไหม นี่น่าคิด ทำไมพระองค์ทรงแสดงธรรมให้คนอื่นรู้ด้วย เพราะพระองค์ตรัสรู้และถ้าได้รู้ความจริงจะไม่ให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้องด้วยหรือ เพราะฉะนั้น หนทางเดียวที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง คือ กล่าวคำจริงเท่านั้นตามที่พระองค์ได้ทรงแสดงไว้
~ ธรรมที่เป็นที่พึ่งนั้นเป็นกุศล อกุศล พึ่งไม่ได้เลย แต่ธรรมที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นั้นต้องเป็นกุศล แต่ว่ายากที่จะเกิด เพราะเหตุว่าเมื่อสะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น คือ คุณของกุศล ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้เจริญกุศลทุกประการอย่างละเอียด เพราะเหตุว่าเห็นโทษว่าอกุศลธรรมนั้นมีกำลังมากกว่า เพราะเหตุว่า สะสมมากกว่า
~ เมื่อใจของท่านไม่เบียดเบียน กาย วาจา ก็ย่อมไม่ประทุษร้าย ไม่เบียดเบียนด้วย เพราะก่อนที่จะมีการกระทำทางกาย ทางวาจา จิตใจคิดมากมายนับไม่ถ้วน ยังไม่ได้ทำเลย คิดเสียก่อนมากมายแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการกระทำด้วยกุศลหรืออกุศลก็ตาม ก็จะต้องเป็นไปตามความคิดนั้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีมโนกรรมที่ประกอบด้วยเมตตา มีใจที่ไม่ประทุษร้ายเบียดเบียน กาย วาจา ก็ย่อมไม่เบียดเบียนด้วย
~ เรื่องของอกุศลธรรมทั้งหมด ผู้ที่เห็นโทษจึงจะงดเว้น แต่ผู้ที่ไม่เห็นโทษ ไม่เห็นจริงๆ ว่าเป็นโทษ แต่ว่าความจริงแล้ว อกุศลธรรมทั้งหลายนั้น ย่อมให้ผลตามควรแก่สภาพของอกุศลธรรมนั้นๆ
~ ถ้าใครทำกุศลกรรม ถึงคนอื่นจะไปขอร้องไม่ให้กุศลกรรมให้ผล ก็เป็นไปไม่ได้ หรือว่า ถ้าใครทำอกุศลกรรม ถึงใครจะไปช่วยกันอ้อนวอน ขอร้องอย่าให้บุคคลนั้นได้รับผลของอกุศลกรรม ก็เป็นไปไม่ได้เลยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ผู้อื่นก็ไม่ควรจะมีจิตใจเดือดร้อนกับเรื่องราวของบุคคลอื่นกับกรรมของบุคคลอื่น เพราะบุคคลนั้นก็ย่อมเป็นไปตามกรรมของเขา และในขณะเดียวกัน ก็จะได้พิจารณาถึงสภาพจิตของตนเองด้วยว่า ถ้าเป็นอกุศลในขณะนั้น ก็เป็นการกระทำตนของตนเองให้เดือดร้อน แล้วก็สะสมอกุศลความเศร้าหมองของจิตมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นโทษเพิ่มขึ้น
~ มีเมตตาต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด ขณะนั้นจิตสงบเพราะเป็นกุศล และถ้ามีความเป็นมิตรต่อแต่ละบุคคลที่พบ โดยไม่เลือก ยิ่งเพิ่มความเป็นมิตรเพิ่มขึ้น จิตขณะนั้นก็เป็นกุศลเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน
~ ความดีต้องเป็นความดี ความชั่วต้องเป็นความชั่ว และความชั่วต้องให้ผลไม่ดีด้วยอย่างที่เห็น และถ้ายิ่งชั่วมาก ก็ให้ผลมากกว่าที่เราคิดว่าจะเป็นไปได้ แม้ว่าจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ตกนรก เกิดเป็นเปรต หรือเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานแน่นอน
~ ธรรมที่เป็นประโยชน์ เป็นคุณ ไม่ให้โทษเลย ก็คือ อโลภะ (ความไม่ติดข้อง) ถ้าเป็นได้จริงๆ ทีละเล็กทีละน้อยจะสบายสักแค่ไหน ไม่เดือดร้อนที่จะต้องแสวงหา ไม่เดือดร้อนเมื่อสิ่งนั้นพลัดพรากจากไป เพราะเหตุว่าไม่ติดข้อง แต่แสนยาก เพราะติดข้องมานานแสนนาน มีหนทางเดียวคือ ปัญญา ความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง
~ คนที่มีกิเลส มีความยินดีในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย) รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะก็เหมือนเหยื่อที่ล่อให้กระทำทุจริตกรรม แล้วก็ได้รับผลของกรรมในภายหลัง ซึ่งเป็นวิบาก (ผลของกรรม) ที่เลวทราม เป็นวิบากที่ไม่เป็นสุขเลย เป็นวิบากที่เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
~ สำหรับความเห็นผิด ตราบใดที่ยังไม่ละทิ้งให้หมดสิ้น และยังไม่อบรมเจริญความเห็นถูกขึ้น ผู้นั้นก็ย่อมจะวนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์ฎ์ โดยที่ว่าไม่มีการกำหนดได้ว่า เมื่อไรจึงจะพ้น เพราะเหตุว่ายังมีความเห็นผิดอยู่
~ ขณะใดประสบพบผู้ที่กำลังทุกข์ยากเดือดร้อน แล้วมีจิตใจอ่อนโยน มีความเป็นมิตรต้องการที่จะเกื้อกูล ขณะนั้น จิตที่ปราศจากโลภะ ไม่ตระหนี่แล้วก็สละวัตถุเพื่อประโยชน์สุขของคนอื่น ขณะนั้น เป็นบุญ (ความดีที่ชำระจิตใจ)
~ ธรรมที่เป็นอกุศล ใครจะอยากเก็บไว้มากๆ? แต่เพราะความไม่รู้ ด้วยความไม่รู้นั่นแหละก็สะสมโดยไม่เห็นโทษภัย
~ ไม่มีใครสามารถที่จะเอาอกุศลที่สะสมมาในจิตของตัวเองออกทิ้งหมดไปได้เลย นอกจากปัญญาที่ค่อยๆ เกิดขึ้น
~ ความจริงไม่ค้านกันเองเลย แต่คำไม่จริง ค้านได้หมด เพราะไม่ตรงตามความเป็นจริง
~ ธรรม (สิ่งที่มีจริง) ละเอียดลึกซึ้ง แล้วเมื่อไหร่จะรู้ความลึกซึ้งของธรรม ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวนี้ เริ่มต้น เพราะธรรมละเอียด ไม่ใช่คอยเวลาแล้วจะไปรู้ความละเอียด ถ้าละเอียด ก็เริ่ม (ฟัง) ทันที เพราะกว่าจะรู้ความละเอียดต้องใช้เวลานานมาก จะไปรอเมื่อไหร่


* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๕



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย มังกรทอง  วันที่ 21 ก.พ. 2564

มีเมตตาต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด ขณะนั้นจิตสงบเพราะเป็นกุศล และถ้ามีความเป็นมิตรต่อแต่ละบุคคลที่พบ โดยไม่เลือก ยิ่งเพิ่มความเป็นมิตรเพิ่มขึ้น จิตขณะนั้นก็เป็นกุศลเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวัน

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 2    โดย mammam929  วันที่ 21 ก.พ. 2564

กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารซนเขตต์และกราบอนุโมทนาทุกความดีงามค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย natthayapinthong339  วันที่ 21 ก.พ. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 21 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย petsin.90  วันที่ 21 ก.พ. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย ประสาน  วันที่ 22 ก.พ. 2564

~ คนที่บอกว่านับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่ฟังคำของพระองค์ ฟังคำของคนอื่นนับถือใคร? นับถือคนอื่นหรือนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า?

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย kukeart  วันที่ 22 ก.พ. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย Khemsai  วันที่ 22 ก.พ. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย jaturong  วันที่ 22 ก.พ. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย มังกรทอง  วันที่ 22 ก.พ. 2564

เข้าใจถูกในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งกล่าวถึงความจริงที่มีทุกขณะให้เข้าใจถูกต้อง

น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 11    โดย มังกรทอง  วันที่ 24 ก.พ. 2564

เมื่อใจของท่านไม่เบียดเบียน กาย วาจา ก็ย่อมไม่ประทุษร้าย ไม่เบียดเบียนด้วย

น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 12    โดย มังกรทอง  วันที่ 19 ส.ค. 2568

แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ


ความคิดเห็น 13    โดย มังกรทอง  วันที่ 21 ส.ค. 2568

ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา