ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๕๐
โดย khampan.a  6 พ.ค. 2561
หัวข้อหมายเลข 29722

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้


ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๕๐

~ ผู้ที่กำลังฟังพระธรรมทั้งหมด เป็นผู้ที่ต้องการเข้าใจความจริง ซึ่งเป็นความถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องละความไม่รู้และละกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ที่จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งกล่าวถึงสภาพธรรมโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง เพราะฉะนั้น ประโยชน์อยู่ที่คนที่เข้าใจ

~ คนที่ยังไม่สามารถดับกิเลสได้ เป็นปุถุชน แต่ปุถุชนที่ฟังธรรมเข้าใจ เป็นกัลยาณปุถุชน เป็นคนที่ดีงามกว่าคนที่ไม่ได้ฟังธรรม เพราะมีความเข้าใจถูกมีความเห็นถูก สามารถที่จะรู้หนทางที่จะเป็นอยู่ในโลกนี้ด้วยความเป็นคนดี เพราะเหตุว่าสามารถที่จะเข้าใจธรรมได้จนกระทั่งสามารถที่จะขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้นจนกระทั่งสามารถนอกจากเป็นคนดีแล้วยังเป็นพระอริยบุคคลได้

~ สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นความเข้าใจถูกความเห็นถูก ซึ่งกิเลสที่มีมากในสังสารวัฏฏ์ซึ่งแต่ละคนประมาณไม่ได้เลย สามารถจะค่อยๆ ลดละคลายลงไปทีละเล็กทีละน้อย ด้วยปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุว่า การกระทำเป็นที่ทุจริตต่างๆ ทำร้ายตัวเองและคนอื่น เพราะฉะนั้น ไม่ได้นำมาซึ่งความสุขเลย เกิดก็เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เกิดในนรก เกิดเป็นเปรต เกิดเป็นอสุรกาย ทำร้ายตนเอง

~ ฟังธรรมเพื่อรู้ว่าเป็นธรรม เพื่อเข้าใจธรรม เท่านี้เอง สามารถถึงการดับกิเลสได้ เพราะรู้ว่าเป็นธรรม ฟังธรรมจนเป็นธรรมทั้งหมด ไม่มีเรา

~ ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นไปตามกรรมที่กระทำแล้ว จะไม่ให้อยู่ก็ไม่ได้ ใครจะไม่ให้เกิดได้ไหม? เพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่จะเกิดก็เกิดขึ้นเป็นไป แต่ให้เข้าใจให้ถูกต้องว่าเป็นธรรม คำนี้คำเดียวที่จะต้องเข้าใจขึ้น เมื่อเป็นธรรม ก็ไม่ใช่อะไรทั้งหมด นอกจากเป็นธรรม

~ ขณะใดที่เข้าใจ ขณะนั้นจะไม่มีอวิชชา (ความไม่รู้) ไม่มีกิเลสใดๆ แม้ความติดข้อง เพราะฉะนั้น กำลังฟังธรรมท่ามกลางอกุศล แต่ก็ไม่ต้องไปสนใจที่จะเป็นตัวตนที่จะไปละ แต่เข้าใจเมื่อไหร่ ความเข้าใจนั่นแหละกำลังทำหน้าที่ที่จะค่อยๆ ละ

~ ใครต้องการร้องไห้บ้าง ใครต้องการเสียใจบ้าง ใครต้องการเป็นทุกข์บ้าง? แต่ถ้ามีความยินดีพอใจ เมื่อสิ่งที่เป็นที่พอใจนั้นพลัดพรากจากไปก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีความอาลัย มีความเสียดาย มีความโศกเศร้า

~ ฟังพระธรรม ต้องรู้ว่าเป็นเรื่องละเท่านั้น เพราะว่ามีแต่สิ่งที่จะต้องละ อกุศลมากมายยังอยู่เต็ม

~ กุศลธรรมกล้าที่จะทำสิ่งที่ดี ละอายที่จะทำสิ่งที่ไม่ดี ไม่กล้าที่จะทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะเห็นโทษของสิ่งที่ไม่ดี

~ ฟังธรรมแต่ละคำแล้วเข้าใจขึ้น แล้วจะฟังต่อไป นั่นคือ สมาทานคือถือเอาเป็นข้อประพฤติปฏิบัติที่จะฟังพระธรรมต่อไป

~ ในชีวิต ทำดี เพราะรู้ว่าจะเกิดอีกนานในสังสารวัฏฏ์ แล้วจะเป็นอะไรแล้วแต่การสะสม เพราะฉะนั้น คนต่อไปไม่ใช่คนนี้ แต่สืบต่อจากคนนี้ จะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่คนนี้ในชาตินี้ จะเห็นผิด ก็สะสมความเห็นผิดต่อไปในชาติหน้า ดีไหม (ไม่ดี) อันตรายแค่ไหนของความเห็นผิด เป็นตอของสังสารวัฏฏ์ ออกไปไม่ได้เลย

~ กิเลสสะสมมาประมาณไม่ได้เลย แล้วก็สะสมต่อไปอีกทุกๆ วันมากขึ้นๆ เพราะฉะนั้น ก็เห็นความละเอียดและก็ความยากและความไม่ประมาทว่าความเข้าใจเท่านั้นที่จะค่อยๆ รู้แล้วละ ไม่มีตัวตนที่จะไปทำอะไรได้เลยทั้งสิ้น

~ เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ไม่ทรงเว้นเพียงสิ่งที่เล็กน้อยที่สุดที่จะเป็นโทษเป็นภัย ก็ได้กล่าวให้ชัดเจนว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ควรละ สำหรับเพศบรรพชิตก็ต้องขัดเกลากิเลสยิ่งกว่าเพศของคฤหัสถ์

~ แค่ไม่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏ ก็กิเลสแล้ว

~ ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด เป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และทุกคนก็รู้ว่าชีวิตสั้นมาก จะจากโลกนี้ไปได้ทุกขณะ เย็นนี้ก็ได้พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้น เวลามีค่าที่สุด เวลาที่มีค่าที่สุด ประโยชน์ที่สุดคืออะไร คือ ได้เข้าใจถูกเห็นถูก

~ ถ้าเป็นพระภิกษุเพื่อจะขัดเกลากิเลสเท่านั้นในเพศของพระภิกษุ จะศึกษาวิชาอื่นไหม?

~ ภิกษุใดเรียนวิชาอื่นทั้งหมด ก็เป็นเดรัจฉานวิชา ไม่สามารถที่จะเข้าใจสภาพธรรมได้ เพราะเวลาที่ไปเรียนอย่างอื่น กับ การที่จะเข้าใจพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไตร่ตรองพระธรรม อบรมเจริญปัญญา อะไรจะมีค่ามากกว่ากัน

~ ภิกษุใดศึกษาธรรม เข้าใจธรรม ขัดเกลากิเลสตามพระธรรมวินัย ภิกษุนั้นเป็นภิกษุในพระธรรมวินัย ก็ชัดเจน แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ ก็ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย
~ ในพระพุทธศาสนาไม่มีวิชาใดเลยทั้งสิ้นที่จะเปรียบได้กับวิชาความเห็นถูกความเห็นถูก ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้เลยศึกษาด้วยตนเองอย่างไรก็ไม่รู้นอกจากฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเข้าใจอย่างนี้ วิชาอย่างอื่นนอกจากนี้ทั้งหมดเป็นเดรัจฉานวิชาทั้งนั้นเพราะไม่ได้นำไปสู่การขัดเกลากิเลส ที่จะทำให้เกิดกุศลจิตถึงขั้นที่จะไปสู่การดับกิเลสได้

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสำหรับทุกคนที่เห็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิต

~ เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม กิเลสแม้เพียงเล็กน้อย ก็ชี้ให้เห็นโทษ เพื่อที่จะได้ขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต

~ ต้องตายแน่ ไปแน่ แล้วไปไหน? ตามกรรมที่ได้กระทำแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าทำกรรมดีไว้ ไม่ต้องห่วงใยอะไรเลย ธรรมฝ่ายดี ก็ไม่หวั่นไหว เพราะอย่างไรก็ต้องให้ผลที่ดี

~ ถ้าเป็นผู้ที่สะสมมาที่จะเป็นคฤหัสถ์ ไม่มีใครบังคับเลย ศึกษาธรรม ฟังธรรมมากเท่าไหร่ มีการอุทิศเวลาให้กับการศึกษาพระธรรมมากน้อยเท่าไหร่ ก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล แต่ถ้าถึงกับสละเพศคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิต ต้องเป็นผู้ที่เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งที่ทรงแสดงพระธรรมและทรงบัญญัติพระวินัยเพื่อให้ภิกษุขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ต้องเป็นผู้ที่ตรง

~ ยิ่งเข้าใจธรรมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นคนดีเท่านั้น

~ ลูกเลว ค้ายาเสพติด เบียดเบียนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทำทุกอย่างที่ทุจริตต่างๆ น่าเป็นห่วงกว่าไหม เพราะถ้าเป็นคนดีแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลย

~ ช่วยกันฟังพระธรรม เข้าใจ และเผยแพร่ความถูกต้อง ให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัท ไม่ใช่ว่าเราคนเดียวจะทำอะไรได้ แต่ทุกคนทำได้ ช่วยกันศึกษาให้เข้าใจให้ถูกแล้วพูดคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแล้ว เพื่อให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ต่อไป

~ ควรจะรู้ความจริง ว่า เมื่อไม่เข้าใจธรรมต่างหากที่จะทำให้พระพุทธศาสนาอันตรธาน (สูญสิ้นไป) เพราะฉะนั้น จะฟื้นฟูได้ มีหนทางเดียวที่จะแก้วิกฤต (ความเสื่อมอย่างหนัก) ทุกอย่างได้ ก็ต่อเมื่อมีความเข้าใจพระธรรมวินัย ถูกต้อง

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๔๙

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 6 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย มกร  วันที่ 6 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย j.jim  วันที่ 6 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย panasda  วันที่ 6 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย thilda  วันที่ 6 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย kullawat  วันที่ 7 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย siraya  วันที่ 7 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย mammam929  วันที่ 7 พ.ค. 2561

กราบอนุโมทนากุศลจิตในการกล่าวแสดงคำจริงที่เกื้อกูลผู้ฟังค่ะ สาธุ


ความคิดเห็น 9    โดย jaturong  วันที่ 7 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย Selaruck  วันที่ 7 พ.ค. 2561

กราบน้อมถึงคุณท่านอาจารย์สุจินต์ และกราบอนุโมทนาผู้นำธรรมมาปันค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย kullawat  วันที่ 9 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย worrasak  วันที่ 10 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย kukeart  วันที่ 10 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 14    โดย มังกรทอง  วันที่ 29 ก.ค. 2568

สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ฟังธรรมะในดิถี ถูกต้อง อาจารย์สุจินต์ศรี เป็นหลัก จิตเจตสิกรูปสอดคล้อง มั่นแฟ้นคำจริง