
[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 171
ชื่อว่า อันตรธานไปแห่งธาตุ พึงทราบอย่างนี้ :-
ปรินิพพานมี ๓ คือ
กิเลสปรินิพพาน การปรินิพพานแห่งกิเลส
ขันธปรินิพพาน การปรินิพพานแห่งขันธ์
ธาตุปรินิพพาน การปรินิพพานแห่งธาตุ
บรรดาปรินิพพาน ๓ อย่างนั้น
กิเลสปรินิพพาน ได้มีที่โพธิบัลลังก์
ขันธปรินิพพาน ได้มีที่กรุงกุสินารา
ธาตุปรินิพพาน จักมีในอนาคต
[เล่มที่ 77] พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 287
ทุกขนิโรธอริยสัจ
[๑๖๐] ทุกขนิโรธอริยสัจ เป็นไฉน?
ได้แก่ ความสำรอกและความดับโดยไม่เหลือ ความปล่อยวาง ความส่งคืน ความพ้น ความไม่ติดอยู่ แห่งตัณหานั้นนั่นเทียว นิโรธสัจจะ โดยลักษณะ
มีความสงบเป็นลักษณะ
มีการไม่จุติเป็นรส
มีการไม่มีนิมิตเป็นปัจจุปัฏฐาน
นาญฺญา นิพฺพานโต สนฺติ สนฺตํ น จ น ตํ ยโต สนฺตภาวนิยาเมน ตโต สจฺจมิทํ มตํ
ความสงบอื่นนอกจากพระนิพพาน แล้วย่อมไม่มี และพระนิพพานนั้นเว้นจาก ความสงบก็หามีไม่ เพราะฉะนั้น พระนิพพานนี้ บัณฑิตจึงรู้ว่าเป็นสัจจะ โดย กำหนดอรรถว่าเป็นความสงบ
อ.วิชัย: ขอโอกาสสืบเนื่องจาก อ.ณภัทร เมื่อสักครู่ฟังเรื่องของ สัจจญาณ ใน สัจจะที่ ๓ ครับ นิโรธสัจจะ ซึ่งท่านก็กล่าวถึง ความที่เมื่อยังมีปัจจัยให้เกิดอยู่ ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ ยังไม่ใช่นิโรธครับ
ก็ขออนุญาติท่านอาจารย์ อ่านข้อความใน วิภังคปกรณ์ อภิธรรมปิฎใน สัจจวิภังค์ ครับ ท่านแสดงว่า อนึ่ง สัจจะที่ ๓ เพราะศัพย์ว่า นิ ย่อมแสดงความไม่มี และศัพย์ว่า โรธะ ย่อมแสดงถึง ผู้ท่องเที่ยว
เพราะฉะนั้น ในสัจจะที่ ๓ นี้ จึงได้แก่ความไม่มีความท่องเที่ยวไปแห่งทุกข์ กล่าวคือการท่องเที่ยวไปในสังสาระ เพราะว่า ว่างจากคติทั้งปวง
ท่านอาจารย์ครับ ดูเหมือนการที่จะศึกษา ก็รู้ว่า ขณะนี้ไม่ใช่ นิพพาน แน่นอน เพราะว่ายังมีการเกิด แม้ดับไป แต่ก็ยังมีปัจจัยให้เกิดอยู่ ที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงว่า การที่จะมั่นคงในการที่จะรู้ว่า เมื่อยังมีพืชเชื้ออย่าง ยังมีตัณหาอยู่ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ครับ ก็ยังเป็นเหตุให้เกิดอยู่ ครับ แต่ก็เหมือนกับว่า ยังไม่ได้มีความมั่นคงในนิโรธสัจจะเลยครับ เพราะไม่ได้ปรากฏให้รู้เหมือน ทุกข์ หรือเหมือนสมุทัยครับ
ท่านอาจารย์: ทุกข์ กับสมุทัยปรากฏให้รู้แล้วหรือ?
อ.วิชัย: ก็ยังไม่ปรากฏครับ แต่ว่า มีพอที่จะพิจารณาได้บ้างครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น การที่สิ่งต่างๆ เหล่านั้นไม่เกิดอีกเลย เพราะหมดปัจจัยที่จะทำให้เกิด นั่นคือความหมายของ นิ ใช่ไหม ไม่มีที่จะเกิด
อ.วิชัย: ไม่มีครับ แล้วก็ โรธะ คือท่องเที่ยว คือไม่มีการเกิดเป็นไปของสังสาระ คือธรรมที่เกิดดับสืบต่อ ครับ
ท่านอาจารย์: อยู่เฉยๆ ก็เที่ยวเก่งนะ หยุดไม่ได้ตั้งแต่เกิดจนตายไม่เคยไม่ไปไหนเลย ไปตลอดเวลา เดี๋ยวทางตา เดี๋ยวทางหู เดี๋ยวทางใจ เดี๋ยวโน่นเดี๋ยวนี้ตลอด
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอยู่ประเทศไหนเหมือนกัน อยู่ที่นี้ก็เหมือนกัน สภาพธรรมเกิดไปที่ต่างๆ ทุกขณะ ไปทางตา ไปทางหู ไปทางใจ ไม่มีใครเลย นอกจากปัจจัยที่ทำให้เกิดเป็นอย่างไร ก็ต้องเป็นไปตามสิ่งที่ปรากฏ แต่ไม่รู้เลยว่า สิ่งนั้นเกิดเพราะเหตุปัจจัย
อ.วิชัย: ครับ หมายความว่า การที่มีความเข้าใจในสิ่งที่ปรากฏ ซึ่งไม่ต้องใช้คำเรียกก็ได้ แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น และดับไป แต่เพราะมีเหตุให้เกิด ดังนั้น ความเข้าใจว่า สิ่งที่เมื่อดับเหตุแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่มี ก็เป็นการเริ่มสะสมความเข้าใจนิโรธไหมครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: ให้รู้จริงๆ ว่า ดับอะไร ต้องดับกิเลส ดับเหตุที่จะทำให้เกิดทั้งหมดไม่เหลือเลย
อ.วิชัย: ครับ
ท่านอาจารย์: ตามลำดับ ลำดับแรก กิเลสนิพพาน สอุปาทิเสสะ ยังมีสิ่งที่จะต้องดับต่อไป เพราะยังเหลืออยู่ ยังมีกิเลสที่เหลืออยู่
อ.วิชัย: ครับ ก็ต้องมีปัญญาที่เจริญโดยลำดับนะครับ อย่างที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงพระอริยบุคคลในแต่ละระดับ ก็มีการดับอกุศลในแต่ละระดับครับท่านอาจารย์ ก็ละเอียดขึ้นครับ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ
ขอเชิญอ่านเพิ่มได้ที่..
ทุกขนิโรธอริยสัจ เป็นไฉน? [สัจจวิภังค์]
สอุปาทิเสสนิพพาน คือ ความสิ้นไปของกิเลสทั้งหมด
ความดับแห่งทุกข์ [ปฏิสัมภิทามรรค]
ขอเชิญฟังเพิ่มได้ที่..
อรรถกถาวิภังคสูตร สัจจะ ๔
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ยินดีในกุศลจิตครับ