สนทนาธรรมที่อินเดีย บ่าย 24/10/68
โดย nattawan  24 ต.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 51266

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

หนทางเดียวคือฟังคำของพระพุทธเจ้าที่ลึกซึ้ง เพื่อที่จะได้เข้าใจความละเอียด จึงไม่ประมาทที่จะฟังคำของพระองค์ด้วยความเคารพ ทุกคำเพื่อเข้าใจความลึกซึ้งของแต่ละคำซึ่งมีจริงเดี๋ยวนี้

ถ้าไม่รู้ความลึกซึ้งของแต่ละคำหรือแต่ละลักษณะของสภาพธรรมะด้วยความละเอียดก็เข้าใจผิด

คนที่ไม่เคารพพระพุทธเจ้าจะเข้าใจธรรมะของพระองค์ผิดพลาดง่ายมาก

ถ้าไม่มีใครกล่าวคำของพระพุทธเจ้าทุกคนก็พูดถึงคำของตัวเองเท่านั้น ... เพราะฉะนั้นคำของพระองค์แม้คำเดียวก็ต้องศึกษาเพื่อเข้าใจมั่นคงลึกซึ้ง ถ้ารีบร้อนไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ได้

ถึงเวลาที่เราจะฟังคำของพระพุทธเจ้าและร่วมกันพิจารณาว่าอะไรผิดอะไรถูก ... นี่คือผู้ที่ตรงและเคารพความจริงที่ผู้ทรงตรัสรู้แล้วได้ทรงแสดง



ความคิดเห็น 1    โดย nattawan  วันที่ 24 ต.ค. 2568

ถ้าไม่ฟังคำของพระพุทธเจ้า ... ใครจะเข้าใจธรรมะเดี๋ยวนี้!!!

เพียงคำเดียวที่กล่าวถึงธรรมะหนึ่งก็ยากที่จะรู้ได้แม้ตลอดชีวิตนี้ ถ้าไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่พิจารณาก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้

ถ้าเข้าใจแล้วมีโอกาสที่จะเข้าใจให้ประจักษ์แจ้งไหม?!

พระพุทธเจ้าตรัสว่าเห็นไม่ใช่เรา ไม่ใช่ใครทั้งสิ้น ... จริงไหม?! คำเดียวประโยคเดียวเห็นมีจริง เห็นไม่ใช่ใครทั้งสิ้น เห็นเป็นเห็น นี่คือกำลังศึกษาธรรมะ กำลังศึกษาคำของพระพุทธเจ้า เพื่อเข้าใจว่าเห็นไม่ใช่ใครทั้งสิ้น เห็นเป็นเห็นเท่านั้น

พระพุทธเจ้าตรัสว่าธรรมะทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตา ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเห็นมีจริงเป็นธรรมะหนึ่ง ไม่ใช่ใคร เห็นเป็นเห็น ... จริงไหม?!

คำตอบของแต่ละคนแสดงความเข้าใจของแต่ละคนว่าถูกหรือผิด

กำลังศึกษาธรรมะใช่ไหม?? ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นเห็นเป็นธรรมะแน่นอน เห็นเป็นเห็น ไม่ใช่ใครทั้งหมด ... จริงไหม?!

ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ทรงตรัสรู้เห็น ไม่มีใครรู้ว่าเห็นไม่ใช่ใครทั้งสิ้น เห็นมีจริงกำลังเห็น เห็นเป็นอื่นไม่ได้นอกจากกำลังเห็น ตรงกับคำที่พระองค์ตรัสว่าเห็นมีจริง เห็นเป็นธรรมะเพราะมีจริง ... เพราะฉะนั้นธรรมะทั้งหมดเป็นอนัตตา ... เห็นไม่ใช่ใครทั้งสิ้น


ความคิดเห็น 2    โดย nattawan  วันที่ 24 ต.ค. 2568

เมื่อเข้าใจว่าสิ่งที่มีจริงเป็นธรรมะ มีรลักษณะที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ยังสงสัยไหมว่าอะไรเป็นธรรมะ??

ศึกษาธรรมะไม่ไกลจากเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้นศึกษาธรรมะคือกำลังเริ่มเข้าใจสิ่งที่มีจริงทุกขณะ

โกรธเป็นธรรมะ ไม่โกรธมีจริง ไม่รู้มีจริง ... เดี๋ยวนี้กำลังไม่รู้ใช่ไหม?? เดี๋ยวนี้กำลังไม่รู้อะไร?? ถ้าไม่คิดก็ผ่านไปแต่ถ้าคิดว่าเดี๋ยวนี้มีความไม่รู้ไหม ... นี่เป็นการสนทนาเพื่อเข้าใจคำของพระพุทธเจ้า

ขณะนี้เห็นเกิดดับ ... รู้ไหม?! ขณะที่เห็นเป็นอื่นได้ไหม?! ... ไม่ได้ ... เห็นเกิดแล้วดับหรือเปล่า?? ... พระพุทธเจ้าตรัสว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา ... นี่เป็นคำของพระพุทธเจ้า!

สภาพจำมีจริง แต่เกิดขึ้นจำเท่านั้นไม่เห็น เมื่อวานนี้เห็นอะไรบ้าง? จำไม่ได้ใช่ไหม? แต่เห็นต้องเห็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็น เพราะฉะนั้นจำไม่ใช่เห็นแน่นอน เพราะฉะนั้นศึกษาธรรมะคือศึกษาธรรมะแต่ละขณะ!!!

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 24 ต.ค. 2568

เข้าใจความลึกซึ้งของแต่ละคำซึ่งมีจริง

หนทางเดียวคือฟังคำของพระพุทธเจ้าที่ลึกซึ้ง เพื่อที่จะได้เข้าใจความละเอียด จึงไม่ประมาทที่จะฟังคำของพระองค์ด้วยความเคารพ ทุกคำเพื่อเข้าใจความลึกซึ้งของแต่ละคำซึ่งมีจริงเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่รู้ความลึกซึ้งของแต่ละคำ หรือแต่ละลักษณะของสภาพธรรมด้วยความละเอียด ก็เข้าใจผิด

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 4    โดย สิริพรรณ  วันที่ 24 ต.ค. 2568

กำลังศึกษาธรรมะใช่ไหม?? ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะ เพราะฉะนั้นเห็นเป็นธรรมะแน่นอน เห็นเป็นเห็น ไม่ใช่ใครทั้งหมด ... จริงไหม?!

ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ทรงตรัสรู้เห็น ไม่มีใครรู้ว่าเห็นไม่ใช่ใครทั้งสิ้น เห็นมีจริงกำลังเห็น เห็นเป็นอื่นไม่ได้นอกจากกำลังเห็น ตรงกับคำที่พระองค์ตรัสว่าเห็นมีจริง เห็นเป็นธรรมะเพราะมีจริง ... เพราะฉะนั้นธรรมะทั้งหมดเป็นอนัตตา ... เห็นไม่ใช่ใครทั้งสิ้น

คำจริงไพเราะที่สุด เป็นสิ่งมีค่าที่สุดที่ควรสะสมให้มั่นคง เพราะสภาพเห็นเป็นความจริงแน่นอนทุกชาติที่มีปัจจัยให้เห็น ควรอบรมเพื่อรู้ความจริงอย่างยิ่ง

กราบเท้ายินดีในกุศลท่านอาจารย์ ผู้เผยแพร่พระธรรม ด้วยความเคารพ อย่างสูงยิ่ง

ขอบพระคุณ คุณ nattawan และขออนุโมทนาธรรมทานค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย nattawan  วันที่ 25 ต.ค. 2568

ยินดีในกุศลจิตค่ะ