สติสามารถที่จะระลึกได้ และปัญญาก็รู้ชัดว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ นี่จึงเป็นเหตุที่การเจริญสติปัฏฐานต้องเจริญเป็นปกติ เพื่อมีกำลัง ให้รู้ชัดว่า ขณะนั้นไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนได้จริงๆ รู้ได้ใช่ไหมว่า ตัวตนยังมากมายเหลือเกิน หรือว่าน้อยไปมากแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่าน้อยลง เครื่องวัดคือวิปัสสนาญาณ
รับฟัง ...
ไม่หลงผิดว่าท่านรู้มากมาย
ท่านผู้ฟังท่านหนึ่งกล่าวว่า ปกติท่านก็มีสติได้ ขณะที่มีสตินั้นก็รู้ลักษณะของนาม หรือของรูป แต่ไม่ถึงขั้นที่จะรู้ว่า ในขณะนั้นไม่ใช่ตัวตน รู้สึกว่าเป็นการยากที่จะถึงขั้นที่รู้จริงๆ ว่าสภาพของนามธรรมที่กำลังปรากฏ สภาพของรูปธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้นไม่ใช่ตัวตน และบางคราวก็รู้สึกว่าดี ที่ว่าดีคือ ปัญญาค่อยๆ น้อมไป โน้มไปรู้ว่า ลักษณะนั้นไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่บางครั้งปัญญาก็หายไปหมด กลับมาหนาแน่นด้วยความยึดถือสภาพนามธรรมและรูปธรรมนั้นว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล
เป็นไปได้ไหมอย่างนี้ หรือว่าเป็นอยู่เสมอ ก็ต้องเป็นอยู่เสมอจนกว่าวิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้น เป็นความรู้ชัดในสภาพนามธรรมและรูปธรรมเป็นขั้นๆ จริงๆ และวิปัสสนาญาณนั้นก็มีหลายขั้น ถ้ายังไม่ถึงขั้นที่จะประจักษ์ความเกิดดับของนามธรรม และรูปธรรม ความรู้ก็ต้องตามขั้นที่วิปัสสนาญาณเกิด หมายความว่า ถ้าเป็นนามรูปปริจเฉทญาณรู้ความต่างกันจริงๆ ในลักษณะที่เป็นนามธรรมที่ไม่ใช่รูป ไม่มีรูปสักรูปเดียวที่จะเป็นสภาพของนามธรรมได้ เพราะเหตุว่าสภาพของนามธรรมนั้นเป็นแต่เพียงสภาพรู้เท่านั้น และรู้ลักษณะของรูปธรรมแต่ละรูปตามความเป็นจริงในสภาพที่ไม่ใช่ตัวตน ความรู้นี้ไม่ลืม แต่เมื่อปัญญายังไม่สมบูรณ์ถึงขั้นที่จะประจักษ์ในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่เป็นวิปัสสนาญาณที่สูงขึ้น ความเป็นตัวตนหรือความพอใจยึดถือนามธรรมและรูปธรรมก็มีได้ จนกว่าจะถึงที่สุด คือ โสตาปัตติมัคคญาณ
ท่านผู้ฟังจะเห็นความละเอียด และความลึกของการยึดถือนามธรรมและรูป ธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล โดยมากเวลาที่ท่านผู้ฟังเจริญสติและมีปัญญาระลึกได้ว่า สภาพนั้นเป็นนามธรรมเป็นรูปธรรม ตรงลักษณะที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมจริงๆ ท่านอาจจะคิดว่า รู้ได้มากแล้ว หลายนาม หลายรูป แต่ขอให้เผชิญกับชีวิตปกติธรรมดา ประจำวัน เหตุการณ์จริงๆ ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทุกอย่าง เพราะว่าเหตุการณ์ในชีวิตของแต่ละท่าน ก็มีเหตุการณ์มากมายหลายอย่าง บางทีก็เต็มไปด้วยความโสมนัสรื่นเริง พบปะบุคคลมากหน้าหลายตา บางครั้งก็มีเรื่องกังวล เรื่องความห่วงใย เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ เรื่องความเดือดร้อนของบุคคลที่ใกล้ชิดบ้าง หรือของตัวท่านเองบ้าง เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น ขอให้ท่านได้รู้ความจริงว่า สติและปัญญาของท่านมากพอที่จะรู้ว่าลักษณะนั้นๆ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนหรือไม่
เผชิญกับศัตรูที่แข็งกร้าว มีกำลังแรง หรือจะมีโสมนัสมาก มีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นดีใจ เป็นไปในทางลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือว่าเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ความรู้ที่ว่ามีพอสมควรนั้น ก็หายไปหมดในขณะนั้น นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าความลึก ความเหนียวแน่นของการเห็นผิดที่เคยยึดถือนามธรรมและรูปธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เหนียวแน่นสักแค่ไหน
ทั้งๆ ที่ท่านก็รู้บางนามบางรูป แต่พอเผชิญกับเหตุการณ์จริงๆ ปัญญาพอไหมที่จะรู้และไม่ยึดถือว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน ไม่พอ เพราะฉะนั้น ท่านที่เจริญปัญญาจะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่หลงผิดว่าท่านรู้มากมาย กำลังจะเป็นพระอริยบุคคลในวันนี้ พรุ่งนี้
ฉะนั้น การเจริญสติปัฏฐานจึงเป็นการเจริญเป็นปกติ เพื่อให้ปัญญามีกำลังที่จะรู้ชัดในสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นโลกธรรมฝ่ายดี หรือฝ่ายเสื่อม ไม่ว่าจะเป็นขณะไหน สติก็สามารถที่จะระลึกได้ และปัญญาก็รู้ชัดว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ไม่ใช่เป็นการไปหลอกลวง หรือไปเข้าใจว่ารู้ แต่ว่าปกติไม่รู้ นี่จึงเป็นเหตุที่การเจริญสติปัฏฐานต้องเจริญเป็นปกติ เพื่อมีกำลังพอที่จะต่อสู้กับกิเลสที่เคยยึดถือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ให้รู้ชัดว่า ขณะนั้นไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนได้จริงๆ
นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ เป็นการสอบจิตใจ ความรู้ สติปัญญาของท่านผู้ฟังให้เห็น กำลังความเหนียวแน่นของความเห็นผิดที่ยึดถือนามรูปว่าเป็นตัวตน พิสูจน์ได้ใช่ไหม รู้ได้ใช่ไหมว่า ตัวตนยังมากมายเหลือเกิน หรือว่าน้อยไปมากแล้ว
จะรู้ได้อย่างไรว่าน้อยลง เครื่องวัดคือวิปัสสนาญาณ ถ้ายังไม่ถึงก็กลับไปกลับมาอย่างนี้ บางครั้งก็รู้สึกว่ารู้ แต่บางครั้งก็ไม่ทราบสติปัญญาหายไปไหนหมด เป็นตัวเป็นตนจริงๆ แต่ถ้าเป็นการอบรมเจริญสติระลึกรู้สภาพธรรมทั้งปวงไม่เว้น หรือว่าไม่คิดที่จะเว้น ไม่ว่าทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือทางใจ ไม่ว่าขณะไหน ไม่ว่าสถานที่ใด อบรมจนชินก็สามารถที่จะมีกำลัง และไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆ จะเกิดขึ้น ปัญญาก็มีกำลังกล้าที่จะรู้ แทงตลอดได้ว่า สภาพธรรมนั้นๆ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ [ตอนที่ 235]