ถ้าท่านศึกษาการรู้แจ้งอริยสัจธรรมของพระอริยสาวกในพระไตรปิฎกที่เป็นฆราวาส ท่านจะเห็นว่า ท่านเหล่านั้นรู้แจ้งอริยสัจธรรมในขณะที่เป็นชีวิตปกติธรรมดาของท่าน เป็นการรู้แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เสมอกันหมดไม่ว่าจะอยู่ ณ สถานที่ใด
เปิดฟัง ...
รู้แจ้งอริยสัจธรรมในขณะที่เป็นชีวิตปกติ
บางท่านรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอนาคามีบุคคล ในขณะที่กำลังทำอาหาร อยู่ในครัว เป็นชีวิตปกติธรรมดา แม้แต่ผู้ที่เป็นพระภิกษุ ท่านก็จะต้องมีปกติเจริญ สติปัฏฐาน และเมื่อท่านอบรมปัญญาสมควรแก่การที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรม ท่านก็รู้แจ้งอริยสัจธรรม เช่น ภิกษุที่ถูกงูกัดในขณะที่กำลังฟังธรรม พิจารณาธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น บรรลุความเป็นอรหันต์ที่ไหนก็ได้ ถ้าเป็นปัญญาจริงๆ ก็รู้แจ้งแทงตลอดในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ไม่ต้องรอ ไม่ต้องคอย ไม่ต้องผลัดว่าจะต้องไปรู้แจ้งที่อื่น เพราะเหตุว่าการรู้แจ้งอริยสัจธรรมนั้น เป็นการรู้แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เสมอกันหมดไม่ว่าจะอยู่ ณ สถานที่ใด ก็เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น
ชาวนาผู้หนึ่งเสียใจที่นาของตนถูกน้ำท่วมเสียหายมาก มีความเศร้าโศกเสียใจพระผู้มีพระภาคทรงเล็งเห็นอุปนิสัยของการที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอริยสาวกของชาวนาท่านนั้น เพราะฉะนั้น ก็ได้เสด็จไปโปรด ทรงแสดงธรรมให้ชาวนานั้นคลายความโศกเศร้า และบรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล เป็นชีวิตจริงๆ ในขณะนั้นไม่ได้ไปเปลี่ยน ไปเทศนาบอกว่าให้ไปที่อื่น
สำหรับท่านพาหิยะ ที่ท่านเป็นเอตทัคคะในการตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ได้โดยเร็วพลัน ขณะที่พระผู้มีพระภาคเสด็จบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี ท่านพระพาหิยะก็ได้ไปเฝ้า ฟังธรรม รู้แจ้งอริยสัจธรรมในขณะนั้น เพราะว่าพิจารณาสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ที่ปรากฏแล้วก็หมดไป เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง จึงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน [ตอนที่ 266]

ถ้าเป็นปัญญาจริงๆ ก็รู้แจ้งแทงตลอดในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ไม่ต้องรอ ไม่ต้องคอย ไม่ต้องผลัดว่าจะต้องไปรู้แจ้งที่อื่น เพราะเหตุว่าการรู้แจ้งอริยสัจธรรมนั้น เป็นการรู้แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เสมอกันหมดไม่ว่าจะอยู่ ณ สถานที่ใด ก็เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ