ปลูกฝังความเข้าใจถูก__สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี วันเสาร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๔
โดย khampan.a  11 ก.ย. 2564
หัวข้อหมายเลข 37201

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ปลูกฝังความเข้าใจถูก"

ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี

วันเสาร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๔



~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระคุณยิ่งใหญ่ ซึ่งถ้าเราไม่ฟังคำของพระองค์ เราจะไม่รู้เลย
~ ส่วนใหญ่ คนอยากฟังธรรมเยอะๆ แต่ไม่เห็นความลึกซึ้งและไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ
~ การฟังธรรม ไม่ใช่อะไรเลย แต่ฟังเพื่อปลูกฝังความเข้าใจถูกในคุณที่ยิ่งใหญ่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ถ้าไม่รู้ความลึกซึ้งของธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส จะไม่มีความเข้าใจธรรมที่ได้ฟังเลย
~ ทุกครั้งที่ฟังพระธรรม ก็คือ การฟัง เพื่อปลูกฝังความเข้าใจที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้และทรงแสดง
~ ได้ยินคำว่าธรรม กว่าจะรู้จริงๆ ว่าธรรมะคืออะไร และความลึกซึ้งของธรรมที่มีจริงๆ ก็ต้องอาศัยกาลเวลาที่ต้องปลูกฝังอย่างมั่นคง
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ฟัง ผ่านไปง่ายๆ ไม่ได้เลย เพราะเหตุว่า ถ้าผ่านไปง่ายๆ ก็ไม่ใช่ธรรมที่ลึกซึ้ง
~ มีธรรมทุกวัน แต่ไม่รู้จักธรรมเลย นี่คือ เห็นความลึกซึ้งและพระมหากรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เราสามารถเข้าใจได้
~ ต้องไม่ลืมว่าธรรมอยู่เฉพาะหน้าทุกขณะ แต่ไม่รู้ความเป็นธรรมเลย ขณะไหนที่ไม่มีธรรมบ้าง? เมื่อเช้ามีธรรมไหม? แสดงให้เห็นว่า ต้องเข้าใจว่ามีความไม่รู้ธรรมแค่ไหน
~ เราได้ยินคำว่าธรรม แต่ธรรมอยู่เดี๋ยวนี้ตรงหน้า ยังไม่รู้จัก ฟังเพื่อเริ่มคุ้นกับสิ่งที่มีตรงหน้า ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา
~ ศึกษาธรรม เพื่อเข้าใจทุกอย่างที่มีตลอดเวลา
~ เริ่มรู้จักธรรมว่า ธรรมเป็นธรรม เป็นอื่นไม่ได้ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ธรรมเป็นธรรม ธรรมหนึ่ง เป็นธรรมนั้น เป็นอื่นไม่ได้
~ เริ่มมีความเข้าใจมั่นคงว่า ธรรมเป็นอะไรไม่ได้นอกจากเป็นธรรมนั้น นี่เป็นจุดเริ่มของปัญญาที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ เมื่อเข้าใจธรรมว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ก็จะฟังเรื่องที่กำลังมีด้วยความเข้าใจว่าเป็นสิ่งนั้น ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด จนสามารถเข้าใจทั่วทุกอย่างที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ จึงจะชื่อว่าเข้าใจธรรม
~ เรียนธรรม ต้องรู้ว่า เพื่อจะเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ทุกอย่างที่กำลังปรากฏ
~ เห็น ไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ยิน ไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นเป็นเห็น ได้ยินเป็นได้ยิน เห็นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นเห็น เห็นของคนอื่น ต้องเป็นเห็น แต่สองอย่างนี้ ก็ต้องต่างกัน เห็นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กับ เห็นของคนธรรมดา จิตเห็น ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีกิเลสใดๆ เลยทั้งสิ้น (ไม่มีอนุสัยกิเลสซึ่งเป็นกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในจิต) แต่จิตเห็นของคนอื่น มีความไม่รู้อยู่เต็ม (ยังมีอนุสัยกิเลส)
~ ประโยชน์ของการฟังธรรม ไม่ใช่อยู่ที่ฟังมากๆ แต่เข้าใจความจริงถึงที่สุดแม้เพียงนิดเดียว ว่า ไม่มีเรา แต่มีธรรมคือสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งๆ
~ สิ่งที่จะต้องปลูกฝังให้มั่นคงให้เจริญเติบโตขึ้น คือ ความเข้าใจถูกว่าไม่ใช่เรา
~ ก่อนเห็น มีเห็นไหม?
~ กว่าเราจะเข้าใจมั่นคง ว่า ไม่มีเรา สิ่งที่มี ไม่ใช่เรา เป็นแต่ละหนึ่งซึ่งมีจริงๆ ต้องฟังอีก เข้าใจอีก จนมั่นคง นี่เป็นจุดประสงค์สูงสุดของการฟังธรรม เพื่อรู้ความจริงว่า ไม่มีเรา
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้แล้วทรงแสดงความจริงและทรงแสดงหนทางที่จะให้รู้ความจริงอย่างที่พระองค์ได้ทรงประจักษ์แจ้งด้วย
~ ต้องปลูกฝังความเข้าใจถูกว่า ไม่มีเรา ไม่ใช่ให้ไปทำอย่างอื่นเลย
~ ถ้าธรรมไม่เกิด ก็ไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น ใครก็ทำให้ธรรมเกิดไม่ได้ เพราะเกิดแล้ว เดี๋ยวนี้เห็นเกิดแล้ว คิดเกิดแล้ว ขณะนี้บางคนเห็น บางคนได้ยิน มีปัจจัยให้ได้ยิน เห็นเกิดไม่ได้ ถ้ามีปัจจัยให้เห็น ได้ยินก็เกิดไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปลี่ยนให้เป็นอย่างอื่นได้ไหมไม่ให้เป็นจริงอย่างนี้?
~ ความเห็นถูก ที่เราใช้คำว่าปัญญา รู้ความจริงว่า อะไรถูก อะไรผิด
~ เวลานี้ เสียงปรากฏ แสดงว่ามีสภาพที่ได้ยินหรือกำลังรู้เสียงนั้น
~ จิต ไม่ใช่โทสะ จิตไม่ใช่โลภะ จิตเป็นสภาพที่รู้แจ้งเฉพาะสิ่งที่ปรากฏเท่านั้น จิตชอบไม่ได้ จิตไม่ชอบไม่ได้ จิตมีหน้าที่เฉพาะรู้แจ้งสิ่งที่กำลังปรากฏเท่านั้น
~ เริ่มรู้จักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ ว่าสอนให้เกิดความเข้าใจถูกได้ ไม่ใช่ลอยๆ ไม่ใช่สอนไปเฉยๆ
~ หนึ่งขณะที่เห็น ต้องมีตา (จักขุปสาทะ) และไม่ใช่มีแต่เฉพาะตา ต้องมีสิ่งที่กระทบตาได้ด้วย ถ้าจิตไม่เกิดตรงนั้น ไม่มีสภาพที่เห็น และจิต กับเจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต) ก็ต้องเกิดพร้อมกัน แยกกันไม่ได้ ทุกอย่างต้องอยู่ตรงนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงใช้คำว่าอายตนะ (สภาพธรรมที่ประชุมกันในขณะที่จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทีละขณะ)
~ รู้จักหนทางที่จะทำให้รู้ความจริงเดี๋ยวนี้หรือยัง? นี่เริ่มรู้จักพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่ลึกซึ้งเดี๋ยวนี้ สามารถจะประจักษ์แจ้งได้เมื่อค่อยๆ เข้าใจความจริง จึงละความเห็นผิดที่ปกปิดความจริง
~ ประโยชน์ของการสนทนาธรรมวันนี้อยู่ที่ไหน? ประโยชน์ คือ ได้รู้ว่าขณะนี้ ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ นี่คือ ประโยชน์ และความจริงสูงสุดที่จะไม่ลืม ก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่าง มี แต่ไม่ใช่เรา



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย natthayapinthong339  วันที่ 11 ก.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย มังกรทอง  วันที่ 11 ก.ย. 2564

ได้ยินคำว่าธรรม กว่าจะรู้จริงๆ ว่าธรรมะคืออะไร และความลึกซึ้งของธรรมที่มีจริงๆ ก็ต้องอาศัยกาลเวลาที่ต้องปลูกฝังอย่างมั่นคง

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 3    โดย petsin.90  วันที่ 11 ก.ย. 2564

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 11 ก.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย swanjariya  วันที่ 11 ก.ย. 2564

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบยินดีในกุศลของคุณสุคินและทุกๆ ท่าน


ความคิดเห็น 6    โดย สิริพรรณ  วันที่ 11 ก.ย. 2564

กราบนอบน้อมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้ฟังแล้วเข้าใจว่าไม่มีเราให้มั่นคง จนวันหนึ่งสภาพธรรมะปรากฏจริงๆ ตามที่ได้ฟัง ต้องมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ในขั้นการฟังจนกว่าจะประจักษ์แจ้งความจริงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดง

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพและขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

ยินดีในกุศลธรรมทานทุกท่านด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย เข้าใจ  วันที่ 12 ก.ย. 2564

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย เมตตา  วันที่ 12 ก.ย. 2564

ขอบพระคุณ และยินดีในกุศลจิต ค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย ru992341  วันที่ 12 ก.ย. 2564

อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย Centella  วันที่ 13 ก.ย. 2564

น้อมระลึกบูชาพระคุณทั้งสามด้วยเศียรเกล้า


ความคิดเห็น 11    โดย jaturong  วันที่ 13 ก.ย. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ