ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่บ้านธัมมะ เชียงใหม่ ๑๓ ม.ค. ๒๕๕๔ ตอนที่ ๒ โดยคุณวันชัย
โดย บ้านธัมมะ  19 ม.ค. 2554
หัวข้อหมายเลข 17762

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


(ภาพโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธองค์ บนชั้นสามของบ้านธัมมะ เชียงใหม่)

วันเวลา เมื่อผ่านไปแล้ว ไม่มีวันที่จักหวลคืนกลับมาอีกได้ แม้เพียงขณะเดียวในชีวิต เหลือเพียงความทรงจำอันสวยงาม แลกุศลธรรมอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นและดับไปแล้วนั้น จักสั่งสมไว้ ในขณะต่อๆ ไป อันจะยังประโยชน์ แก่บุคคลนั้นๆ ตามควรแก่กาลในตอนต่อไปนี้ ข้าพเจ้าขอใช้ชื่อตอนว่า "ผู้คนแวดล้อม" ครับ


ข้าพเจ้าได้สังเกตุเห็นถึง ศรัทธา ของศิษย์ทุกคนที่แวดล้อมท่าน เมื่อได้มีความเข้าใจธรรมในระดับหนึ่งที่ท่านอาจารย์ได้บรรยายไว้ เมื่อมีโอกาส มักมีกุศลเจตนา ที่จะเข้าใกล้แวดล้อมท่านอาจารย์ มิใช่เพื่อลาภ เพื่อยศ เพื่อสรรเสริญใดๆ แต่เพื่อ การได้มีโอกาสฟังธรรมอันเลิศ เพื่อมีโอกาสได้รับใช้ เพื่อมีโอกาสในการแบ่งเบาภาระท่าน ในการเผยแพร่พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อมีโอกาสได้ร่วมเจริญกุศลทุกๆ ประการกับท่าน ผู้มีอุปการะอันยิ่งใหญ่ที่สุดในชาตินี้ ท่านผู้มีปัญญา และเมตตาธรรมอันไม่มีประมาณแก่ทุกผู้ เพื่อความเข้าใจธรรมอันลึก ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาแสดงไว้ การได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ ในครั้งนี้

ทำให้ข้าพเจ้าเห็นถึง คุณธรรม ความนอบน้อม ความชื่นบานต่อกัน ความมีเมตตา โดยเฉพาะความรู้ ความสามารถ ในแต่ละทางที่ศิษย์ของท่านมี และ ได้นำมาแสดง เพื่อนอบน้อมบูชาคุณท่านอาจารย์ ในคราวนี้ยอดเยี่ยม อย่างที่ทุกๆ คนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจริงๆ ครับ


ณ กาลบัดนี้ ท่านผู้มีสมมติบัญญัติ นามว่า ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีอายุครบ ๗ รอบปีนักษัตร ๘๔ ปี บริบูรณ์ ในวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๔


มิใช่แต่บุรุษจะเป็นบัณฑิตได้ในที่ทุกสถาน แม้สตรีมีปัญญาเห็นประจักษ์ ก็เป็นบัณฑิตได้ในที่นั้นๆ มิใช่บุรุษจะเป็นบัณฑิตได้ในที่ทุกสถาน แม้สตรีที่คิดความได้รวดเร็ว ก็เป็นบัณฑิตได้

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา

เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้าที่ 178

ด้วยความที่ท่านได้สั่งสมอบรมเจริญกุศลธรรมทุกประการไว้มากมายและถึงพร้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความเข้าใจธรรมของท่านที่สามารถถ่ายทอดความเข้าใจนั้น ให้กับคนอื่นๆ ได้รู้ ได้เข้าใจด้วย เป็นความเมตตาของท่านอย่างยิ่ง

ที่ศิษย์ทุกคนรับรู้ว่าตลอดระยะเวลาลายาวนานกว่า ๕๐ ปีแห่งการบรรยายธรรมของท่าน ท่านมีความเพียรอย่างยิ่ง ในการพูด ในการสนทนาธรรม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยจุดประสงค์เพียงสิ่งเดียวคือ เพื่อให้ทุกคนที่ได้ยินได้ฟัง มีความเข้าใจธรรมะ ท่านไม่ได้ต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทนเลย ดังคำกล่าวของท่านตอนหนึ่งว่า...

"...แล้วก็ไม่ใช่เพียงแต่กล่าว แต่ยังมีกุศลจิตที่จะค่อยๆ ประพฤติด้วย นี่เป็นสิ่งที่ ตลอดเวลาที่ทำมา เพื่อจุดนี้ เพื่อที่จะให้คนอื่นไม่เพียงเข้าใจธรรม แต่ยังสามารถที่จะเกิดกุศล ที่จะประพฤติปฏิบัติตามด้วย มิฉะนั้น ๕๐ ปีกว่านี้ ที่ผ่านมาก็คงจะไม่มีประโยชน์ เพราะว่าเพียงฟังแล้วยังไม่ถึงใจ ที่จะเห็นความจริงของจิตของตนเองที่สะสมมา..."

มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๘๙

เทวทหวรรคที่ ๑

จูฬปุณณมสูตรที่ ๑๐

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเป็นผู้ภักดีต่อสัตบุรุษอย่างไร คือ สัตบุรุษในโลกนี้ มีสมณพราหมณ์ชนิดที่มีศรัทธา มีหิริ มีโอตตัปปะ มีสุตะมาก มีความเพียรปรารภแล้ว มีสติตั้งมั่น มีปัญญา เป็นมิตร เป็นสหายดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล สัตบุรุษชื่อว่าเป็นผู้ภักดีต่อสัตบุรุษ

ส่วนตัว ข้าพเจ้า มีจิตนอบน้อมกราบกรานท่านทุกครั้ง เมื่อได้มีความเข้าใจธรรม จากเสียงบรรยายธรรมอันไพเราะ ลึกซึ้งของท่าน ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน และระลึกอยู่เสมอ ในคำเตือนของท่านที่ว่า...

"ผู้ที่กล่าวแต่ชื่อ แต่ไม่รู้ ไม่น้อมไปเพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงขณะนี้ ก็คือผู้บ่นเพ้อ"


"...ไม่อยากให้ไปไหนไกลๆ เรื่องชื่อธรรมอะไรต่างๆ แต่ควรกลับมาสู่ ความเข้าใจสภาพธรรม ที่มีจริงในขณะนี้..."

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต เล่ม ๓๘ หน้าที่ ๑๙๗ - ๒๐๐ยมกวรรคที่ ๒

๑. อวิชชาสูตร

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้ การคบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์ การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ย่อมยังศรัทธาให้บริบูรณ์ ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยแยบคายให้บริบูรณ์ การทำไว้ในใจโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์ สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการสำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์ การสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสุจริต ๓ ให้บริบูรณ์,สุจริต ๓ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ สติปัฏฐาน ๔ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์ โพชฌงค์ ๗ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังวิชชาวิมุตติให้บริบูรณ์ วิชชาวิมุตตินี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้

ความซาบซึ้งกราบกรานอันใด ที่ทุกๆ คนมีต่อท่านนั้น ก็เป็นเพราะ ความที่ท่านอาจารย์ได้ทำให้ทุกๆ คน ได้เข้าใจธรรมอันยากและลึกซึ้ง ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐพระองค์นั้น เพิ่มมากขึ้น ทีละเล็ก ทีละน้อย ด้วยความอดทน พากเพียรของท่าน นั่นเอง ซึ่งท่านอาจารย์เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ ที่มูลนิธิฯครั้งหนึ่งว่า

"...เขามิได้กราบดิฉัน แต่เขากราบความเข้าใจธรรมะของดิฉัน..."

ซึ่งทุกท่าน ย่อมทราบถึงความลึกซึ้งในคำกล่าวนี้ได้ดีอยู่แล้วนะครับ


ในวันนี้นอกจากที่ท่านอาจารย์จะได้ร่วมเจริญกุศลกับทุกๆ ท่านที่บ้านธัมมะแล้ว ในตอนกลางวัน ท่านยังมอบโอกาสให้ท่านผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือท่านที่เชียงใหม่ท่านหนึ่ง ให้ได้มีโอกาสจัดเลี้ยงอาหารกลางวันแด่ท่าน ซึ่งข้าพเจ้าทราบว่าท่านได้มีโอกาสนี้ ในหลายครั้งที่ท่านอาจารย์ มาสนทนาธรรมที่บ้านธัมมะเชียงใหม่ ครับ

ที่นี่ คือ ภัตตาคาร แสนคำเทอร์เรส ที่หมู่บ้าน ในฝัน ซึ่งหมู่บ้านนี้เป็นหนึ่งในกิจการของ กลุ่มบริษัท นิยมพานิช เชียงใหม่ ที่ท่านผู้เป็นเจ้าของ ได้กราบเรียนเชิญท่านอาจารย์ มารับประทานอาหารในวันนี้ กราบอนุโมทนาท่านครับ

ไม่ว่าท่านอาจารย์ จะอยู่ในสถานที่ใดเวลาไหนก็ตาม ทุกขณะที่ทุกคนได้ใกล้ชิดท่าน จะได้รับแต่ความเมตตา การสนทนาเป็นไปในธรรมทั้งสิ้น นี่คือ เหตุผลว่า ทำไมทุกคนจึงอยากที่จะเข้าใกล้ แวดล้อมท่าน นั่นเองครับ

แม้ว่าอาหารที่ได้มีโอกาสได้รับประทานจะมีความประณีตเลิศรสเพียงใดก็ตาม หากสติไม่เกิดขึ้น ระลึกรู้ ลักษณะ ของสภาพธรรมทั้งหลายได้ในขณะนั้น ขณะนั้น ก็ไม่ต่างจากขณะอื่นๆ ที่เป็นไปกับอกุศลธรรมทั้งหลายในสังสารวัฏฏ์เลย

หลังอาหารกลางวัน มีการมอบเค้กวันเกิด แด่ท่านอาจารย์ โดยที่ท่านไม่ทราบมาก่อนอีกด้วยครับ

"กราบเท้าท่านอาจารย์ ผ่านเสียง คำกล่าวหวานใส

ด้วยรัก จากใจหญิงชาย ที่ไม่ห่างหายจากการฟังธรรม

สุดแสนซาบซึ้ง นึกถึงพระคุณประจำ

ท่านอาจารย์ได้พยายาม เกื้อกูลทางธรรม ด้วยใจเมตตา...

...ห้าสิบกว่าปี ที่อุทิศทั้งกายและใจ

ไม่ว่าอยู่หนแห่งใด มุ่งทำประโยชน์ไป ไม่เคยเหนื่อยล้า

ที่ทำอย่างนี้ ไม่หวังสิ่งใดตามมา

นอกจาก หนึ่งเดียวคือว่า ผู้ฟังนั้นเกิดปัญญา...

...จวบถึงวันนี้ ท่านอาจารย์ก็ยังพร่ำสอน

พระธรรมทุกบททุกตอน ก่อนหลับตานอน คิดถึงคุณค่า

จะอยู่ที่ไหน จดจำใส่ใจตลอดเวลา

สิ่งที่มีค่านั่นหนา ปัญญายิ่งกว่าสิ่งใด...

หลายท่านไม่ทราบว่า นอกจากวันนี้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านอาจารย์แล้ว วันนี้ ยังเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน จรัล ภักดีธนากุล อีกด้วยครับ

...กราบเท้าท่านอาจารย์ บูชาพระคุณอีกครั้ง

สิ่งที่ลูกศิษย์มุ่งหวัง ให้ท่านเป็นดังร่มโพธิ์ร่มไทร

อายุยืนนาน แข็งแรง ตลอดไป

ชีวิตก้าวเดินต่อไป ปลูกความรู้ไว้ ในใจทุกคน "

(ประพันธ์คำร้องบูชาคุณโดย คุณคำปั่น อักษรวิลัย)

อุบาสิกาผู้เจริญ ชนสรรเสริญเป็นสาวิกาเปรียบพุทธธิดา อุบัติมาในสากล เจริญธรรมด้วยสัมมา ทิฎฐิกล้าผดุงผลศีล ศรัทธา ปัญญาดล ดำรงวัตรด้วยสัทธรรม สาธุชนย่อมน้อมจิต สานุศิษย์ย่อมน้อมนำใส่เศียรท่านเพียรพร่ำ ซ้ำซ้ำด้วยเมตตา ท่านเป็นพหุสุต แสดงดุจขุชชุตตรา เผยแพร่พระธรรมา ด้วยจรรยาอันงดงาม งามเสียงจำเรียงร่าย สาธยายสนองถามด้วยขันติธรรมงาม ขยายความจนแจ้งใจ
ศิษย์น้อมสาธุการ ท่านอาจารย์ด้วยหทัยกตัญญูประกาศไว้ จะมั่นในวิถีธรรม ขอคุณพระรัตน์ตรัย อำนาจในกุศลกรรมบำเพ็ญแล้วเป็นสิ่งนำ ท่านสู่ความไพบูลย์ เทอญ

(ประพันธ์ โดย น.อ.หญิง สุชาดา มิญฌา แสงเกร็ด)

สนทนาธรรม ทุกกาล ... สำหรับข้าพเจ้า การได้อยู่ใกล้ๆ ท่านอาจารย์ ไม่ว่าในที่ไหนๆ แม้มิได้สนทนากับท่าน แต่การได้เห็นท่าน ได้แวดล้อมท่านอยู่ห่างๆ ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ได้มีการพิจารณา ระลึก รู้ สังเกต สำเหนียก ในธรรมทั้งหลายได้บ่อยขึ้น อาจเป็นเพราะนอกจากท่านจะเป็นคลังแห่งพระธรรม ตามที่พี่แดง kanchana.c กล่าวไว้ รูปของท่าน ยังเป็นปัจจัยให้มีความละอายในความหลงลืมสติของข้าพเจ้าได้เป็นอย่างดี

"...ได้ยินว่า พระวิมลเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า บุคคลผู้ปรารถนาความสุขอันถาวร ควรเว้นบาปมิตร คบหาแต่บุคคลผู้สูงสุดและควรตั้งอยู่ในโอวาทของท่าน คนเกาะไม้เล็กๆ ต้องจมอยู่ในห้วงมหรรณพ ฉันใด คนแม้ดำรงชีพอย่างดี แต่อาศัยคนเกียจคร้านก็ต้องจมอยู่ในวัฏสงสาร ฉันนั้น เพราะฉะนั้น จึงควรเว้นคนเกียจคร้าน มีความเพียรเลวทราม ควรอยู่ร่วมกับบัณฑิตทั้งหลายผู้สงัด เป็นอริยะ มีใจเด็ดเดี่ยว เข้าฌานเป็นปกติ ปรารภความเพียรเป็นนิจ..."

ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ทุกท่าน เป็นผู้มีบุญอันได้กระทำไว้ดีแล้วแต่ปางก่อน จึงได้มีโอกาส ใกล้ชิด "แวดล้อม" ท่านผู้มีพระคุณ ท่านผู้เป็นบัณฑิต โดยสมำ่เสมอ ทุกๆ เสาร์ และ อาทิตย์ ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเข้าใจว่า ทุกๆ ท่าน ได้ยังประโยชน์จากการแวดล้อมโดยใกล้ชิดนั้น ตามควรแก่กาละ ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในกุศลทุกประการอันเกิดแต่ทุกกาละนั้น ของทุกๆ ท่านด้วยครับ


กราบอนุโมทนาในกุศลทุกประการของท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ขอรับ และ ขอเชิญติดตามตอนต่อไป "น้อมเคารพ ฟังพระธรรม" นะครับ

ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่บ้านธัมมะ เชียงใหม่ ๑๓ ม.ค. ๒๕๕๔ (ตอนที่ ๑ โดยคุณวันชัย)



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 28 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ