เรียนถามเรื่อง โลภะ กับ อวิชชา
โดย ปุจฉา  22 ธ.ค. 2550
หัวข้อหมายเลข 6606

๑. โลภะกับอวิชชา อย่างไหนจะเป็นโทษกว่ากัน เพราะที่ได้ฟังการสนทนาธรรมของมูลนิธิฯ บางทีก็พูดถึงโลภะซึ่งเป็นตัวเหตุแห่งทุกข์ ว่าเป็นตัวทำให้เกิดวัฏฏะ บางทีก็พูดถึงความร้ายกาจของอวิชชาว่าปิดบังไม่ให้รู้ความจริงของสภาพธรรม เป็นหัวหน้าของอกุศลธรรมทั้งปวง ก็เลยสับสนว่า สรุปแล้วอันไหนจะร้ายกาจกว่ากัน หรือว่าร้ายกาจเท่ากันเพราะเกิดพร้อมกัน

๒. โดยนัยของปฏิจจสมุปบาท กับโดยนัยของอริยสัจธรรม ๔ ประการ โลภะกับโมหะ จะมีความสัมพันธ์กันโดยประการใดบ้าง

ขอขอบพระคุณอย่างสูงในคำตอบครับ



ความคิดเห็น 1    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 22 ธ.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ข้อ ๑. เพราะมีความไม่รู้ (อวิชชา) กิเลสประการต่างๆ ก็ย่อมมี (ความเห็นที่ 2) ไม่ว่าจะ เป็นโลภะหรือกิเลสประการต่างๆ ความไม่รู้เป็นสมุทัยเช่นเดียวกับโลภะ (ความเห็นที่ 3) และอวิชชาก็เป็นรากเหง้าและเป็นเหตุให้เกิดโลภะด้วยครับ (ความเห็นที่ 4) โมหะหรือ อวิชชามีโทษมากคลายช้าครับ (ความเห็นที่ 5)


ความคิดเห็น 2    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 22 ธ.ค. 2550

เพราะอวิชชา ความไม่รู้มี กิเลสต่างๆ จึงมีด้วย

เชิญคลิกอ่าน...

อวิชชาเป็นสมุทัยกิเลสต่างๆ จึงมี


ความคิดเห็น 3    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 22 ธ.ค. 2550

อวิชชาก็เป็นสมุทัย

[เล่มที่ 69] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๒ - หน้าที่ ๕๐๘

บทว่า อวิชฺชา สิยา ทุกฺขสจฺจ อวิชชาเป็นทุกขสัจก็มี คือ อวิชชาเป็นสมุทัยแห่งอาสวะด้วยความมีอวิชชาเป็นสมุทัย


ความคิดเห็น 4    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 22 ธ.ค. 2550

อวิชชาเป็นมูลเหตุของโลภะ

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๔๖

อรรถกถาจตุจักกสูตร

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ตัดความผูกโกรธด้วย กิเลสเป็นเครื่องร้อยรัดด้วย ความปรารถนาและความโลภอันลามกด้วย ถอนตัณหาอันมีอวิชชาเป็นมูลเสียแล้วอย่างนี้ ความออกไป (จากทุกข์) จึงมีได้

บทว่า สมูล ตณฺห ได้แก่ ตัณหาอันมีมูล โดยมีอวิชชาเป็นมูล


ความคิดเห็น 5    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 22 ธ.ค. 2550

โลภะมีโทษน้อย คลายช้า แต่โมหะมีโทษมากและคลายช้าด้วย
เชิญคลิกอ่าน...

ความแตกต่างแห่งอกุศลมูล๓ [ติตถิยสูตร]


ความคิดเห็น 6    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 22 ธ.ค. 2550

ข้อ ๒. โดยนัยปฏิจจสมุปบาท อวิชชา (โมหะ) มี เป็นเหตุให้เกิดตัณหา (โลภะ) ส่วนในอริยสัจ ๔ ทั้งโลภะและโมหะต่างก็เป็นสมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ด้วยกัน รวมทั้งอวิชชา คือ ความไม่รู้ในอริยสัจ ๔ ดังข้อความในพระไตรปิฎก ครับ


ความคิดเห็น 7    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 22 ธ.ค. 2550

ก็เพราะมีอวิชชา ตัณหาจึงมี (ปฏิจจสมุปบาท)

เชิญคลิกอ่าน..

เพราะมีอวิชชาตัณหาจึงมี [เทศนาสูตร]


ความคิดเห็น 8    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 22 ธ.ค. 2550

ในอริยสัจ ๔ อวิชชาเป็นสมุทัยโดยนัยปฏิจจสมุปบาท

เชิญคลิกอ่าน...

ทุกขสมุทัยอริยสัจ


ความคิดเห็น 9    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 22 ธ.ค. 2550

เชิญคลิกอ่าน...

อวิชชาคือ ความไม่รู้ในอริยสัจ ๔


ความคิดเห็น 10    โดย orawan.c  วันที่ 23 ธ.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย ปุจฉา  วันที่ 23 ธ.ค. 2550

ถ้าอย่างนั้น ขอเรียนถามคุณ แล้วเจอกัน

เราพอจะสรุปความเข้าใจโดยย่ออย่างนี้ได้ไหมครับว่า อวิชชา เป็นมูลเหตุให้เกิดโลภะ พอเกิดโลภะ โลภะก็เป็นมูลเหตุให้เกิดโทสะและทุกข์มากมายทั้งปวงตามมาโดยที่มีอวิชชาเป็นเหมือนหลังคา คอยปิดกั้นดวงตาของสัตวโลกให้มืดบอด ไม่ให้รู้ความจริงในสภาพธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริง เราจึงวนเวียนไปในวัฏฏะเพราะมีอวิชชาและโลภะเป็นมูลเหตุ ถูกผิดประการใดขอช่วยแนะด้วย ครับ ไม่ทราบว่า มีพระสูตรไหนที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบอกุศลกับเรือน บ้างไหม

ขอขอบพระคุณครับ


ความคิดเห็น 12    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 23 ธ.ค. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

อวิชชาเป็นรากเหง้าของอกุศลธรรมทั้งปวงตามที่ได้กล่าวมาและพระสูตรที่ได้แสดงข้างต้นครับ และเพราะความไม่รู้ความจริงในอริยสัจ ๔ นั่นคืออวิชชาที่ไม่รู้ในอริยสัจ ๔ (ความเห็นที่ 9) สัตว์ทั้งหลายจึงท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากสังสารวัฏได้เลยครับ ส่วนข้อความในพระไตรปิฎก ที่แสดงว่า อวิชชาเป็นเรือนยอด ลองอ่านดูนะ

เชิญคลิกอ่าน...

กลอนของเรือนยอด [กูฏาคารสูตร]

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 13    โดย wannee.s  วันที่ 23 ธ.ค. 2550
ขออนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 14    โดย pornpaon  วันที่ 23 ธ.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 15    โดย chatchai.k  วันที่ 30 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 16    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 25 มี.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ