ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส ... นันทมาณวกปัญหานิทเทส ข้อ ๓๑๗ มีข้อความเรื่องการพิจารณาตัณหา
คำว่า ตัณหา ได้แก่ รูปตัณหา สัททตัณหา คันธตัณหา รสตัณหา โผฏฐัพพตัณหา ธัมมตัณหา
คือ ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
ข้อความต่อไปมีว่า
คำว่า กำหนดรู้แล้ว ความว่า กำหนดรู้แล้วซึ่งตัณหาด้วยปริญญา ๓ คือ ญาตปริญญา ตีรณปริญญา ปหานปริญญา
จะเห็นความสมบูรณ์ของญาณที่เกิดจากการเจริญสติ ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 126
ข้อความต่อไปอธิบายว่า
ญาตปริญญาเป็นไฉน นรชนย่อมรู้ชัด คือ ย่อมรู้ ย่อมเห็นตัณหาว่า นี้รูปตัณหา นี้สัททตัณหา นี้คันธตัณหา นี้รสตัณหา นี้โผฏฐัพพตัณหา นี้ธัมมตัณหา นี้ชื่อว่า ญาตปริญญา
ถ้าไม่เจริญสติจะรู้ถึงอย่างนี้ไหม ทางตาเป็นรูปตัณหา ทางหูเป็นสัททตัณหา ทางจมูกเป็นคันธตัณหา ทางลิ้นเป็นรสตัณหา ทางกายเป็นโผฏฐัพพตัณหา ทางใจในขณะที่มีความต้องการ พอใจ จดจ้อง ยินดีเกิดขึ้นก็เป็นธัมมตัณหา ถ้าไม่เจริญสติในขณะนั้น จะไม่รู้สภาพลักษณะของตัณหาที่มีอยู่ในขณะนั้นเลย
เสียงก็ไม่น่าวิจิตรมากถึงอย่างนี้ มนุษย์ในโลกมีเท่าไรเสียงก็มีเท่านั้น ความวิจิตรของสัททะ จำได้ทันทีว่าเป็นใครเวลาที่ได้ยินเสียง เพราะฉะนั้น สัททตัณหานี้จะเป็นอย่างไร เสียงนั้นชอบ เสียงนี้ก็พอใจ เสียงดนตรีตั้งกี่ชนิด วิจิตรไปต่างๆ ตัณหาก็แผ่ซ่านไปหมดทั้งรูปตัณหา สีสันวรรณะต่างๆ ในสีทั้งหลายก็ชอบ สีของวัตถุสิ่งนั้น สีของวัตถุสิ่งนี้
ทางหู สัททะก็วิจิตรไปมากมายตามเสียงของบุคคลในโลก ตามเสียงของเครื่องดนตรี ตามเสียงนานาชนิด ตัณหาก็ซ่านไปในสัททะทั้งหลายอีก
กลิ่นก็แสนวิจิตร รสก็วิจิตร กายก็วิจิตร ผู้เจริญสติทราบได้ถึงลักษณะของตัณหา แต่ที่จะรู้ชัดได้นั้นก็เป็นญาตปริญญา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 126
ข้อความต่อไปมีว่า
ตีรณปริญญา เป็นไฉน
เมื่อรู้ลักษณะของตัณหาหรือโลภะ แค่นั้นไม่บรรลุอริยสัจธรรม ต้องพิจารณาอีกมากทีเดียว ซึ่งการพิจารณานั้นกว่าจะทำให้ละคลาย และประจักษ์การเกิดดับได้ เพราะเหตุว่าตีรณปริญญานั้น ได้แก่ อุทยัพพยญาณ
ข้อความอธิบายว่า
ตีรณปริญญาเป็นไฉน นรชนทำตัณหาที่ตนรู้อย่างนี้แล้ว ย่อมพิจารณาตัณหา คือ พิจารณาโดยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นฝี แล้วก็นานาประการที่จะพิจารณาเห็นโทษ โดยความไม่ให้สลัดออก นี้ชื่อว่า ตีรณปริญญา
เหนียวแน่นสักแค่ไหนกว่าที่ละคลายแล้วก็จะประจักษ์ความเกิดดับ ความไม่เที่ยงของสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ พระผู้มีพระภาคจึงได้ทรงแสดงถึงขั้นต่างๆ ของปริญญาต่างๆ ว่า ถึงแม้จะมีญาตปริญญาที่รู้ลักษณะของนามของรูปแล้ว ก็ยังไม่พอ ยังจะต้องพิจารณาอีกเรื่อยไป บ่อยๆ เนืองๆ เพื่อการรู้ชัดขึ้น ละคลายมากขึ้น เป็นตีรณปริญญา และไม่ใช่จบอยู่เพียงแค่นั้น ถึงแม้จะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปแล้ว กิเลสก็มีกำลังมากที่จะต้องอาศัยปัญญาที่คมกล้าจริงๆ จึงจะละได้เป็นสมุจเฉท ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 126
ข้อความต่อไปเป็นเรื่องของปหานปริญญา ซึ่งถึงแม้ว่าจะประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปแล้ว ก็ยังจะต้องมีปัญญาที่รู้ชัดขึ้นอีก
ปหานปริญญาเป็นไฉน นรชนพิจารณาอย่างนี้แล้ว ละ บรรเทา ทำให้สิ้นสุด ให้ถึงความไม่มีซึ่งตัณหา สมจริงตามพระพุทธพจน์ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ฉันทราคะในตัณหาใด ท่านทั้งหลายจงละฉันทราคะนั้นเสีย เมื่อเป็นอย่างนี้ ตัณหานั้นจักเป็นของอันท่านทั้งหลายละแล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำไม่ให้มีที่ตั้งดังตาลยอดด้วน ถึงความไม่มี มีความไม่เกิดขึ้นต่อไป เป็นธรรมดาดังนี้ นี้ชื่อว่า ปหานปริญญา
กำหนดรู้แล้วซึ่งตัณหาด้วยปริญญา ๓ นี้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า กำหนดรู้ซึ่งตัณหา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 126
ที่จะให้สติไม่รู้นั่นไม่รู้นี่ แล้วก็จะให้รู้แจ้งอริยสัจธรรม ไม่ระลึกรู้โลภมูลจิตเลย อย่างนั้นไม่มีวันถึง ไม่ว่าขณะใดที่สติระลึกรู้กาย ไม่พอ ระลึกรู้รูปอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องระลึกรู้นามด้วยซึ่งแล้วแต่ว่าจะเป็นเวทนา หรือว่าจะเป็นจิต หรือว่าจะเป็นธรรม
การเจริญสติปัฏฐาน ต้องเจริญมากตลอดชีวิต แล้วแต่ว่าจะกี่ชาติสำหรับแต่ละบุคคล ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 126
เปิดฟัง ...
การพิจารณาตัณหา