คำนำ ที่จะนำมาสู่ความเข้าใจลักษณะสภาพธรรมที่มีจริง
โดย เมตตา  9 ต.ค. 2555
หัวข้อหมายเลข 21863

พระธรรมทุกคำที่ได้ยินได้ฟัง ได้ศึกษา เป็นคำนำ ที่จะนำมาสู่ความเข้าใจลักษณะสภาพธรรมที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ความจริง ทรงแสดงแต่คำจริงซึ่งเป็น วจีสัจจะ พระธรรมที่ทรงแสดงเป็นเรื่องของสิ่งที่มีจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ แต่พระธรรมนั้นลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ตามได้โดยเร็ว จึงต้องฟังให้เข้าใจสิ่งที่ได้ฟังโดยไม่คิดเอง ไม่หาวิธีลัดอื่นเพราะนั่นเป็น โลภะ เป็นความต้องการ เป็นอกุศลจิต ซึ่งอกุศลจะรู้ความจริงไม่ได้เลย มีทางเดียวจริงๆ คือความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งเกิดจากการฟัง ศึกษา และพิจารณารอบคอบถึงพระธรรมแต่ละคำ ไม่ใช่จำ เพราะการจำไม่สามารถนำไปสู่ความจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ได้

พระไตรปิฎกก็แสดงถึงสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ คำต่างๆ ในพระไตรปิฎกก็คือ คำนำ ซึ่งจะนำไปสู่การเข้าใจลักษณะที่แท้จริงของสภาพธรรมต่างๆ ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้โดยละเอียด สามารถพิสูจน์จนรู้ความจริง จนประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรม ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น ไม่ใช่ว่าอยากหมดกิเลส อยากถึงนิพพาน จะหมดกิเลสได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่รู้จัก

สะสมความเข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ ซึ่งยากที่จะเข้าใจ ค่อยๆ ฟังให้เข้าใจ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องทำ เพียงเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ เป็นของจริง มีลักษณะจริงๆ ค่อยๆ พิจารณาไตร่ตรอง อบรมจากที่ไม่เข้าใจ ก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้น อบรมให้มีขึ้น เข้าใจขึ้น

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 9 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำนำ คือ การอธิบายเบื้องต้น ให้นำไปสู่บทเนื้อหาเพื่อให้เข้าใจในจุดประสงค์ และเนื้อหาของเรื่องนั้น

ส่วน คำนำในพระพุทธศาสนา ก็คือ ความเข้าใจธรรมที่เป็นเบื้องต้นที่ถูกต้อง ย่อมเป็นคำนำ เพื่อที่จะนำไปสู่ความเข้าใจ ปัญญา และความรู้ถูกต้องมากขึ้น อันเป็นไปเพื่อนำไปสู่เนื้อหา สาระสำคัญของเรื่อง คือ การละคลายกิเลส และ ความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ปัญญา จนถึงการบรรลุธรรม อันเป็นแก่น สาระสำคัญที่สุดของเนื้อหาในเรื่องนั้น

เมื่อได้ศึกษาพระธรรมส่วนใด อาศัย คำนำที่ได้มีความเข้าใจ คือ เข้าใจว่ามีแต่เพียงสภาพธรรม ไม่มีเรา ไม่มีสัตว์ บุคคล และธรรมก็คือสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ การรู้ความจริงก็คือขณะนี้ และ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา การเข้าใจเบื้องต้นอย่างนี้ ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ การศึกษาเนื้อหาและพระธรรมในส่วนอื่นๆ ในพระไตรปิฎก หรือการฟังพระธรรมจากใคร ย่อมน้อมไปสู่เนื้อหาที่ถูกต้อง คือ เป็นไปเพื่อรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ ไม่ใช่เรื่องการจำชื่อ เรื่องราว หรือเป็นไปเพื่อจุดประสงค์อย่างอื่น นอกจาการละคลายกิเลส และอบรมปัญญาของตนเอง อันเกิดจาก เริ่มจากคำนำที่ถูกต้อง นั่นเองครับ

ขออนุโมทนา พี่เมตตา ที่ได้นำ สาระดีๆ โดยเฉพาะ คำนำ เพื่อประโยชน์ให้สหายธรรม ได้เข้าใจถูกต้อง ครับ

ขออนุโมทนา มา ณ ที่นี้ ครับ


ความคิดเห็น 2    โดย เข้าใจ  วันที่ 9 ต.ค. 2555

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลธรรมครับ


ความคิดเห็น 3    โดย ผู้ร่วมเดินทาง  วันที่ 9 ต.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตา อาจารย์ผเดิม และทุกๆ ท่านครับ


ความคิดเห็น 4    โดย khampan.a  วันที่ 9 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมทุกคำที่ได้ยินได้ฟัง ได้ศึกษา เป็นคำนำ ที่จะนำมาสู่ความเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง คือ รู้จักตัวจริงของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้

อ้างอิงจาก ... ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๙

ถ้าไม่มีการอุบัติขึ้นของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว สัตว์โลกก็ไม่สามารถที่จะได้ยินได้ฟังพระธรรม ที่แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรม ก็ยังถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดคืออวิชชาอย่างไม่มีวันจบสิ้น แต่เมื่อพระองค์เสด็จอุบัติขึ้นในโลกทรงตรัสรู้สภาพธรรมทั้งปวงตามความเป็นจริงแล้ว ทรงแสดงความจริงให้ผู้อื่นได้รู้ตาม ผู้ที่สะสมเหตุที่ดีมา เห็นประโยชน์ของพระธรรม ย่อมได้ฟัง และได้รับประโยชน์จากพระธรรม ตามกำลังปัญญาของแต่ละบุคคล

พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงนั้น ตลอด ๔๕ พรรษา นับคำไม่ถ้วน ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการอบรมเจริญปัญญาโดยตลอด ที่ทำให้เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนี้

ในยุคนี้สมัยนี้ ยังเป็นช่วงที่พระธรรมคำสอนของพระองค์ยังดำรงอยู่ ก็เป็นโอกาสที่บุคคลผู้ที่เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง จะได้ฟัง ได้ศึกษา ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ ครับ

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา และทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 5    โดย wannee.s  วันที่ 9 ต.ค. 2555

การอ่านพระไตรปิฎก หรือ การฟัง การศึกษา ถ้าเข้าใจก็จะค่อยๆ นำไปสู่ความเห็นถูกในสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เช่น เห็น ไม่ใช่ได้ยิน ไม่ใช่ได้กลิ่น และ ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ ก็จะเข้าถึงธรรมะที่มีจริงในขณะนี้ ค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย เมตตา  วันที่ 10 ต.ค. 2555

ประโยชน์ของการศึกษา พระไตรปิฎก_พระวินัย ซึ่งเป็นคำนำ นำไปสู่การทำให้เห็นความละเอียดของจิตของแต่ละบุคคล ที่สะสมอัธยาศัย สะสมการอบรมเจริญปัญญาในเพศที่ต่างกัน เพศบรรพชิตสะสมอัธยาศัยที่จะสละอาคารบ้านเรือน เห็นโทษของการอยู่ครองเรือน เพื่อที่จะประพฤติพรพมจรรย์ อบรมเจริญปัญญาเพื่อดับกิเลส จนถึงความเป็นพระอรหันต์ แต่ละท่านที่จะละกิเลสได้ก็ต่อเมื่อได้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ไม่เช่นนั้นก็จะละกิเลสไม่ได้ .

..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ...


ความคิดเห็น 7    โดย bsomsuda  วันที่ 12 ต.ค. 2555

"แต่ละท่านที่จะละกิเลสได้ ก็ต่อเมื่อได้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ไม่เช่นนั้นก็จะละกิเลสไม่ได้"

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา และทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย chatchai.k  วันที่ 8 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย chatchai.k  วันที่ 23 มิ.ย. 2564

ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม...

พระไตรปิฎก ๙๑ เล่ม

การค้นหาข้อมูลจากพระไตรปิฎก