
[เล่มที่ 18] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 326 - 327
ทรงพยากรณ์ปัญหา ๑๕ ข้อ
[๒๙๑] ผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ดูก่อนภิกษุ คําว่า จอมปลวกนั่นเป็นชื่อของกายนี้ อันประกอบด้วยมหาภูตรูปทั้ง ๔ ซึ่งมีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เจริญด้วยข้าวสุก และขนมกุมมาส ไม่เที่ยง ต้องอบรม ต้องนวดฟั้น มีอันทําลายและกระจัดกระจายไปเป็นธรรมดา. ปัญหาข้อว่าอย่างไรชื่อว่าพ่นควันในกลางคืนนั้น ดูก่อนภิกษุ ได้แ ก่การที่บุคคลขมักเขม้นการงานในกลางวัน แล้วตรึกถึง ตรองถึงในกลางคืน นี้ชื่อว่าพ่นควันในกลางคืน . ปัญหาข้อว่าอย่างไรชื่อว่าลุกโพลงในกลางวันนั้น ดูก่อนภิกษุได้แก่การที่บุคคลตรึกถึง ตรองถึง (การงาน) ในกลางคืน แล้วย่อมประกอบการงานในกลางวันด้วยกาย ด้วยวาจา นี้ชื่อว่าลุกโพลงในกลางวัน.
อ.กุลวิไล: ยิ่งฟังท่านอาจารย์กล่าวก็ยิ่งเห็นตามความเป็นจริงค่ะ ท่านอาจารย์ เพราะว่า อวิชชามีมากปกปิดความจริงทุกอย่าง ปัญญาเท่านั้นรู้สิ่งที่เกิดแล้วเดี๋ยวนี้ ซึ่งท่านอาจารย์ก็กล่าวถึงความเป็นจริงของธรรมะนั่นเอง แต่ปัญญาระดับนั้นก็ต้องเป็นขั้นที่ประจักษ์แจ้งความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริง ก็เห็นถึงความห่างไกลจากความเป็นจริงนะท่านอาจารย์ เพราะว่าสังขารธรรม ก็เป็นสภาพธรรมะที่เกิดเพราะปัจจัยปรุงแต่ง ทำให้เกิดแล้วจึงดับ แต่ก็เพราะอวิชชา ธรรมะก็ไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง
ท่านอาจารย์ให้เข้าใจถึงความลึกซึ้งของธรรมะ
ท่านอาจารย์: รู้อย่างนี้ก็ไม่ไปทำอะไร แต่ฟังทุกคำที่ได้ยินเพิ่มขึ้นด้วยความเคารพสูงสุดในความลึกซึ้ง นั่นคือหนทางละ หนทางเดียว
อ.กุลวิไล: ก็เป็นความจริงแท้ค่ะ เป็นธรรมะทั้งหมด ทำให้เห็นถึงข้อที่ อ.อรรณพ นำมาสนทนาว่า ปัญญารู้ในความมืดค่ะ และก็ต้องเป็นจริงอย่างนั้น มากด้วยอวิชชาค่ะ
ท่านอาจารย์: จนกว่าความจริงนั้นจะปรากฏ และก็ปรากฏกับปัญญาด้วย ไม่ใช่ปรากฏเดี๋ยวนี้ตามปกติแต่ไม่เข้าใจอะไรเลย
อ.กุลวิไล: ทำอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นสังขารธรรมค่ะ
ท่านอาจารย์: ก็ต้องอดทน บำเพ็ญบารมีทุกประการ เพื่อที่ไม่ให้โอกาสแก่อกุศลกลุ้มรุมเกิดขึ้นเป็นขึ้นมากมายมหาศาล
อ.กุลวิไล: ชีวิตก็ยาวนานมาก หนทางก็อีกแสนไกล แต่ก็ยังโชคดีที่ได้ยินได้ฟังพระธรรมนั่นเองค่ะ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ขันติบารมีต้องมากแค่ไหน เห็นไหม? อดทนที่จะไม่ไปทำสิ่งอะไรที่จะคิดว่า เป็นหนทางจะรู้ความจริง นั่นคือทำ ไม่ใช่เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ
อ.กุลวิไล: กราบเท้าขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ
อ.อรรณพ: ท่านอาจารย์ก็กล่าวคำเป็นประโยชน์ แล้วก็เป็นจริง แล้วก็ไพเราะ แล้วก็สมควรที่จะเข้าใจ ทรงจำ เก็บไว้ในหทัยครับ ท่านอาจารย์กล่าวสักครู่ก็เกื้อกูลเป็นคำธรรมดาว่า เพื่ออะไรที่มาศึกษาพระธรรมทั้งหลาย เพื่ออกุศลไม่กลุ้มรุม เพื่ออกุศลไม่กลุ้มรุมแล้วก็เห็นว่า วันๆ ถูกเผาด้วยอกุศลนี้ตลอด ลุกโพลงในกลางวัน พ่นควันในกลางคืน นี่ก็เป็นข้อความใน วัมมิกสูตร ส่วนหนึ่ง ลุกโพลงในกลางวัน พ่นควันในกลางคืนเพราะความไม่รู้นี่แหละ เป็นรากฐานให้เกิดความวิตกกังวลเรื่องโน้นเรื่องนี้ เรื่องบ้านเมือง เรื่องสุขภาพ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องอะไร เรื่องตัวเองทั้งนั้นเลยครับ ได้ฟังว่า เป็นธรรมะที่ไม่ใช่เรา ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจเลยทีเดียว แต่ว่าถ้าไม่ได้ยินเสียเลยก็ไม่มีทางครับ เห็นประโยชน์ครับท่านอาจารย์
ขอเชิญอ่านเพิ่มได้ที่ ..
จิต เจตสิก รูป เป็นสังขารธรม เป็นสังขตธรรม
ชื่อว่าลุกโพลงในกลางวัน [วัมมิกสูตร]
ขอเชิญรับฟังได้ที่ ..
สังขารธรรม - สังขตธรรม สองคำสองความหมาย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ อ.กุลวิไล ด้วยความเคารพค่ะ
จนกว่าความจริงนั้นจะปรากฏ และก็ปรากฏกับปัญญาด้วย ไม่ใช่ปรากฏเดี๋ยวนี้ตามปกติ แต่ไม่เข้าใจอะไรเลย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ