ลำดับการละความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน
โดย sacca  12 มิ.ย. 2563
หัวข้อหมายเลข 31937

กราบเรียนอาจารย์คำปั่นในเวบไซต์บ้านธัมมะและกราบเรียนท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ

กราบขอรายละเอียดเรื่องลำดับการละความเห็นผิดว่าเป็นตัวตนทีค่ะ

เหตุจากเมื่อวันก่อนดิฉันได้สนทนากับสหายธรรมที่ฟังธรรมจากท่านอาจารย์เช่นกัน ในหัวข้อที่จะไปช่วยเหลือคนที่กำลังประสบภัยต่างๆ แต่เขามักจะทักขึ้นมาบ่อยๆ ว่า "เพราะเป็นตัวตนจึงต้องช่วยเหลือ"

ดิฉันมีความเห็นว่า การพยายามจะทำกิจที่ควรทำใดๆ ในโลกเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ในฐานะที่ควรช่วยให้เขาพ้นจากความหิวโหยหรือความเจ็บปวด แม้ว่าเราจะยังประกอบด้วยตัวตนคือตัณหา มานะ ทิฏฐิกันอยู่ แต่ขณะใดที่เห็นว่าควรช่วย ขณะนั้นต้องมาจากปัญญา ที่เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสอกุศลอันหนาแน่นของเราผู้เป็นปุถุชน แต่จะไปตัดสินว่าการช่วยเหลือนั้นเป็นกิจของตัวตนด้วยตัณหา มานะ ทิฏฐิไปทั้งหมด ก็คงไม่ได้ เพราะขณะที่กุศลเกิด จะเกิดกับตัณหา มานะ ทิฏฐิ ไม่ได้

แต่เขาเห็นว่า ถ้ามีอกุศลเกิดแทรกคั่นในขณะกำลังช่วยเหลือใคร (ซึ่งอยู่ในสภาพไม่สวยไม่งาม) แปลว่าเป็นตัวตนไปช่วยเหลือเพราะมีอกุศลเกิด เขาก็เลยไม่ช่วย โดยอธิบายว่า ใครจะเดือดร้อนก็เป็นอนัตตา ปล่อยไปตามเหตุปัจจัย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่าไปเป็นตัวตนจัดการช่วยเหลือใครให้อกุศลเกิด

ดิฉันเห็นว่า เขาควรเข้าใจรายละเอียดของลำดับขั้นมากกว่านี้ จึงอยากกราบเรียนขอรายละเอียดจากทางอาจารย์คำปั่นในเวบไซต์บ้านธัมมะและท่านอาจารย์สุจินต์ ขอได้โปรดช่วยจำแนกแจกแจงรายละเอียดตามลำดับขั้นเพื่อให้เกิดการพิจารณาธรรมโดยไม่สับสนในเรื่องของลำดับการละความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน เพื่อความเข้าใจพระธรรมโดยละเอียดค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 12 มิ.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ใช่เรา กล่าวคือสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมนั่นเอง ซึ่งจะต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญา ด้วยการฟังธรรมสะสมความเข้าใจในสภาพธรรมที่มีจริง ย่อมเป็นประโยชน์ตั้งแต่ขั้นของการฟัง ว่า ธรรม มีจริงๆ เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน แม้แต่ขณะที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ซึ่งก็คือ สภาพธรรมนั่นเอง ที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ แต่เพราะไม่รู้ ไม่เข้าใจในความเป็นจริงของธรรม ก็ยังเป็นเราที่ทำดี เป็นเราที่ช่วยเหลือ กว่าจะเข้าใจจนสามารถละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้ ก็ต้องมีความเข้าใจอย่างมั่นคง ซึ่งจะขาดรากฐานที่สำคัญคือ ฟังพระธรรม ไม่ได้เลย
การศึกษาธรรม เป็นการศึกษาถึงสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เนื่องจากคุ้นเคยกับความเป็นตัวตน คุ้นเคยกับความเป็นเรา พร้อมทั้งได้สะสมความไม่รู้มาอย่างเนิ่นนาน จึงหลงยึดถือสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าเป็นต้วตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นเรา ดังนั้น ธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น จึงควรที่จะศึกษา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริง ซึ่งจะเป็นไปเพื่อละคลายความไม่รู้ ละความเห็นผิดในสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้ในที่สุด โดยเริ่มต้นสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกตั้งแต่ในขณะนี้ ไม่ใช่การไปทำอะไรที่ผิดปกติด้วยความหวังความต้องการ ด้วยความที่อยากจะละความเป็นตัวตนเร็วๆ ซึ่งนั่น ก็เป็นไปด้วยอำนาจของโลภะ แล้ว ทางที่จะทำให้หลง นั้น มีมากทีเดียว จึงต้องมีความมั่นคงในหนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา เพราะเมื่อไม่ขาดการฟังการศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวันแล้ว ความเข้าใจถูกเห็นถูกก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 2    โดย ประสาน  วันที่ 12 มิ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 14 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย ก.ไก่  วันที่ 20 ก.ย. 2563

สาธุ