
อ.อรรณพ: กราบท่านอาจารย์ได้โปรดแสดง สมัย ของความเข้าใจถูกความเห็นถูก ครับ
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้กำลังเข้าใจถูกหรือเปล่า?
อ.อรรณพ: กำลังเข้าใจถูกในขั้นการฟังครับ
ท่านอาจารย์: นั่นคือ สมัยของการเข้าใจถูกในขั้นการฟัง เป๊ะ!! ไม่เป็นอย่างอื่น
อ.อรรณพ: เป๊ะ!! เลยนะครับ สมัยของปัญญาในระดับต่างๆ กันเป็นอย่างไร ท่านอาจารย์โปรดอธิบายครับ
ท่านอาจารย์: เคยได้ยินคำว่า สมัยบ่อยๆ วันนี้เข้าใจคำว่า สมัย ขึ้นไหม?
อ.อรรณพ: เข้าใจขึ้นครับ
ท่านอาจารย์: ตรงตามคำถามไหม?
อ.อรรณพ: ตรงตามคำถามว่า ได้ฟังได้สนทนาเรื่อง สมยะ ตั้งแต่เมื่อวานครับ และโดยเฉพาะเมื่อเช้า และตอนนี้ที่ท่านอาจารย์ได้สนทนากับคณะอาจารย์ ก็รู้สึกว่า เป็นคำที่เราจะข้ามไปไม่ได้เลยในแต่ละคำ แม้คำว่า สมยะ ก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้นครับว่า เป็นความเป็นไปของสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏในขณะนี้ คือความเป็นไปครับ
สมัย ก็เป็นเหตุ ก็ต้องมีเหตุที่ให้สภาพธรรมะเกิด ก็แสดงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไป เกิดขึ้นก็ต้องอาศัยเหตุที่จะเกิดขึ้นเป็นไป แล้วก็เหตุที่เป็นเหตุสำคัญ ก็คือ ความติดข้อง และความไม่รู้ สมุทยะ ครับ ความติดข้องรวมทั้งความไม่รู้ก็เป็นเหตุจริงๆ ที่ทำให้เป็นไป แล้วท่านยังแสดงว่า สมยะ นี่ครับ ก็คิอสมัยของทิฏฐิ เพราะฉะนั้น นอกจากโลภะ นอกจากอวิชชา ซึ่งเป็นตัวเหตุที่กว้างขวางมากที่ทำให้มีความเป็นไปที่เห็นอยู่ขณะนี้ ก็เพราะความอยากเกิดอยากเห็น เพราะมีความไม่รู้ก็ต้องมาเห็นอย่างนี้ครับ แล้วถ้าต่อไปยิ่งมีความเห็นผิดเป็นไปอีก ก็ยิ่งจะเป็นเหตุให้เป็นไปอย่างนี้ครับ
นี่ผมได้ฟังท่านอาจารย์สนทนากับ อ.ณภัทรมา ขณะนี้ก็มีความค่อยๆ เข้าใจขึ้น ก็กราบท่านอาจารย์ท่านได้เกื้อกูลตรงว่า ขณะนี้ก็เป็นสมัยของปัญญาในขั้นฟังขั้นไตร่ตรอง ถ้าไม่ได้ล่วงสมัยล่วงขณะไป ก็เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ครับ ท่านอาจารย์จะได้ขยายความเพื่อประโยชน์ของการฟังพวกเราเพิ่มเติมอย่างไร ก็กราบเท้าท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้เป็นสมัยของอะไร?
อ.อรรณพ: ในขณะที่คิด ก็เป็นสมัยของคิดครับ
ท่านอาจารย์: เห็นไหม รู้จักคิดแล้วยัง?
อ.อรรณพ: ขณะที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ สมัย ขณะของปัญญาที่จะรู้ตรงธาตุคิดในขณะนี้ เพราะกำลังคิดถึงเรื่องที่ได้ฟัง
ท่านอาจารย์: ก็เป็น สมัยของการไตร่ตรอง ถูกไหม?
อ.อรรณพ: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: ไม่ว่าอะไร มีเมื่อไหร่ นั่นแหละ เป็นสมัยของสิ่งนั้นที่กำลังมี
อ.อรรณพ: จากสมัยของการฟังจากสมัยของการไตร่ตรองที่จะสู่สมัยของการทันต่อความจริงที่กำลังปรากฏเป็นความละเอียด ความยาวไกลช้านานอย่างไรครับ
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่เกิดหรือเปล่า?
อ.อรรณพ: สิ่งที่มีต้องเกิดครับ ไม่เกิดก็ไม่มีครับ
ท่านอาจารย์: เกิดแล้วดับไหม?
อ.อรรณพ: เกิดแล้วต้องดับ เพราะว่าต้องมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นครับ
ท่านอาจารย์: จะถึงสมัยที่ประจักษ์แจ้งเมื่อไหร่?
อ.อรรณพ: กว่าจะถึงสมัย.. ท่านอาจารย์พูดเหมือนรู้สภาพความคิดความเข้าใจของพวกเราว่า ยังไม่ถึงสมัยของการที่ประจักษ์แจ้งความเกิดขึ้น และดับไปของสภาพธรรมะขณะนี้ ก็เป็นสมัยของการฟังความจริงบ้างไตร่ตรองบ้าง หรือรู้สิ่งที่ปรากฏเล็กๆ น้อยๆ ที่จะเป็นสมัยของการประจักษ์แจ้งการเกิดดับยังไม่ถึงสมัยนั้นครับ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ แม้คำว่า สมยะ ก็มีประโยชน์ที่ อ.ณภัทร ยกข้อความมาเป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ไม่รู้จักสมัย ใช่ไหม?
อ.อรรณพ: เดี๋ยวนี้ยังไม่รู้จักจริงๆ ในสมัยครับ
ท่านอาจารย์: แต่รู้ว่า สมัยคืออะไรใช่ไหม?
อ.อรรณพ: แต่ฟังเข้าใจว่าสมัยคืออะไรครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น แต่ละขณะเป็นสมัยของสิ่งที่มีในแต่ละขณะนั้น
อ.อรรณพ: ใช่ครับ ขณะนี้ก็เป็นสมัยไตร่ตรองละเอียดขึ้นอีกนิดหนึ่งครับเมื่อท่านอาจารย์ได้กล่าว
ท่านอาจารย์: สมัยของการได้ยิน สมัยของคิด สมัยของการค่อยๆ เข้าใจขึ้น ทุกขณะที่มีจริงในแต่ละ ๑ ขณะเป็นสมัยของสิ่งที่มีจริงขณะนั้น
อ.อรรณพ: ไพเราะ และเป็นความจริง สมัยที่ได้ยิน สมัยที่คิด แลัสมัยที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้น แม้ในขณะนี้ก็เป็นสมัยของการไตร่ตรอง สมัยของการกล่าวคำสนทนากับท่านอาจารย์ ก็เป็นสมัย สมัยๆ อย่างละเอียดที่สุด เป็นความเป็นไป ผมชอบคำนี้มากที่ อ.คำปั่น ได้แปลว่า สมยะ ก็คือเป็นความเป็นไป ซึ่งเป็นไปต้องเป็นไปตามเหตุที่ อ.ณภัทร กล่าว และเหตุที่ลึกที่เป็นไป ก็คือความไม่รู้ และความติดข้อง และยิ่งมีความเห็นผิด ก็ยิ่งจะต้องอยู่ในสมัยของความเห็นผิดไปเรื่อยๆ แล้วก็ไม่รู้ความจริงไป
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ
แต่ละขณะเป็นสมัยของสิ่งที่มีในแต่ละขณะนั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ