ตอบตามความเป็นจริงด้วยความเข้าใจ
โดย เมตตา  29 ต.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 51302

[เล่มที่ 1] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 740

พระสัทธรรม ๓ อย่าง

ข้อว่า สทฺธมฺมฏฐิติยา มีความว่า สัทธรรมมี ๓ อย่าง คือ

ปริยัติสัทธรรม ๑

ปฏิปัตติสัทธรรม ๑

อธิคมสัทธรรม ๑

บรรดาสัทธรรม ๓ อย่างนั้น

ที่ชื่อว่า ปริยัติสัทธรรม ได้แก่ พุทธพจน์แม้ทั้งสิ้นรวมด้วยพระไตรปิฎก

ที่ชื่อว่า ปฏิปัตติสัทธรรม ได้แก่ ธรรมนี้คือธุดงคคุณ ๑๓ ขันธกวัตร ๑๔ มหาวัตร ๘๒ ศีล สมาธิ และวิปัสสนา

ที่ชื่อว่า อธิคมสัทธรรม ได้แก่ ธรรมนี้คือ อริยมรรค ๔ สามัญผล ๔ นิพพาน ๑.


อ.อรรณพ: จะเป็นปริยัติ หรือไม่เป็นปริยัติก็ตรงนี้ครับที่ท่านอาจารย์ถามว่า ตอบตามที่จำ ตอบเพราะจำ ก็คือตอบตามที่จำ และพูดตาม ซึ่งก็ถูกนะครับโดยคำพูดคำอะไร ก็เป็นคำจริงที่ฟังมา แต่จำแล้วก็พูดตาม กับตอบที่ท่านอาจารย์ว่า ตอบตามความเป็นจริงด้วยความเข้าใจ จะกราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่า ท่านอาจารย์มุ่งถึงตอบตามความเป็นจริงด้วยความเข้าใจระดับไหน เช่นถ้าสมมตท่านอาจารย์ถามผมว่า ขณะนี้มีเห็นไหม? ผมก็กล่าวว่า มี เอาชัดๆ เลย ไม่ยืดเยื้อ ท่านอาจารย์ถามว่า เห็นเกิดไหม? ดับไหม? ผมก็ตอบได้ตอบว่า เห็นเกิดแล้วดับ แต่เราก็ไม่ได้มีปัญญาที่ประจักษ์ชัดในความเกิดขึ้น และดับไปของเห็นครับอย่างนี้ครับ ท่านอาจารย์มุ่งถึงระดับไหนครับว่า ตอบตามความเป็นจริงด้วยความเข้าใจ ครับ

ท่านอาจารย์: ตอบอย่างไรก็ตามแต่นะ ยังไม่รู้จักเห็นใช่ไหม?

อ.อรรณพ: ครับ แต่ว่าคำถามของผม ก็คือว่าตอบด้วยความจำ และก็พูดตาม กับตอบด้วย ...

ท่านอาจารย์: ตอบไป จำไป พูดตามไป แต่ไม่รู้จักเห็น

อ.อรรณพ: นี่ครับ ท่านอาจารย์พูดถึง ก็กราบเรียนถาม ท่านอาจารย์บอกว่า ไม่รู้จักเห็นนี่ครับหมายถึงไม่รู้จักเห็นในระดับไหน ในระดับปริยัติ หรือระดับปฏิปัตติ หรือปฏิเวธะครับ

ท่านอาจารย์: ถ้ารู้จักเห็น ไม่สงสัยในปฏิปัตติใช่ไหม? เพราะรู้จักเห็น

อ.อรรณพ: ครับ ก็เป็นปฏิปัตติ ท่านอาจารย์ก็กล่าวอย่างนี้บ่อย ก็ต้องสนทนาอีก ผมขออีกประเด็นหนึ่งก็จะเป็นประโยชน์ เพราะเมื่อสักครู่ท่านอาจารย์ก็กล่าวเรื่อง ธาตุรู้ การรู้ในความเป็นธาตุรู้ก็ยากมาก และเมื่อวานที่สนทนากัน เรื่องชีวิต และท่านอาจารย์ก็กล่าวเป็นพื้นฐานซึ่งคนที่เรียกว่า ปริยัติจ๋า อาจจะรู้สึกว่า เหมือนจะไม่ชัดเจนที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า ธาตุรู้ คือชีวิต ชีวิตก็คือธาตุรู้ที่มีอยู่ ถ้าเป็นพวกที่ศึกษาพระอภิธรรมเขาบอกว่า ทำไมไม่พูด ชีวิตินทริยเจตสิก มาเลย ทำไมไม่พูด ชีวิตตรูป มาเลย ทำไมท่านอาจารย์ถึงกล่าวเป็นพื้นๆ พื้นฐานว่า ธาตุรู้นี่แหละ คือชีวิต กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์: รู้จักชีวิตินทริยรูป รู้จักชีวิตินทริยนาม รู้จักจิตอย่างอื่นหมดแล้วหรือ จึงได้คิดถึงชีวิตินทริยเจตสิก หรือชีวิตินทริยรูป รู้จักหมดแล้วหรือ? หรือเพิ่งจะเริ่มได้ยินคำว่า ธรรมะ และความเป็นธาตุ ซึ่งเปลี่ยนไม่ได้ ค่อยๆ มั่นคงในแต่ละสิ่งตามลำดับขั้น เปลี่ยนเสียงให้เป็นหวานไม่ได้ เป็นธาตุชนิดหนึ่งซึ่งได้ยินเกิดขึ้น ได้ยินก็เป็นธาตุอีกชนิดหนึ่งได้ยินเสียง เพราะฉะนั้น เสียงก็ไม่ใช่ธาตุได้ยิน ได้ยินก็ไม่ใช่ธาตุเสียง

แต่ธาตุได้ยิน คืออะไร? ต้องละเอียดลงไปอีก ตอบได้ธาตุได้ยิน ใครก็พูดได้ แล้วเมื่อไหร่จะรู้ว่า เป็นธาตุ?

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เพียงตามคำแต่ต้องเข้าใจความลึกซึ้งอย่างยิ่งของแต่ละคำ จึงมั่นคงว่า เป็นธรรมะที่เปลี่ยนไม่ได้

อ.อรรณพ: ท่านอาจารย์ครับ เหมือนกับการเรียนเรื่องของธรรมะ เช่น เรียนเรื่องชีวิตินทริยรูป เรียนเรื่องชีวิตินทริยเจตสิก เหมือนกับว่าถ้าเราไม่ได้เข้าใจตามลำดับจริงๆ ตั้งแต่ความเป็นธรรมะไป เหมือนกับการเรียนเรื่องราวของธรรมะที่ละเอียดๆ เหล่านี้ เหมือนกับจะบังไม่ให้เราเข้าใจในความเป็นธรรมะที่กำลังมีจริงๆ เหมือนอย่างนั้น แต่เหมือนลวงว่า เรามุ่งไปถึงเรื่องชีวิตที่เป็นชีวิตรูป ชีวิตนามครับ

ท่านอาจารย์: ความลึกซึ้งของธรรมะแม้แต่จะเรียน ก็ต้องรู้ว่า เรียนอะไร? เพื่ออะไร? เรียนเพื่อจำ หรือเรียนเพื่อรู้ความจริง

อ.อรรณพ: เรียนเพื่อรู้ความจริง

ท่านอาจารย์: ต้องเข้าใจแต่ละคำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง เพราะสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้รู้ยากมาก

อ.อรรณพ: ยากจริงๆ ครับ โดยเฉพาะ ธาตุรู้ ที่เป็นคำว่า จิต รู้ยากจริงๆ สิ่งที่กระทบอยู่ปรากฏอยู่ก็ยังไม่ใช่รู้ตรงตามความเป็นจริง สิ่งที่กระทบตาอย่างนี้ แล้วธาตุเห็นนี่ก็ยากจะปรากฏ

ได้กลิ่น รู้ว่าต้องมีการได้กลิ่น แต่ไม่ได้รู้ธาตุที่ได้กลิ่น แต่กลิ่นยังพอที่จะกระทบแล้วปรากฏขึ้น กลิ่นกระทบปั๊บ เหมือนจะต่อเนื่องไปเลย แล้วเกิดความชอบในกลิ่นนั้นทันที กลิ่นอาหาร กลิ่นเป็นกลิ่นยังพอจะปรากฏ ความชอบเลยไปโน่น ความชอบก็พอปรากฏ แต่ธาตุรู้กลิ่นยากที่จะปรากฏครับ

ท่านอาจารย์ครับ ความลึกซึ้งของนามธาตุที่โดยเฉพาะที่เป็นจิต ถามเท่าไหร่ๆ ก็ไม่เพียงพอกับการจะสะสมความเข้าใจไปที่จะเป็นปัจจัยให้รู้ธาตุรู้จริงๆ เหล่านี้ครับ ตอนนี้ก็มีอยู่ไม่มีเว้นว่าง

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น นี่คือปริยัติ ถูกต้องไหม? ถ้าไม่เข้าใจความลึกซึ้ง จะไม่มีทางรู้ว่า ปริยัติคืออะไร เป็นชื่อไปหมด

อ.อรรณพ: ผมก็ซาบซึ้งในพระคุณท่านอาจารย์ที่เกื้อกูลให้เป็นปริยัติ ท่านอาจารย์เกื้อกูลทั้งหมดให้เป็นปริยัติ ตั้งแต่ที่ถาม และ อ.วิชัย ก็ใส่ใจ ทรงจำ มาถามในวันนี้ต่อ ซึ่งผมก็สนทนาเมื่อวานนี้ คุณค่าของชีวิต ว่า ตอบ เพราะพูดตามที่จำมา หรือตอบตามความเป็นจริงด้วยความเข้าใจ

ตอบตามความเป็นจริงด้วยความเข้าใจตั้งแต่ขั้นการฟังด้วยดี ใส่ใจฟัง และไตร่ตรองด้วยดีนั่นแหละ จะเป็นประโยชน์แม้ที่ผมได้กราบเท้าท่านอาจารย์ ก็เป็นการที่สะสมปริยัติ เพิ่มขึ้นๆ จนมั่นคง

ขอเชิญอ่านได้ที่ ..

พระสัทธรรม 3 อย่าง [มหาวิภังค์]

ขอเชิญฟังได้ที่ ..

ชีวิตินทริยเจตสิก

ชีวิตินทริยรูป

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 29 ต.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 2    โดย มังกรทอง  วันที่ 30 ต.ค. 2568

ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา