ชีวิตจริงแต่ละคนกำลังเล่นบทละคร
โดย Guest  22 มี.ค. 2561
หัวข้อหมายเลข 29594

ละคร หนัง จริงๆ คือ สภาพธรรมะทั้งหมดแต่ละขณะซึ่งเกิดดับโดยไม่มีใครรู้ ลวงจริงๆ ว่าเป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด หลง ชอบ พอใจหรือขุ่นเคืองกับสิ่งที่เพียงปรากฏแล้วหมดแล้ว ลองคิดดูว่า ฉลาดไหม ติดข้องในสิ่งที่ไม่มีแล้ว เพียงปรากฏแล้วหมด แต่ก็ไปจำว่ามี เมื่อวานนี้ไปถึงตอนไหน เรื่องอะไรต่อไป มีคนนั้นคนนี้จริงๆ เหมือนเดี๋ยวนี้ไหมคะ เหมือนมีจริง แต่อะไรจริง สิ่งที่ปรากฏทางตาจริง เกิดขึ้นให้เห็นแล้วดับไป แล้วไม่กลับมาอีก

แสดงให้รู้ว่า กว่าจะเข้าใจจริงๆ ว่าอะไรมีจริง อาจหาญ ร่าเริงที่จะเข้าใจถูกต้องไหมว่า นี่คือละคร ไม่ต้องไปดูที่อื่นเลย แต่ไม่ชอบดูละครโรงนี้ เพราะเล่นเอง ไม่ต้องให้ใครเขียนบทให้เลย แต่กรรมที่ได้กระทำแล้วรวมทั้งกุศลและอกุศล ด้วยความไม่รู้ในสิ่งที่มีแต่ละภพแต่ละชาติที่ยึดมั่นว่ามีเรา แม้จะบอกว่าชาติก่อนเกิดเป็นอะไร แล้วชาติโน้นๆ เป็นอะไร แล้วชาติหน้าจะเป็นอะไร ก็ตัวละครทั้งนั้นที่เป็นเราไม่รู้จบ เกิดขึ้นเพราะยังมีกรรมผู้เขียนบทแต่ละบท แต่ละชาติ ชาตินี้ให้เป็นบทไหน เป็นหญิงหรือเป็นชาย แล้วเป็นอย่างไรบ้างในแต่ละขณะของชีวิตที่จะต้องเกิดขึ้นประสบ สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เพลิดเพลินไปกับเรื่องหลอก แล้วเรื่องจริงก็เป็นทุกข์ไปโดยไม่รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วไม่มีใครเลยทั้งสิ้น

เวลาที่เข้าใจความจริง จะต่างกับที่กำลังมัวเมา กำลังมัวเมาเป็นสุขอีกแบบหนึ่ง ด้วยความไม่รู้เลยว่า ไม่ใช่ความจริง หลอกให้หลง หลอกให้เพลิน แต่นี่เป็นความจริงที่ทำให้มีโอกาสที่ยากยิ่งในสังสารวัฏฏ์ ที่จะได้ยินได้ฟัง ได้เข้าใจ เพราะฉะนั้น เวลาที่เข้าใจความจริงยิ่งขึ้น เกิดปีติแน่นอน มีโอกาสได้ฟังสิ่งที่ยากจะได้ฟัง แต่ได้ฟังแล้ว และเข้าใจขึ้นอีกด้วย ในขณะนั้นปีติและสุขในธรรม ขณะที่ปีติและสุขจะต่างกับไปดูหนังดูละครแน่ๆ แล้วถ้ามากขึ้นๆ หนังละครไม่มีความหมายเลย ไม่เหมือนพระธรรมซึ่งขณะใดก็ตามที่ได้เข้าใจ ความปีติต่างกับความปีติอื่น เพราะรู้ความจริง นี่เพียงขั้นฟัง แต่ถ้าขณะใดก็ตามที่กำลังรู้ความจริงเพิ่มขึ้น ตัวจริงๆ ของธรรมะนี้ที่เกิดแล้วดับเดี๋ยวนี้ผ่านไปโดยไม่รู้ แต่ก็มีขณะที่กำลังรู้สัก ๑ ขณะของความจริงที่แม้เกิดดับ แต่ก็เป็นจริง ขณะนั้นสุขและสงบ เพราะเหตุว่าสงบจากการไม่รู้ตัวจริงๆ ของธรรม



ความคิดเห็น 1    โดย มกร  วันที่ 22 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย panasda  วันที่ 23 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย thilda  วันที่ 23 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 23 มี.ค. 2561

สาระของพระธรรมน่าประทับใจยิ่งนัก เตือนให้รู้ว่าวันๆ เอาแต่ดูหนังดูละคร หารู้ไม่่ว่าตนเองนั้นเล่นละครทุกวันตามกรรมที่ทำไปแล้วนั่นเอง


ความคิดเห็น 6    โดย pulit  วันที่ 23 มี.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย peem  วันที่ 25 มี.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย wannee.s  วันที่ 26 มี.ค. 2561
ท่าน อ.สุจินต์..ละคร หนัง จริงๆ คือ สภาพธรรมะทั้งหมดแต่ละขณะซึ่งเกิดดับโดยไม่มีใครรู้ ลวงจริงๆ ว่าเป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด หลง ชอบ พอใจหรือขุ่นเคืองกับสิ่งที่เพียงปรากฏแล้วหมดแล้ว ลองคิดดูว่า ฉลาดไหม ติดข้องในสิ่งที่ไม่มีแล้ว เพียงปรากฏแล้วหมด แต่ก็ไปจำว่ามี เมื่อวานนี้ไปถึงตอนไหน เรื่องอะไรต่อไป มีคนนั้นคนนี้จริงๆ เหมือนเดี๋ยวนี้ไหมคะ เหมือนมีจริง แต่อะไรจริง สิ่งที่ปรากฏทางตาจริง เกิดขึ้นให้เห็นแล้วดับไป แล้วไม่กลับมาอีก อนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็น 9    โดย วิริยะ  วันที่ 3 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย chatchai.k  วันที่ 25 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ