ต้องละความไม่รู้ในสิ่งที่มีที่กำลังปรากฏ
โดย เมตตา  3 เม.ย. 2568
หัวข้อหมายเลข 49670

อ.วิชัย: ท่านอาจารย์ครับ ถ้าตามความเข้าใจ หมายความว่า กิจของปัญญาเป็นสภาพที่ละอกุศล ถ้าเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นรู้ตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น อย่าง เห็น เป็นต้น ปัญญาก็ละความไม่รู้ในสิ่งนั้น รวมถึงละความติดข้องในสิ่งนั้นด้วยหรือเปล่าครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: พูดได้หมดเลยพูดอะไรก็พูดได้ แต่ว่า จริงใจที่จะรู้ว่า ถ้าละ ก็ต้องละความไม่รู้ถูกต้องไหม เพราะไม่รู้ว่า อะไรๆ ๆ เป็นอะไร จะละอะไรทั้งหมด จึงต้องละความไม่รู้ในสิ่งที่มีที่กำลังปรากฏ ถึงจะเป็นไปได้

อ.วิชัย: หมายถึงต้นเหตุ สาเหตุที่แท้จริงเลยนะครับที่ทำให้เกิดอกุศลมากมาย ก็มาจากความไม่รู้นี่เองครับ

ท่านอาจารย์: และถ้ายังมี ความไม่รู้ในสิ่งนั้น จะละได้หรือในทุกสิ่ง เป็นไปไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้น ความลึกซึ้งความละเอียดอยู่ที่การสนทนา เพื่อให้ไม่ลืมความลึกซึ้งของธรรม บูชาคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการเริ่มรู้ว่า สิ่งที่พระองค์ทรงแสดง เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง จึงต้องอาศัยการบำเพ็ญความดีทุกประการ ด้วยความเข้าใจที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้นในสิ่งที่กำลังมี นี่คือหนทางละ

ไม่ว่าจะละอะไรทั้งหมด ไม่ใช่ละขณะอื่น แต่ละขณะเดี๋ยวนี้มีความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ก็ต้องละความไม่รู้เดี๋ยวนี้

อ.วิชัย: ครับ อย่างข้อความใน อุปกสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสกับอุปกะ พระองค์ก็ทรงแสดงอย่างนี้ว่า เราบัญญัติแล้วว่า นี้เป็นอกุศลแล บท พยัญชนะ ธรรมเทศนา ของตถาคตในข้อนั้น หาประมาณมิได้ว่า นี้เป็นอกุศล แม้เพราะเหตุนี้ อนึ่ง เราบัญญัติว่า อกุศลนี้แล ควรละเสีย บท พยัญชนะ ธรรมเทศนาของตถาคตในข้อนั้น หาประมาณมิได้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ อกุศลนี้ควรละเสีย ครับท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์: ไพเราะอย่างยิ่งหรือเปล่า? ไพเราะอย่างยิ่งหรือยัง?

อ.วิชัย: ก็ทราบตามกำลังของปัญญาครับว่า เป็นคำที่จริงที่สุด แล้วอย่างที่ศึกษาก็รู้ว่า ความลึกซึ้งของธรรมเทศนาอย่างที่ท่านอาจารย์ให้ความเข้าใจในเบื้องต้นว่า ไม่รู้อะไร และละอะไร นี่ก็เป็นคำเตือนครับ แต่ก็รู้ว่า พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงเป็นอันมากที่เกี่ยวกับเรื่องของอกุศล อย่างอกุศลที่มีกำลังถึงกับการกระทำทุจริต พระองค์ก็แสดงให้เห็นว่า สิ่งนั้นเป็นโทษ ก็ดูเหมือนกับเป็นการค่อยๆ สะสมไป แล้วก็ค่อยๆ รู้ขึ้น แต่บางครั้งก็ไม่ได้เข้าใจในความเป็นธรรมครับ แต่ก็ยังเป็นเราที่ยังจะมีการเว้นอกุศลอยู่ครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น อกุศล และความเป็นเรานี่ ละได้แน่นอน ถูกต้องไหม?

อ.วิชัย: ถูกต้องครับ

ท่านอาจารย์: มีผู้ที่ละได้แล้ว แต่ว่าหนทางที่จะละ แสนที่จะลึกซึ้งอย่างยิ่ง จริงหรือเปล่า ค่อยๆ เห็นความลึกซึ้งว่า ยังอีกไกลเท่าไหร่ กว่าสามารถที่จะละได้จริงๆ และก็เริ่มต้นอย่างไร และต้องอดทนบำเพ็ญไปอย่างไร จึงสามารถที่จะ ละ อย่างที่เราได้อ่านทุกครั้ง

อ.วิชัย: ที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงว่า จะเริ่มต้นอย่างไร กราบท่านอาจารย์ให้ความเข้าใจตรงนี้ครับ อย่างที่ท่านอาจารย์ถามว่า เดี๋ยวนี้มีอกุศลไหม แล้วก็ไม่รู้อะไร หมายถึงว่า การเริ่มต้นต้องเป็นการรู้ขึ้นใช่ไหมครับที่จะรู้ว่า อกุศลเกิดขึ้นในอะไร แล้วก็อกุศลเป็นโทษอย่างไร ตามที่ทรงแสดงไว้ครับ

ท่านอาจารย์: ทุกครั้งที่ฟัง แม้เดี๋ยวนี้ เมื่อกี้นี้ ปัญญาน้อยนิดใช่ไหม?

อ.วิชัย: น้อยมากครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จึงต้องฟังทีละคำ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจ ความลึกซึ้ง ที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงๆ และก็เดี๋ยวนี้เอง กว่าจะรู้ว่า เป็นเดี๋ยวนี้ที่มีจริง ต้องอาศัยการฟัง และไตร่ตรอง คำ ที่ได้ฟัง ไม่ใช่แค่นี้ จบแล้วมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ จบ ไม่ใช่นะ แต่ความลึกซึ้งของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้นั้นกว่าจะถึงได้ ต้องอาศัยการไตร่ตรองทีละคำในความลึกซึ้งยิ่งลึกลงไป ยิ่งลึกลงไปในคำเดียว

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ