พระโอวาทานุสาสนี...[๗]
โดย พุทธรักษา  1 ต.ค. 2552
หัวข้อหมายเลข 13794

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระผู้มีพระภาคฯ รับสั่งกับพระภิกษุทั้งหลาย ว่า "ดูก่อน ภิกษุทั้งหลายเรา และพวกเธอ เร่ร่อน ท่องเที่ยวไปตลอดกาลนาน อย่างนี้เพราะไม่ได้ "ตรัสรู้" ไม้ได้แทงตลอดอริยสัจจ์ ๔ เพราะไม่เห็นอริยสัจจ์ ๔ ตามความเป็นจริงเรา และเธอทั้งหลาย จึงเร่ร่อนไป ตลอดกาล อันยาวนาน บัดนี้ อริยสัจจ์ ๔ นั้น เรา ตถาคต เห็นแล้วตัณหา อันนำไปสู่ภพเราถอนได้แล้วบัดนี้ ภพใหม่ ไม่มีแล้ว สำหรับเรา"
"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย การพบเห็นอริยบุคคล ก็ดีการอยู่ร่วมกับเหล่าอริยบุคคลทั้งหลาย ก็ดีทำให้เกิดสุขทุกเมื่อ เธอทั้งหลายจงคบหาผู้ที่เป็นปราชญ์ เป็นพหูสูต เป็นอริยบุคคล เป็นสัตบุรุษผู้มีปัญญาดี เพราะการได้อยู่ร่วมกับปราชญ์ก่อให้เกิดสุขเหมือนการสมาคม แห่งหมู่ญาติ อันเป็นที่รัก ย่อมมีแต่ความสุข ฉะนั้น"
"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เธอจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะจงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะอยู่เถิดอย่ามีสิ่งอื่น เป็นสรณะเลย"
"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เธอจงเป็นผู้มีสติ พิจารณากายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และ โทมนัสในโลกเสียได้ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ฯลฯพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ฯลฯพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติกำจัดอภิชฌา และ โทมนัสในโลกเสียได้ ภิกษุ พึงเป็นผู้มีสติอยู่อย่างนี้ ฯลฯนี้ เป็นอนุศาสนีของเรา สำหรับเธอทั้งหลาย"
"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าใด ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั้งพาล และ บัณฑิต ทั้งมั่งมี และ ขัดสน ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า ภาชนะดิน ที่ช่างหม้อปั้น ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ทั้งสุกทั้งดิบ ทุกชนิดมีความแตกทำลายในที่สุด ฉันใดชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ก็ฉันนั้น. วัยของเรา แก่หง่อมแล้ว ชีวิตของเรา เหลือน้อยแล้วเราจักละพวกเธอไป เราได้ทำที่พึ่งแก่ตนแล้วพวกเธอจงไม่ประมาท มีสติ มีศีลด้วยดีเถิดจงเป็นผู้มีความดำริตั้งมั่นด้วยดี จงตามรักษาจิตของตน เถิด"
"ดูก่อน อานนท์ ตถาคต จะชื่อว่า บริษัทบูชา นอบน้อมอยู่ ด้วยสิ่งสักการะประมาณเท่านี้ ก็หามิได้เพราะสิ่งเหล่านี้ คือ อามิสบูชา อานนท์ ส่วนผู้ใด ไม่ว่าเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาที่เป็นผู้ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ประพฤติตามธรรมอยู่ผู้นั้น ชื่อว่า ได้สักการะ เคารพ และ บูชาตถาคตด้วย "ธรรมบูชา" ซึ่งเป็นการบูชา อันยอดเยี่ยม"
"ดูก่อน อานนท์ เธออย่าเศร้าโศกร่ำไรไปเลยสิ่งใดเกิดแล้ว มีปัจจัยปรุงแต่งแล้ว ย่อมมีความดับไป เป็นธรรมดา อานนท์ เธอเป็นอุปัฏฐากตถาคต ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมอันประกอบด้วยเมตตา เป็นประโยชน์เกื้อกูล เป็นความสุขไม่มีสอง หาประมาณมิได้มาช้านาน เธอได้กระทำบุญไว้แล้ว เธอจงประกอบความเพียรเถิดเธอจักป็นผู้ไม่มีอาสวะโดยพลัน"
"ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ธรรมวินัยใด มีอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ย่อมหาได้ในธรรมวินัยนั้น หากสมณะเหล่านั้น ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตามแนวทางอริยมรรคมีองค์ ๘โลกนี้จะไม่ว่างจากพระอรหันต์" "ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย ว่าสังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาเธอทั้งหลาย จงยังความไม่ประมาท ให้ถึงพร้อมเถิด"

พระผู้มีพระภาคฯ ทรงใช้เวลาตลอด ๔๕ พรรษาบำเพ็ญพระพุทธกิจเพื่อโปรดเวไนยสัตว์เหล่านั้นด้วยพระมหากรุณาคุณ ไม่เว้น แม้วันสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพสมดังพระปณิธาน ที่ทรงตั้งไว้ก่อนตรัสรู้ ว่า "เราตรัสรู้แล้ว จักให้ผู้อื่นตรัสรู้ตาม"

ข้อความบางตอนจากหนังสือ "คุยกันวันพุธ" โดย คณะสหายธรรมเรื่อง "พระพุทธกิจ ๔๕ พรรษา" เรียบเรียงโดย คุณสุรีย์ และ เรือโทวิเชียร มีผลกิจ

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่ และ สรรพสัตว์



ความคิดเห็น 1    โดย วิริยะ  วันที่ 1 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย hadezz  วันที่ 7 ธ.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ