เข้าใจธรรมหรือยัง
โดย ธรรมทัศนะ  5 ธ.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 51594

ผู้ฟัง ก็แค่พิจารณา ได้คิดว่า เป็นธรรม

ท่านอาจารย์ กำลังคิดเป็นธรรม หรือเป็นเรา

ผู้ฟัง ก็ยังเป็นเราอยู่เสมอ

ท่านอาจารย์ ความจริงที่ได้ฟัง คือ คิดมีจริงๆ แล้วคิดเป็นเรา หรือไม่

ผู้ฟัง เป็นธรรม

ท่านอาจารย์ กว่าจะรู้ความจริงว่าเป็นธรรม ต้องมีความเข้าใจสภาพธรรมเพิ่มขึ้น ไม่ใช่มานั่งสงสัยว่า ฟังมาว่าเป็นธรรม แล้วเวลาเห็น ไม่เป็นธรรม เวลาคิด ไม่เป็นธรรม ก็ต้องฟังจนกว่าจะเข้าใจว่า แม้ขณะนั้นก็เป็นธรรมด้วย ไม่ลืมว่า ขณะนี้เป็นธรรม ก่อนได้ฟังเป็นเราทำอย่างนั้นอย่างนี้ คุยกับคนนั้น คนนี้ แต่เดี๋ยวนี้ที่กำลังได้ยิน ก็เริ่มเข้าใจว่าขณะนี้เป็นธรรม ขณะนี้เป็นการอบรมความเห็นถูกความเข้าใจถูก ไม่ใช่ขณะอื่น แต่ขณะที่กำลังฟังนี่เอง ทุกอย่างที่มีจริงๆ ที่เกิดจริงๆ ปรากฏแล้วก็หมดไปจริงๆ เป็นธรรม

ค่อยๆ สะสมความเห็นถูก นี่เป็นหนทางเดียวที่จะละโลภะ โลภะมีอิทธิพลมาก เป็นทาสของโลภะนานแสนนานโดยไม่รู้เลย เกิดความต้องการเมื่อไร ขณะนั้นก็เป็นทาสของโลภะ โลภะครอบงำ ไม่เพียงแม้แต่จะให้เข้าใจถูกต้อง ทุกอย่างเป็นธรรม แทนที่แล้วเมื่อไรเราจะรู้ ก็คือระลึกได้ว่า ขณะนั้นเป็นธรรมที่คิด ลักษณะนั้นมีจริงๆ เป็นธรรมที่คิด ธรรมคิดได้หรือไม่

ผู้ฟัง คิดได้

ท่านอาจารย์ คิดเป็นธรรม ธรรมเห็นได้ไหม

ผู้ฟัง เห็นได้

ท่านอาจารย์ เห็นเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ที่เห็นเป็นธรรม เพราะฉะนั้น ธรรมเห็น

ผู้ฟัง เห็นเป็นเห็นอยู่นั่นเอง

ท่านอาจารย์ ก็เป็นเห็น จะให้เป็นอะไร

ผู้ฟัง ก็ไม่เข้าถึงลักษณะ

ท่านอาจารย์ ขณะนี้เป็นธรรม หรือไม่

ผู้ฟัง เป็นธรรม

ท่านอาจารย์ เป็นธรรม ก็ไม่สงสัย

ผู้ฟัง ยังไม่เข้าถึงลักษณะ ก็ต้องฟังไปเรื่อยๆ

ท่านอาจารย์ แน่นอนทุกครั้งที่ถาม คำตอบก็คือขณะนี้เป็นธรรม ที่จะต้องเข้าใจขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ลองคิดถึงอนุสัยกิเลส ได้ยินชื่อแค่นี้ก็ไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลยว่า มากมายสักแค่ไหน ขณะหนึ่งที่เป็นอกุศลเกิดขึ้น ดับไป อกุศลเกิดที่จิต จะจากจิตไปที่อื่นได้ไหม ก็ต้องอยู่ที่จิตนั่นแหละ แต่เมื่อเกิดขึ้นเป็นอกุศลแล้วดับ เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดขึ้น อกุศลที่เกิดกับจิตขณะก่อนไม่ได้จากไปไหนเลย ก็สะสมสืบต่อในจิตขณะต่อไป มีคำว่า “อาสยานุสยะ” หมายความถึง อาสยะทั้งกุศล และอกุศลสะสม แต่ถ้ากล่าวถึง “อนุสัย” หมายเฉพาะอกุศลอย่างเดียว

พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 435