
[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม 5 - หน้า 398
อริยมรรควรรคที่ ๕
๑. อริยมรรคสูตร
ว่าด้วยธรรมที่เป็นอริยมรรคและไม่เป็นอริยมรรค
[๑๔๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง ธรรมที่เป็นอริยมรรคและธรรมที่มิใช่อริยมรรค แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่มิใช่อริยมรรคเป็นไฉน มิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ มิจฉาวิมุตติ นี้เรียกว่า ธรรมที่มิใช่อริยมรรค ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่เป็นอริยมรรคเป็นไฉน สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาวิมุตติ นี้เรียกว่า ธรรมที่เป็นอริยมรรค.
จบอริยมรรคสูตรที่ ๑
[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม 1 ภาค 3 - หน้า 465
๙. ปฐมสิกขาสูตร
ว่าด้วยไตรสิกขา
[๕๒๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิกขา ๓ นี้ สิกขา ๓ คืออะไรบ้าง คือ อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปัญญาสิกขา
อธิสีลสิกขา เป็นอย่างไร? ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย นี้เรียกว่า อธิสีลสิกขา
อธิจิตตสิกขา เป็นอย่างไร? ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม ... จากอกุศลกรรมทั้งหลาย เข้าปฐมฌาน ฯลฯ เข้าจตุตถฌาน ... นี้เรียกว่า อธิจิตตสิกขา
อธิปัญญาสิกขา เป็นอย่างไร? ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้รู้ตามจริงว่า นี่ทุกข์ ฯลฯ นี่ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา นี้เรียกว่า อธิปัญญาสิกขา
ภิกษุทั้งหลาย นี้แล สิกขา ๓.
จบปฐมสิกขาสูตรที่ ๙
[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม 3 - หน้า 831
๑๐. ภาวสูตร
ว่าด้วยไตรภพ และไตรสิกขา
[๓๗๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภพ ๓ นี้ควรละ ควรศึกษาในไตรสิกขา ภพ ๓ เป็นไฉน? คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ภพ ๓ นี้ควรละ ไตรสิกขา เป็นไฉน? คือ อธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา ควรศึกษาในไตรสิกขานี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภพ ๓ นี้ เป็นสภาพอันภิกษุละได้แล้ว และเธอ เป็นผู้มีสิกขา อันได้ศึกษาแล้ว ในไตรสิกขานี้ เมื่อนั้นภิกษุนี้ เรากล่าวว่า ได้ตัดตัณหาขาดแล้ว คลายสังโยชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดทุกข์ เพราะละมานะได้ โดยชอบ.
จบภาวสูตรที่ ๑๐
อ.ณภัทร: ดังนั้นที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า ปัญญา ก็ต้องเจริญขึ้นตามลำดับ อย่างที่เมื่อสักครู่ผมเรียนถามท่านอาจารย์ว่า สิกขา ๓ ศีลสิกขา จิตสิกขา ปัญญาสิกขา ก็เป็นชื่อที่เคยได้ศึกษามา แต่ไม่รู้ว่า แทัจริงคือเดี๋ยวนี้
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ขณะที่อยากรู้ขณะนั้นไม่ใช่หนทาง เห็นไหมว่า ความลึกซึ้งของธรรมะ แต่ขณะที่เริ่มค่อยๆ เข้าใจความลึกซึ้งอย่างที่เราสนทนากันเมื่อกี้มีความเข้าใจขึ้น นั่นคือหนทางที่แท้จริง นั่นคือหนทางที่แท้จริงหนทางละความไม่รู้ เป็นหนทางเดียว คือหนทางมรรคมีองค์ ๘ เอกยมมรรค หนทางเดียวจริงๆ เพราะรู้ ไม่มีหนทางอื่นเลย หนทางที่คนคิดไม่ถึงที่จะต้องรีบไปเรียนให้จบ จำ จบ ไปปฏิบัติเลย ไม่ใช่เลย
หนทางที่จะค่อยๆ ละความไม่รู้ในสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ต้องเป็นหนทางที่ปัญญาค่อยๆ เห็นความลึกซึ้งๆ และทุกคำพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความเป็นจริง
มีคำว่า สติ แต่คนที่ไม่ศึกษาธรรมะเลย มีกุศลมีอกุศล แต่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะจึงเป็นเรา ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สติเป็นอะไร ศรัทธาเป็นอะไร ทุกอย่างเป็นอะไร ที่จะค่อยๆ เห็นว่าไม่ใช่เราสักอย่าง
ขณะที่เป็นกุศลเกิดขึ้นไม่รู้เลย กุศลศีลเป็นศีลเป็นความประพฏติเป็นไปของจิตที่เป็นไปในกุศล แล้วก็ กุศลศีล ถ้าไม่มีสติเกิดได้ไหม? แต่เกิดแล้วก็ไม่รู้ว่า ฟังธรรมะแล้ว เอ๊ะ!! ก็ไม่เกิดกุศล ฟังแล้วก็ไม่ได้เกิดกุศลอะไร แต่เวลากุศลเกิดขึ้นไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร จึงต้องมีการแสดงว่าขณะนั้นไม่ใช่ปัญญาที่จะเข้าใจธรรมะได้ทันที แต่ต้องมีการระลึกได้ จึงรู้ลักษณะเพื่อปัญญาจะได้เข้าใจถูกต้อง
ทั้งหมดละเอียดมากไม่ใช่เพียงคำ สติ หรือสติปัฏฐาน แต่ต้องรู้ความเป็นจริงว่า ขณะนั้นแหละ เดี๋ยวนี้มีไหม? ไม่ใช่ไปคิดว่าเมื่อไหร่จะมี ฟังแล้วก็ อ้อ!! เมื่อนั่นเมื่อนี่ แต่เวลาเกิดจริงๆ ไม่รู้
อ.ณภัทร: ดังนั้น ความเจริญขึ้นของปัญญาตามลำดับที่จะ เมื่อตะกี้ก็มีคำว่า อธิ ขึ้นมาอีกครับ ที่ละเอียดยิ่ง อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ดังนั้นการเจริญขึ้นของปัญญาจากศีลสิกขา จิตสิกขา ปัญญาสิกขา ค่อยๆ เป็นอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา เป็นความละเอียดอย่างไรครับ
ท่านอาจารย์: รู้ว่า ปัญญาเป็นความเข้าใจ แต่ฟังแล้วเข้าใจแล้ว เมื่อไหร่เกิด? ถ้าไม่มีสติที่ระลึกได้ ค่อยๆ ฟังสิ่งที่มีให้รู้ว่า เป็นธรรมะที่ละเอียดอย่างยิ่งแต่ละอย่าง นั่นคือการรู้ตัวจริงของธรรมะ การรู้หนทางว่า ถ้าไม่มีความเข้าใจอย่างถูกต้องว่า ปัญญาทำหน้าที่ของปัญญา ไปทำอะไร ปัญญาหรือ? ความไม่รู้ต่างหากทำ
นี่เป็นความละเอียดความลึกซึ้ง ปัญญากำลังละๆ ๆ ๆ กำลังมีความเข้าใจถูก เพราะฉะนั้น หนทางนี้จึงละเอียดอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีการละหนทางผิดไม่มีทางที่จะเป็นหนทางถูกได้
แม้หนทางถูก หนทางผิดก็ละเอียดอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องทำอะไรใช่ไหม? กำลังเป็นไปในหนทางเข้าใจความลึกซึ้ง นั่นแหละหนทางละ นั่นแหละสัมมาทิฏฐิในมรรคมีองค์ ๘ อีกยาวไกลมาก เพราะว่าความจริงเดี๋ยวนี้ทั้งหมดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีเดี๋ยวนี้ ตรงนี้
อ.ณภัทร: เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ ถ้าไม่ได้ฟังก็ไม่สามารถจะเข้าใจจริงๆ เพราะว่าเมื่อเข้าใจก็เริ่มรู้ว่ามีความไม่รู้อีกมาก ต้องขัดเกลาอีกมาก ก็ต้องเจริญต่อไปอาศัยบารมีทั้งหลายครับ
ท่านอาจารย์: และมั่นคงว่า หนทางคือความเข้าใจเป็นปรกติ
อ.ณภัทร: เป็นปรกติ ก็คือเดี๋ยวนี้
ท่านอาจารย์: ทีละเล็กทีละน้อย เกิดแล้ว ค่อยๆ เพิ่มแล้ว ใครจะรู้?
ขอเชิญฟังได้ที่..
ธรรมที่เป็นหนทาง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ณภัทร ด้วยความเคารพค่ะ