อริยสัจ 3 รอบ
โดย nattawan  4 มิ.ย. 2568
หัวข้อหมายเลข 50094

. ขอให้อาจารย์อธิบาย อริยสัจ ๓ รอบ

สุ. รอบที่ ๑ คือ สัจจญาณ รู้จริงๆ หรือเปล่าว่าทุกขอริยสัจหมายถึง การเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรม ทุกอย่างที่กำลังปรากฏ

ถ้ารู้จริงๆ ไม่ต้องทำอย่างอื่นเลย ไม่ต้องไปทำให้ทุกขเวทนาเกิดขึ้น เพราะว่าทุกขสัจหมายความถึงลักษณะของเห็นซึ่งเกิดแล้วดับ ได้ยินเกิดแล้วดับ กลิ่นเกิดแล้วดับ รสเกิดแล้วดับ ทุกอย่างที่กำลังเกิดดับ ที่สติจะต้องระลึกจนกว่าจะประจักษ์ความเกิดดับ ถ้ามั่นคงอย่างนี้จริงๆ ก็ชื่อว่ารู้อริยสัจ ในขั้นของสัจญาณ ในลักษณะของทุกขสัจ และตลอดไปจนถึงสัจจะอื่นๆ นี่คือรอบที่ ๑

และถ้ารู้จริงๆ อย่างนั้น สติก็เริ่มระลึก นั่นเป็น กิจจญาณ เป็นรอบที่ ๒

เมื่อระลึกไปจนกระทั่งสามารถจะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ รอบที่ ๓ เป็น กตญาณ คือ รู้แล้ว ตรงกับสัจจญาณ

ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ขอให้เข้าใจถูกก่อน ที่จะได้ไม่เห็นผิดไป นี่สำคัญที่สุด เพราะถ้าเห็นผิดไม่มีทางที่จะรู้ว่า พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้อะไร ซึ่งสามารถที่จะตรัสรู้ได้จริงๆ ว่า ขณะนี้ทางตากำลังเกิดดับ ไม่ว่าเจตสิกมี ๕๒ ประเภท วิตกเจตสิกต่างกับวิจารเจตสิก ทั้งๆ ที่วิตกเจตสิกและวิจารเจตสิกเกิดพร้อมกัน แต่เพราะจรดในลักษณะของวิตกด้วยพระสติและสัมปชัญญะจึงแทงตลอดในลักษณะของวิตกเจตสิก ซึ่งต่างกับวิจารเจตสิก และทรงแสดงลักษณะของสภาพธรรมทุกอย่างได้ เพราะว่า ทรงตรัสรู้พร้อมสติสัมปชัญญะ

เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงไม่ผิดและไม่เป็นสอง ไม่เหมือนคนที่นึกเดา และไม่รู้ว่านี่นามหรือนั่นรูป ใช่ไหม ถ้าเป็นโดยลักษณะนั้น แต่นี่ไม่ใช่โดยลักษณะนั้น และยังทรงสามารถรู้อัธยาศัยของผู้ที่มาเฝ้าและฟังพระธรรมว่า ผู้นี้สะสมปัญญามาที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมถึงขั้นไหนและด้วยพระธรรมเทศนาในลักษณะใด

ทุกครั้งที่ระลึกถึงพระปัญญาคุณ แม้เพราะเหตุนั้นๆ พระผู้มีพระภาคทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะไม่มีใครสามารถแสดงพระธรรมได้ถ้าไม่ประจักษ์แจ้ง ไม่ได้ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ซึ่งไม่ใช่สิ่งสุดวิสัย เพราะว่าสภาพธรรมมีจริงและเกิดดับจริงๆ แต่ทั้งๆ ที่สภาพธรรมปรากฏ อวิชชาทำให้ไม่รู้ เพราะฉะนั้น วิชชาต้องค่อยๆ เจริญ จึงจะละความไม่รู้ได้

แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1235



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 4 มิ.ย. 2568

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 2    โดย เมตตา  วันที่ 5 มิ.ย. 2568

เมื่อระลึกไปจนกระทั่งสามารถจะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง คือ รอบที่ ๓ เป็น กตญาณ คือ รู้แล้ว ตรงกับสัจจญาณ


[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้า 156 - 157

๑๔. อาคันตุกาคารสูตร

ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ควรละ ควรทำให้แจ้ง ควรทำให้เจริญ

[๒๙๐] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนผู้มาจากทิศบูรพาก็ดี จากทิศปัจฉิมก็ดี จากทิศอุดรก็ดี จากทิศทักษิณก็ดี ย่อมพักอยู่ที่เรือนสำหรับรับแขก ถึงกษัตริย์ พราหมณ์ แพทย์ ศูทรก็ดี ที่มาแล้วก็ย่อมพักอยู่ที่เรือนสำหรับรับแขกนั้น แม้ฉันใด ภิกษุเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ย่อมกําหนดรู้ธรรมที่ควรกําหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ย่อมละธรรมที่ควรละด้วยปัญญาอันยิ่ง ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง ย่อมเจริญธรรมที่ควรให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง ฉันนั้นเหมือนกัน.

[๒๙๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ควรกําหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่งเป็นไฉน คือ ธรรมที่เรียกว่า อุปาทานขันธ์ ๕ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน คือ รูปูปาทานขันธ์ ฯลฯ วิญญาณูปาทานขันธ์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ควรกําหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง.

[๒๙๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ควรละด้วยปัญญาอันยิ่งเป็นไฉน คือ อวิชชาและภวตัณหา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ควรละด้วยปัญญาอันยิ่ง.

[๒๙๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเป็นไฉน คือ วิชชาและวิมุตติ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ควรทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง.

[๒๙๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ควรให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่งเป็นไฉน คือ สมถะและวิปัสสนา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ควรให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง.

[๒๙๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างไรเล่า จึงกําหนดรู้ธรรมที่ควรกําหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ฯลฯ จึงเจริญธรรมที่ควรให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเมื่อเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ อย่างนี้แล จึงกําหนดรู้ธรรมที่ควรกําหนดรู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง ฯลฯ จึงเจริญธรรมที่ควรให้เจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง.

จบอาคันตุกาคารสูตรที่ ๑๔

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

ยินดีในกุศลจิตค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย nattawan  วันที่ 5 มิ.ย. 2568

ยินดีในกุศลจิตค่ะ