เศรษฐีชื่อพิฬาลปทกะ
โดย JANYAPINPARD  7 ก.ย. 2553
หัวข้อหมายเลข 17115

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท

เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓- หน้าที่ 27

๖. เรื่องเศรษฐีชื่อพิฬาลปทกะ [๑๐๐]
...............................

บัณฑิตเรี่ยไรของทำบุญ

ครั้งนั้น บัณฑิตบุรุษผู้หนึ่ง ฟังธรรมเทศนานั้นแล้ว คิดว่า " โอ !เหตุนี้น่าอัศจรรย์, บัดนี้ เราจักทำกรรมที่เป็นไปเพื่อสมบัติทั้งสอง, " จึงกราบทูลพระศาสดาในเวลาเสด็จลุกไปว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พรุ่งนี้ขอพระองค์จงทรงรับภิกษาขอพวกข้าพระองค์." พระศาสดา. ก็ท่านมีความต้องการด้วยภิกษุสักเท่าไร?

บุรุษ. ภิกษุทั้งหมด พระเจ้าข้า.

พระศาสดาทรงรับแล้ว. แม้เขาก็เข้าไปยังบ้าน เที่ยวป่าวร้องว่า"ข้าแต่แม่และพ่อทั้งหลาย ข้าพเจ้านิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เพื่อฉันภัตตาหารในวันพรุ่งนี้, ผู้ใดอาจถวายแก่ภิกษุทั้งหลายมีประมาณเท่าใด, ผู้นั้นจงให้วัตถุต่างๆ มีข้าวสารเป็นต้น เพื่อประโยชน์แก่อาหารมียาคูเป็นต้น เพื่อภิกษุทั้งหลายมีประมาณเท่านั้น, พวกเราจักให้หุงต้มในที่แห่งเดียวกันแล้วถวายทาน"



ความคิดเห็น 1    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 7 ก.ย. 2553

เหตุที่เศรษฐีชื่อว่าพิฬาลปทกะ

ทีนั้น เศรษฐีคนหนึ่ง เห็นบุรุษนั้นมาถึงประตูร้านตลาดของตนก็โกรธว่า "เจ้าคนนี้ ไม่นิมนต์ภิกษุแต่พอ (กำลัง) ของตน ต้องมาเที่ยวชักชวนชาวบ้านทั้งหมด (อีก) ," จึงบอกว่า "แกจงนำเอาภาชนะที่แกถือมา" ดังนี้แล้ว เอานิ้วมือ ๓ นิ้วหยิบ ได้ให้ข้าวสารหน่อยหนึ่ง,ถั่วเขียว ถั่วราชมาษก็เหมือนกันแล. ตั้งแต่นั้น เศรษฐีนั้นจึงมีชื่อว่าพิฬาลปทกเศรษฐี. แม้เมื่อจะให้เภสัชมีเนยใสและน้ำอ้อยเป็นต้น ก็เอียงปากขวดเข้าที่หม้อ ทำให้ปากขวดนั้นติดเป็นอันเดียวกัน ให้เภสัชมีเนยใสและน้ำอ้อยเป็นต้นไหลลงทีละหยดๆ ได้ให้หน่อยหนึ่งเท่านั้น. อุบาสกทำวัตถุทานที่คนอื่นให้โดยรวมกัน (แต่) ได้ถือเอาสิ่งของที่เศรษฐีนี้ให้ไว้แผนกหนึ่งต่างหาก.

เศรษฐีให้คนสนิทไปดูการทำของบุรุษผู้เรี่ยไร

เศรษฐีนั้น เห็นกิริยาของอุบาสกนั้นแล้ว คิดว่า " ทำไมหนอเจ้าคนนี้จึงรับสิ่งของที่เราให้ไว้แผนกหนึ่ง? " จึงส่งจูฬุปัฏฐากคนหนึ่ง ไปข้างหลังเขา ด้วยสั่งว่า " เจ้าจงไป, จงรู้กรรมที่เจ้านั่นทำ." อุบาสกนั้นไปแล้ว กล่าวว่า " ขอผลใหญ่จงมีแก่เศรษฐี." ดังนี้แล้วใส่ข้าวสาร๑-๒ เมล็ด เพื่อประโยชน์ แก่ยาคู ภัต และขนม, ใส่ถั่วเขียวถั่วราชมาษบ้าง หยาดน้ำมันและหยาดน้ำอ้อยเป็นต้นบ้าง ลงในภาชนะทุกๆ ภาชนะ.จูฬุปัฏฐากไปบอกแก่เศรษฐีแล้ว. เศรษฐีฟังคำนั้นแล้ว จึงคิดว่า " หากเจ้าคนนั้นจักกล่าวโทษเราในท่ามกลางบริษัทไซร้, พอมันเอ่ยชื่อของเราขึ้นเท่านั้น เราจักประหารมันให้ตาย." ในวันรุ่งขึ้น จึงเหน็บกฤชไว้ในระหว่างผ้านุ่งแล้ว ได้ไปยืนอยู่ที่โรงครัว


ความคิดเห็น 2    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 7 ก.ย. 2553

                        ฉลาดพูดทำให้ผู้มุ่งร้ายกลับอ่อนน้อม

         บุรุษนั้น  เลี้ยงดูภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน        แล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า  "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้าพระองค์ชักชวนมหา-ชนถวายทานนี้,  พวกมนุษย์ข้าพระองค์ชักชวนแล้วในที่นั้น  ได้ให้ข้าวสารเป็นต้นมากบ้างน้อยบ้าง     ตามกำลังของตน,     ขอผลอันไพศาลจงมีแก่มหาชนเหล่านั้นทั้งหมด."         เศรษฐีได้ยินคำนั้นแล้ว   คิดว่า  " เรามาด้วยตั้งใจว่า    ' พอมันเอ่ยชื่อของเราขึ้นว่า       ' เศรษฐีชื่อโน้นถือเอาข้าวสารเป็นต้นด้วยหยิบมือให้,' เราก็จักฆ่าบุรุษนี้ ให้ตาย,       แต่บุรุษนี้    ทำทานให้รวมกันทั้งหมด    แล้วกล่าวว่า    ' ทานที่ชนเหล่าใดตวงด้วยทะนานเป็นต้นแล้วให้ก็ดี,     ทานที่ชนเหล่าใดถือเอาด้วยหยิบมือแล้วให้ก็ดี,    ขอผลอันไพศาล     จงมีแก่ชนเหล่านั้นทั้งหมด,'      ถ้าเราจักไม่ให้บุรุษเห็นปานนี้อดโทษไซร้,    อาชญาของเทพเจ้าจักตกลงบนศีรษะของเรา."   เศรษฐีนั้นหมอบลงแทบเท้าของ อุบาสกนั้นแล้วกล่าวว่า  " นาย    ขอนายจงอดโทษให้ผมด้วย,"     และถูกอุบาสกนั้นถามว่า   "นี้อะไรกัน? "  จึงบอกเรื่องนั้นทั้งหมด.


ความคิดเห็น 3    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 7 ก.ย. 2553

พระศาสดาทรงเห็นกิริยานั้นแล้ว ตรัสถามผู้ขวนขวายในทานว่า

" นี่อะไรกัน? " เขากราบทูลเรื่องนั้นทั้งหมดตั้งแต่วันที่แล้วๆ มา.

อย่าดูหมิ่นบุญว่านิดหน่อย

ทีนั้น พระศาสดาตรัสถามเศรษฐีนั้นว่า " นัยว่า เป็นอย่างนั้น

หรือ? เศรษฐี." เมื่อเขากราบทูลว่า " อย่างนั้น พระเจ้าข้า. " ตรัสว่า

" อุบาสก ขึ้นชื่อว่าบุญ อัน ใครๆ ไม่ควรดูหมิ่นว่า 'นิดหน่อย.' อัน

บุคคลถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเช่นเราเป็นประธานแล้ว ไม่

ควรดูหมิ่นว่า 'เป็นของนิดหน่อย.' ด้วยว่า บุรุษผู้บัณฑิต ทำบุญอยู่

ย่อมเต็มไปด้วยบุญโดยลำดับแน่แท้ เปรียบเหมือนภาชนะที่เปิดปาก ย่อม

เต็มไปด้วยน้ำ ฉะนั้น." ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึง

ตรัสพระคาถานี้ว่า

" บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบุญว่า 'บุญมีประมาณน้อย

จักไม่มาถึง' แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมา

(ทีละหยาดๆ ) ได้ฉันใด, ธีรชน (ชนผู้มีปัญญา) สั่ง-

สมบุญแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบุญได้ฉันนั้น."

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์