มีท่านผู้ฟังเขียนความเห็นมา ๓ ข้อ และคำถาม ๔ ข้อ
ข้อ ๒. ตามที่ทราบกันทั่วไป มโนทวารนั้นกระทำกรรมด้วย เพราะถือเอาเจตนาเจตสิกที่ปรากฏทางมโนทวารเป็นเจตนากระทำกรรม แต่ตามหลักนี้นำไปใช้ ในชีวิตประจำวันของผมไม่ได้ จะทำให้สับสน ในชีวิตประจำวัน ผมถือเอาทวารทั้ง ๖ ทำหน้าที่รับอารมณ์เป็นปรมัตถ์ (อัตโนมัติ ไม่ได้กระทำกรรม) รับอารมณ์ทั้ง ๔ คือ กามอารมณ์ มหัคคตอารมณ์ บัญญัติอารมณ์ และโลกุตตรอารมณ์ ส่วนกรรมนั้นกระทำขึ้นได้ ๓ ทาง คือ มโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม การกระทำกรรมเป็น การสนองตอบต่อการรับอารมณ์ (การนั่งปล่อยให้จิตเป็นภวังค์เฉยๆ ไม่เรียกว่า กระทำกรรม แต่เรียกว่าใช้กรรม) เมื่อรับอารมณ์มา อาจตัดสินใจทำตามที่เคยทำมาในอดีต หรือจะนึกคิดให้เกิดปัญญาแล้วทำตามแนวใหม่ในทันทีก็ได้ (ทำตามแนวใหม่นี้เรียกว่า เป็นไปตามกรรมที่นึกคิด)
สุ. ที่ท่านกล่าวว่า ในชีวิตประจำวัน ผมถือเอาทวารทั้ง ๖ ทำหน้าที่รับอารมณ์เป็นปรมัตถ์ (อัตโนมัติ ไม่ได้กระทำกรรม) รับอารมณ์ทั้ง ๔ คือ กามอารมณ์ มหัคคตอารมณ์ บัญญัติอารมณ์ และโลกุตตรอารมณ์
นี่ไม่ใช่ชีวิตประจำวัน ใช่ไหม หรือว่าเป็นชีวิตประจำวันที่มีอารมณ์ทั้ง ๔ ชีวิตประจำวันจริงๆ มีกามอารมณ์กับบัญญัติอารมณ์ แต่ไม่ถึงมหัคคตอารมณ์ และโลกุตตรอารมณ์
ถ้าได้ฟังเรื่องของกรรมในคราวก่อนที่ว่า ได้แก่เจตนาเจตสิกที่เกิดกับจิต ทุกดวง และเป็นชาติต่างๆ เช่นเดียวกับสัญญาเจตสิก และเวลาที่เกิดกับวิถีจิตทางปัญจทวาร ไม่มีการกระทำกรรมใดๆ ทางกาย ทางวาจา แม้แต่เจตนาเจตสิก ซึ่งเกิดกับชวนจิตทางปัญจทวารก็ชื่อว่ามโนกรรม แต่ไม่ใช่อกุศลกรรมบถ หรือกุศลกรรมบถ เพราะฉะนั้น ต้องพยายามเข้าใจเรื่องของสภาพธรรม และ พิจารณาไปเรื่อยๆ จะไม่สับสน ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1610
รับฟัง ...
ต้องเข้าใจเรื่องของสภาพธรรม