ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๕๕
โดย khampan.a  10 เม.ย. 2565
หัวข้อหมายเลข 42975

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๕๕


~ พระพุทธเจ้า เป็นรัตนะ เพราะทำให้ผู้อื่นได้เกิดปัญญาความเข้าใจที่ถูกต้อง พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นรัตนะ เพราะทำให้ผู้ที่ได้ฟังมีความเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น ได้เข้าใจความจริงจนกระทั่งประจักษ์แจ้งความจริงตามที่ได้ฟังจนถึงความเป็นสังฆรัตนะ คือ สาวกผู้ที่ได้ฟังพระธรรมและดับกิเลสได้ตามพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
~ ความไม่รู้ ก็จะทำให้ชีวิตเป็นไปด้วยความไม่รู้ แต่ถ้ามีความรู้ถูก มีความเห็นถูก ชีวิตก็จะเปลี่ยนจากการที่ไม่รู้ว่า อะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด ก็จะทำให้พ้นจากความประพฤติซึ่งเป็นเหตุที่นำทุกข์มาให้เพราะฉะนั้น การฟังธรรมแต่ละครั้ง ให้ทราบว่าประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจ
~ สละวัตถุสิ่งของให้ทาน สละความโกรธความขุ่นเคืองใจในผู้อื่น มีความอดทนทุกอย่างที่จะบำเพ็ญความดีทุกอย่าง นี้แหละ เป็นการเติมความดีอยู่เรื่อยๆ
~ ความดีเปรียบเสมือนหยดน้ำ วันนี้มีหยดน้ำแห่งคุณความดีมากแค่ไหน ถ้าเทียบกับห้วงน้ำของอกุศล?
~ แก้ปัญหาเผินๆ ด้วยความไม่รู้ แก้ไม่สำเร็จ แต่ถ้ามีความเข้าใจพระธรรม มีความเข้าใจที่มั่นคงเพิ่มขึ้น คนดีเพิ่มขึ้น คนชั่วน้อยลง ประเทศชาติก็เจริญมั่นคงขึ้น
~ ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ไม่ประมาทในการขัดเกลากิเลส ไม่ประมาทในการคิดว่า "กุศลนี้น้อยเหลือเกิน ไม่ทำก็ไม่เป็นไร" แต่ความจริง แม้เพียงขณะหนึ่งของกุศล ก็แสดงว่า ขณะนั้นชนะอกุศล สามารถที่จะไม่ให้อกุศลเกิดได้
~ อกุศลมากมายเหลือเกิน เก็บเอาไว้เยอะแยะเลยทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ในสังสารวัฏฏ์ที่เนิ่นนาน จะเอาออกได้อย่างไรถ้าติดแน่นหนาแน่นเหนียวแน่นอยู่ในใจ หนทางเดียว ก็คือ เห็นประโยชน์ของกุศล รู้ว่า แม้เพียงเล็กน้อย ก็จะค่อยๆ สะสมไป
~ สภาพธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย คำใดที่ตรัสแล้วไม่เปลี่ยน ได้ยินต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เห็นต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย คิดนึกต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย สติต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย สุขต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ทุกข์ต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะเกิดตามความพอใจได้ แต่ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยเฉพาะของสภาพธรรมนั้นๆ
~ ก่อนอื่นต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ความไม่ดีทั้งหมด เป็นอกุศล มาจากความไม่รู้และการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา แต่ความจริง เราอยู่ได้กี่วัน วันไหนจะไม่ใช่เราอีก (คือ ตาย) แน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรทำระหว่างที่มีชีวิต ก็คือ เข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงอันเป็นเหตุที่จะทำให้มีความประพฤติที่ดี
~ ไม่มีอะไรที่จะไปละความไม่รู้และความชั่วทั้งหลายได้ นอกจากความเข้าใจถูก เพราะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความไม่ประมาทและด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
~ ใครจะรู้ว่าชีวิตแต่ละภพแต่ละชาติจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ถ้าสะสมความดี ความดีก็มีกำลัง แม้ในขณะที่จะทำทุจริต ความดีก็ยังสามารถที่จะเกิดได้ตามกำลังของการสะสม แต่ถ้าความดีน้อยก็ต้องเป็นไปตามอกุศล เพราะฉะนั้น ที่สำคัญที่สุด คือไม่ประมาทแม้กุศลเพียงเล็กน้อย
~ ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน นอกบ้าน ประเทศชาติ หรือโลก จะสงบได้ ก็เพราะคุณความดี
~ เพราะไม่โลภ เพราะไม่โกรธ เพราะไม่หลง จึงกระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้
~ แต่ละหนึ่งถ้าเป็นคนดี ทุกอย่างไม่มีปัญหา
แต่ถ้าแต่ละหนึ่ง ไม่ได้เป็นคนดี ปัญหามีแน่นอน
~ โกรธแล้ว เคยคิดที่จะมีความอดทนที่จะไม่โกรธต่อไปหรือเปล่า?

~ เสียงที่ไม่น่าพอใจ ไม่ประสงค์ที่จะได้ยิน แต่ก็ได้ยิน เพราะเหตุปัจจัย
~ อะไรที่ไม่ดี เคยคิดที่จะละบ้างไหม แค่นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความเพียรที่ถูกต้องแล้ว
~ ไม่ต้องคอยวันนี้ หรือพรุ่งนี้ หรือวันไหนๆ มีโอกาสเมื่อใด ก็ควรที่จะได้ฟังพระธรรมเมื่อนั้น
~ เกิดมาแล้วต้องตาย ไม่ใช่ว่าคนอื่นตายแต่เราไม่ตาย เพราะต้องตายด้วยกันทั้งนั้น สิ่งที่เป็นประโยชน์ก่อนตาย คือ สะสมความดีและฟังพระธรรมให้เข้าใจ
~ กิเลสไม่ได้อยู่ภายนอก ไม่ได้อยู่ที่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบกาย) แต่อยู่ในภายในของแต่ละบุคคลตามการสะสม
~ เมื่ออยู่ร่วมกับผู้คนมากมาย หนทางที่จะทำให้เป็นกุศล มี คือ อยู่ด้วยเมตตา
~ ถ้าเขาเป็นคนไม่ดี ก็ควรมีเมตตามากพอที่จะดีกับเขา และช่วยให้เขาเป็นคนดี
~ ถ้าไม่คิดว่าตนเองอยู่ในความมืดมิดของอวิชชาคือความไม่รู้ ก็จะไม่แสวงหาแสงสว่างคือปัญญาที่จะทำให้ตนเองพ้นจากความมืดมิดดังกล่าวได้
~ ไม่มีใครทำให้ใครเป็นทุกข์ได้เลย แต่ที่เป็นทุกข์ก็เพราะกิเลสของตนเองต่างหาก จะลดทุกข์ลงได้ ต้องเกิดจากปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ ใครทำให้เสียหาย ใครทำให้เดือดร้อน แทนที่จะโกรธ ก็รู้ว่า เป็นการเพิ่มพูนขันติบารมีให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
~ เกิดมาเพียงชั่วคราว ถ้าคิดว่าชีวิตชั่วคราวจริงๆ จะทำดีหรือจะทำชั่ว?
~ ทุกท่านเหลือเวลาไม่มากที่จะอยู่ในโลกนี้
~ ความสุขที่เคยได้รับ เดี๋ยวนี้อยู่ไหน? ดับไปหมดแล้ว แล้วก็แสวงหาต่อไป แล้วยังอยู่ไหม? หมดไป ไม่เหลือ ชั่วคราวจริงๆ แล้วก็หลงยึดติดอีก
~ เมื่อเป็นปัญญาความเห็นที่ถูกต้อง ขณะนั้น ก็ละความไม่รู้ซึ่งมากมายมหาศาลประมาณไม่ได้เลยที่สะสมมาในสังสารวัฏฏ์พร้อมทั้งความติดข้องและกิเลสนานาประการ
~ พระธรรมเป็นเครื่องเตือนว่า ไม่ควรคำนึงถึงความไม่ดีของคนอื่น แต่ควรที่จะได้พิจารณาถึงความไม่ดีของตนเอง เพื่อที่จะได้ขัดเกลา
~ ผู้ไม่ประมาท คือ มีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะได้ฟังพระธรรมและสะสมกุศลต่อไป



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๕๔


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย petsin.90  วันที่ 10 เม.ย. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย เมตตา  วันที่ 10 เม.ย. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ และกราบยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย tim7755tim  วันที่ 10 เม.ย. 2565

มีพระธรรมคำสอนของพระศาสดาอยู่ในจิตและมีความเมตตาอยู่ในจิต มองทุกสิ่งในโลกเสมอเท่าเทียมกัน ถึงบางครั้งจะต้องมีความอดทนและขันติมาก สัตว์โลกหลงทุกสิ่งว่าเป็นของตนหลงว่าเป็นของถาวร ยึดว่าเป็นเราของเราทุกสิ่งอย่าง ซึ่งความจริงก็คือไม่มีอะไรเป็นของใครเลย

กราบอนุโมทนากุศลค่ะท่านอาจารย์และกัลยาณมิตรทุกท่าน


ความคิดเห็น 4    โดย Naiyadee  วันที่ 10 เม.ย. 2565

ฟังพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูกขัดเกลาความไม่ดีของตน และสะสมกุศลด้วยความไม่ประมาท...สาธุค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย มังกรทอง  วันที่ 10 เม.ย. 2565

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 6    โดย Sea  วันที่ 10 เม.ย. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่ง กราบขอบพระคุณอาจารย์คำปั่น และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 11 เม.ย. 2565

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย Jans  วันที่ 11 เม.ย. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย jaturong  วันที่ 11 เม.ย. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย Lai  วันที่ 12 เม.ย. 2565

อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย มังกรทอง  วันที่ 31 ส.ค. 2568

แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ