คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โดย บ้านธัมมะ  8 ก.ค. 2567
หัวข้อหมายเลข 48077

คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงมี ๓ ระดับ ปริยัติ ฟัง รอบรู้ ถ้าไม่มีการเข้าใจจริงๆ ว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่สามารถที่จะเป็นปัจจัยให้สติสัมปชัญญะเกิด โดยปัจจัยที่ได้สะสมมา ไม่ใช่โดยอยากให้เกิด หรือโดยไปเลือกสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพื่อที่จะให้ปัญญาเกิด เช่น จะไปเลือกทำ หรือดูอานาปานะ คือ ลมหายใจ แล้วจะรู้แจ้งอริยสัจธรรม เป็นไปไม่ได้เลย นั่นคือความเป็นตัวตน ไม่ใช่ความเป็นอนัตตาว่า ทุกอย่างเกิดเมื่อมีปัจจัยที่สมควร

ท่านพระสารีบุตร สะสมบารมีมาเท่าไร ต่อเมื่อได้พบท่านพระอัสสชิ ได้ฟังแล้ว ยับยั้งไม่ได้ ที่จะให้มีความเข้าใจ จนกระทั่งรู้แจ้งอริยสัจธรรม แต่ก่อนนั้นไม่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ แม้เป็นปัญญา ก็ต้องถึงเวลา ที่เป็นปัจจัย ที่จะให้ความรู้ระดับไหนเกิดขึ้น เมื่อมีปริยัติ ถ้าไม่มีปริยัติเลย ไม่มีการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย จะไม่มีปฏิปัตติ จะเอาปัจจัยที่ไหนมาทำให้สติสัมปชัญญะเกิด แล้วเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ โดยความเป็นอนัตตา ใครเลือกอารมณ์ให้สติได้ไหม ใครเลือกให้สติเกิดขณะนั้น ขณะนี้ ได้ไหม ถ้าคิดว่าได้ นั่นคืออัตตา แต่ถ้ารู้ตามความเป็นจริงว่า สติสัมปชัญญะ และธรรมทั้งหมดเป็นอนัตตา จะเกิดเมื่อมีปัจจัย พร้อมเมื่อไรจึงเกิด โดยความเป็นอนัตตา

ท่านพระสารีบุตรไม่ได้คิดเลย ว่าท่านจะเป็นพระโสดาบัน เมื่อได้ฟังคำของท่านพระอัสสชิ แต่ใครจะยับยั้งปัจจัยที่ได้สะสมมา ที่ถึงพร้อมที่จะให้รู้แจ้งอริยสัจธรรมในขณะที่ฟังได้ เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องของอนัตตา ไม่ใช่ตัวเราจะบังคับบัญชา หรือจะเลือก หรือจะทำ แต่เป็นการสะสมความเข้าใจถูกต้อง ในความเป็นธรรม ซึ่งไม่ใช่เรา ซึ่งเป็นอนัตตา

ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา หนทางนี้เป็นสายกลาง เพราะธรรมทั้งหลายเป็นธรรม เป็นอนัตตา ไม่สามารถที่จะบันดาลหรือบังคับให้เกิดขึ้นตามใจชอบ แต่ต้องโดยความเป็นเหตุ เป็นปัจจัยที่เหมาะสม

อย่างการฟังวันนี้ ก็จะไม่รู้เลย ว่าจะเป็นเหตุให้วันหนึ่ง สามารถที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมได้ เมื่อตรงตามความเป็นจริง แล้วถ้าชาตินี้เห็นผิด ชาติต่อไปก็เห็นผิด แต่ถ้าชาตินี้สะสมความเห็นที่ถูกต้องเป็นปัจจัย พอได้ยินได้ฟังคำที่ถูกต้อง ก็สามารถเข้าใจถูกได้ เพราะคำจริงทั้งหมด เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าใครจะกล่าว ถ้าเป็นคำที่ถูก


รับฟัง ... คำจริงทั้งหมดเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า