ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๗๐
โดย khampan.a  24 ก.ค. 2565
หัวข้อหมายเลข 43390

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๗๐


~ คนที่มีความเข้าใจพระธรรม จะบูชาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด ด้วยการฟังพระธรรม ด้วยการเคารพในความลึกซึ้งของธรรม ไม่ใช่รีบร้อนที่จะให้คนเข้าใจธรรมมากๆ แต่ว่าไม่ได้เข้าใจจริงๆ ในความลึกซึ้งในพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจธรรมจริงๆ ไม่สามารถดำรงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ทุกอย่างที่ทำไป ก็ไร้ประโยชน์
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์คนที่มีกิเลสและทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่างๆ ให้ละคลายอกุศล เพราะความเข้าใจสิ่งที่มีตามความเป็นจริงเท่านั้น ที่จะทำให้พฤติกรรมทั้งหมดที่ไม่ดีค่อยๆ ลดน้อยลง จนกระทั่งสามารถจะไม่เกิดอีกเลยได้
~ เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม ไม่ได้บังคับให้อะไรเกิดได้ แต่ความเข้าใจยิ่งขึ้นก็จะค่อยๆ ทำให้อกุศลเบาบางลง เพราะเห็นว่าอกุศลไม่มีประโยชน์อะไรเลย จะโกรธใคร มีประโยชน์กับใคร แม้แต่ตัวเอง มีประโยชน์หรือเปล่า จิตเศร้าหมอง เพราะฉะนั้น ปัญญาที่เห็นตามความเป็นจริง ก็จะมีเมตตาแทน
~ กำลังของกุศลเท่านั้น ที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ และกุศลก็ไม่ใช่เกิดวันนี้วันเดียว ที่เคยสะสมมามีความมั่นคง หรือมีความหวั่นไหว ก็แล้วแต่การสะสม เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้เห็นประโยชน์ของคุณความดีทั้งหมดที่เป็นบารมี และเป็นผู้ที่มั่นคงด้วย บางคนก็บอกว่า พูดไม่จริงนิดๆ หน่อยๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย ใครก็ไม่เดือดร้อน บางทีเขาอาจจะสบายใจขึ้นด้วยซ้ำไป ถ้าเราจะไม่พูดความจริงอย่างนั้น แต่เราเป็นผู้มั่นคงในคำจริง ไม่พูดก็ได้ หรือพูดคำอื่นซึ่งไม่ใช่คำไม่จริงก็ได้ ที่จะทำให้คนอื่นสบายใจขึ้นก็ได้
~ กิเลสมากมาย เหนียวแน่น หนาแน่น และติดแน่นด้วย อยู่ในจิตเลย ที่จะเอาออกไปได้ไม่ใช่วิสัยของอกุศล แต่ต้องเป็นปัญญาความเข้าใจถูกต้อง และอบรมคุณความดีทุกอย่าง
~ วันหนึ่งๆ ถ้าจะสะสมกุศลจริงๆ ได้มาก แต่เพราะไม่รู้ก็ไม่ได้สะสม เพราะฉะนั้น อกุศลก็ต้องมากกว่า
~ ยังเป็นอกุศลเมื่อไร มีความไม่รู้ตรงนั้น โลภะเกิดเมื่อไร มีความไม่รู้ตรงนั้น โกรธเกิดเมื่อไร ก็มีความไม่รู้ตรงนั้น
~ ให้ร้ายเราตลอด แกล้งเราตลอด โทษอยู่ที่ใคร? โทษอยู่ที่เขา เราเดือดร้อนอะไร ไม่มีใครทำให้เราเกิดกิเลสได้ นอกจากกิเลสของเราเอง
~ ทุกคนมีอวิชชา มีโลภะ มีความติดข้อง โกรธ มานะ ความสำคัญตนต่างๆ ไม่ได้รู้เลยว่า ไม่ดี แต่ก็มี และถึงรู้ว่า ไม่ดี แต่ก็ยังมี เพราะเหตุว่าปัญญายังไม่ถึงขั้นที่จะรู้จริงๆ ที่จะประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมได้ แต่เพียงปัญญาเล็กน้อยขั้นฟัง ก็ยังเห็นประโยชน์อย่างนี้ และถ้าเพิ่มมากขึ้นจะเป็นอย่างไร
~ พระธรรมที่ทรงแสดงไว้ด้วยดีแล้วโดยประการทั้งปวง ก็เป็นที่พึ่งจริงๆ เพราะเหตุว่าปัญญาเท่านั้นที่สามารถเห็นโทษของอกุศล เพราะว่าทุกคนมีอกุศล แล้วก็ฟังธรรม ก็ยังมีอกุศล แสดงว่าความเห็นโทษของอกุศลยังไม่พอ ไม่ใช่ไม่รู้ ถามก็รู้ว่า อกุศลมีโทษมาก แต่ก็ยังมี เพราะเหตุว่า บังคับบัญชาไม่ได้
เพราะฉะนั้น ต้องอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น ไม่ใช่ไปคิดเอง ไปทำเอง แต่เข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ซึ่งกำลังมีจริงๆ ในขณะนี้เพิ่มขึ้น นี่ก็เป็นหนทางเดียว และจะเห็นคุณจริงๆ ว่า ถ้าขณะใดก็ตามกำลังโกรธ พอระลึกถึงความจริง ขณะนั้นไม่โกรธแล้วได้ ใช่ไหม? แทนที่จะโกรธ ก็มีเมตตาด้วยได้ เห็นคุณของปัญญาไหม? ปัญญาเพียงเข้าใจแค่นี้ก็ยังมีคุณอย่างนี้ และถ้าเป็นปัญญาที่ยิ่งกว่านี้ คุณของปัญญานั้นจะมากสักแค่ไหน
~ ถ้าเป็นอกุศลวิตก (ตรึกไปด้วยอกุศล) ก็นำไปสู่ทางต่ำ คิดก็ต่ำ วาจาก็ต่ำ การกระทำก็ต่ำ เพราะเหตุว่า เป็นอกุศล ใจก็ผูกโกรธ แล้ววาจาก็ทำลายคนอื่นได้ กิริยาอาการก็ทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้ นั่นคือสภาพของอกุศลวิตกซึ่งเป็นมรรค เป็นหนทางที่จะนำไปสู่อบายภูมิ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน
~ ถ้าจากโลกนี้ไป ลืมชาตินี้หมดเลย แม้แต่เมื่อวานนี้ ยังลืมเลย ทุกคนอาจจะตายเดี๋ยวนี้ ก็ได้ เย็นนี้ ก็ได้ พรุ่งนี้ ก็ได้ เพราะฉะนั้น ขณะนั้นลืมทั้งหมดของชาตินี้ สิ่งที่เราชอบมาก อยากได้มากๆ หรือสิ่งที่เราไม่ชอบเลย ไม่ได้ตามไปถึงชาติหน้า แต่ความชอบ ความไม่ชอบ ตามไป
~ ถ้าเห็นนรกจริงๆ จะรู้ว่า อกุศลกรรมทั้งหลายไม่ควรกระทำเลย เพราะเหตุว่า จะต้องได้รับผลที่เป็นทุกข์มาก
~ น่ากลัวมากทีเดียวสำหรับอบายภูมิ เพราะเหตุว่าใกล้ ไม่ไกล ถ้ารู้สึกว่าไกล ก็ไม่ค่อยกลัว แต่ถ้าคิดว่าใกล้ อาจจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ เดือนนี้ ปีนี้ ก็อาจจะเห็นโทษของอกุศลแล้วก็เจริญกุศลยิ่งขึ้น
~ ความดี ไม่ต้องรั้งรอ เดี๋ยวนี้เลย เติมความดีทุกๆ วัน เดี๋ยวนี้ทำดีด้วยการฟังพระธรรม แล้วเวลาที่ไม่ได้ฟังพระธรรม ก็ทำดีได้เหมือนกัน เป็นมิตรกับใคร ก็ดีทันที ช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่น ก็ดีทันที
~ เมื่อพูดถึงเรื่องของความตายก็ควรที่จะเป็นประโยชน์ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอนช้าหรือเร็ว ไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีใครที่จะรู้ได้เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป จะไปสู่ทางไหน จะเป็นคนดี หรือ คนเลว ที่ไป ก็อยู่ที่ขณะนี้
~ กิเลสทำหน้าที่ของกิเลส คือ โลภะเขาก็มีกิจหน้าที่ของเขา คือ ติดทุกสิ่งทุกอย่าง เห็นแล้วก็ชอบอยากได้ ได้ยินเสียงก็ติดข้อง มีความยึดมั่นไม่สละ นั่นคือกิจของโลภะ ถ้าโทสะก็เป็นสภาพที่หยาบกระด้าง ขณะใดที่เกิดขึ้นเขาก็แข็งกระด้าง ขุ่นเคือง ทำร้ายทำลายทุกอย่าง นั่นคือลักษณะของโทสะ
~ เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มีข้อที่น่าคิดอย่างหนึ่งว่า ท่านที่ทำความดี ท่านทำเพราะอยากจะได้ผลดี หรือว่าท่านทำดีเพื่ออะไร หรือเพราะอะไร? นี่เป็นสิ่งที่น่าคิด ถ้าทุกคนในโลกนี้จะทำดีเพื่อหวังผล คือหวังที่จะได้สิ่งตอบแทนที่ดี ในขณะที่หวังจะได้สิ่งตอบแทนที่ดี ขณะนั้นไม่ใช่กุศลจิตแน่ เพราะเหตุว่ายังเต็มไปด้วยความหวัง ความติด ความต้องการ
~ เพื่อนดี มิตรดี สหายดี คือผู้ที่ชักชวนเกื้อกูลกันในกุศลธรรม ที่จะทำให้เจริญมั่นคงขึ้นในกุศลธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเหตุว่าถ้าได้ยินได้ฟังสิ่งใดมาก ก็มักจะคล้อยไปน้อมไปสู่ความเห็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีเพื่อนที่ดี ที่ชักชวนให้ทำกุศลธรรมเนืองๆ ก็จะทำให้เพิ่มพูนมั่นคงในกุศลกรรมยิ่งขึ้น
~ ความดีเป็นสิ่งที่ทำได้ แล้วควรทำ แล้วก็ทำบ่อยๆ ก็จะมีกำลังขึ้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์จริงๆ ของความดี ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนจะได้รับ ก็เพราะมาจากความดีเป็นเหตุ สิ่งที่ไม่ดี จะนำสิ่งที่ดีมาให้ไม่ได้เลย
~ ไม่ให้อกุศลเกิด ห้ามไม่ได้ แม้แต่เดี๋ยวนี้อกุศลก็ยังเกิดได้ เพราะฉะนั้น พระธรรมเท่านั้น ซึ่งน่าอัศจรรย์ เมื่อมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ปัญญาซึ่งเป็นความเห็นถูกที่ถูกต้องก็จะทำให้ไม่หวั่นไหวหรือว่าหวั่นไหวน้อยลง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และทำสิ่งที่ถูกต้อง
~ เคยโกรธใคร เคยเกลียดใคร คนนั้นไม่ติดตามเราไปในภพหน้า แต่ความโกรธของเราติดตามไป ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลให้ค่อยๆ ขัดเกลาสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากจิตได้
~ พระธรรมทั้งหมดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เมื่อมีปัญญาแล้ว กาย วาจา ของเราก็จะดีขึ้น คนที่เคยพูดคำที่ไม่น่าฟัง แต่พอเข้าใจในความเป็นเพื่อนและคิด ว่า คนอื่นก็ไม่อยากได้ยินคำอย่างนี้ จะหยุด แม้ว่ากำลังจะกล่าวคำที่ไม่น่าฟัง นี่คือ ความเมตตา คือ ความเป็นเพื่อน ทุกกรณี ทุกสถานการณ์ เป็นประโยชน์
~ ถ้ามีทางใดที่ใครจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องและพ้นจากความเห็นผิดที่จะติดตามไปทุกชาติ ก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพราะถ้าเห็นผิดในชาตินี้แล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็จะเห็นผิดติดตามไปอีกประมาณไม่ได้เลยใครก็ช่วยไม่ได้
~ ธรรมที่เป็นฝ่ายกุศลที่สะสมมายังไม่มากพอที่จะเท่ากับทางฝ่ายอกุศล ถ้าเห็นอย่างนี้จริงๆ ก็ยิ่งต้องเพิ่มความเพียรทางฝ่ายกุศลขึ้น ความเพียรขั้นต้นของการเจริญกุศล ก็คือ ต้องเพียรฟังพระธรรมให้เข้าใจเพิ่มขึ้น ไม่ใช่วันนี้วันเดียว แต่ว่าในวันอื่นๆ ต่อไปด้วย



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๖๙


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย capacitor4  วันที่ 24 ก.ค. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย jaturong  วันที่ 25 ก.ค. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย มังกรทอง  วันที่ 25 ก.ค. 2565

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธู สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 25 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย เข้าใจ  วันที่ 25 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย petsin.90  วันที่ 25 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย tim7755tim  วันที่ 26 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนากุศลค่ะท่านอาจารย์


ความคิดเห็น 8    โดย เจียมจิต สุขอินทร์  วันที่ 26 ก.ค. 2565

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส...

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย Lai  วันที่ 27 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย เมตตา  วันที่ 28 ก.ค. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย เมตตา  วันที่ 28 ก.ค. 2565

ขอบพระคุณ และยินดีในความดี ของ อ.คำปั่น และทุกได้ท่านค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย เมตตา  วันที่ 28 ก.ค. 2565

ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย มังกรทอง  วันที่ 29 ก.ค. 2565

ฟังธรรมะ (ฟังแล้วฟังอีก) เข้าใจในธรรม (สิ่งที่มีจริง) ย่อมน้อมสู่ตน (จิต,เจตสิก) ซึ่งล้วนมิใช่เรา ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ