ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๙๕
โดย khampan.a  16 มิ.ย. 2556
หัวข้อหมายเลข 23055

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๙๕]

--- ไม่ชอบคำร้าย แต่เมื่อยังมีกิเลส ก็ยังมีเหตุที่จะให้กล่าวคำร้าย แต่สติที่ระลึกได้ จะเป็นประโยชน์ เพราะจะเห็นว่า คำใดควรกล่าว คำใดไม่ควรกล่าว แล้วคำพูดที่ดี ก็ยังจะดีขึ้นอีกได้เรื่อยๆ ตามสภาพของกุศลจิต เพราะว่านอกจากจะเป็นคำพูดที่มีประโยชน์ เป็นคำจริง ก็ยังจะพูดด้วยคำที่ไพเราะน่าฟังด้วยได้ แต่ถ้าสติไม่เกิด ระลึกไม่ได้ ก็ยังจะกล่าวคำไม่ดีต่อไป

--- ทุกคนมีนิสัย นิสัยหมายความว่า อะไร? นิสัย หมายความว่า การที่เราประพฤติเป็นไปบ่อยๆ อย่างคนโกรธบ่อย ก็ขี้โกรธ ก็มีนิสัยโกรธ แต่เมื่อเป็นนิสัยที่มีกำลัง ยิ่งเกิดได้มาก ด้วยเหตุนี้ การฟังธรรม เป็นนิสัยคือเริ่มมีนิสัยใหม่ คือ นิสัยฟังธรรม จนกระทั่งเป็นอุปนิสัยมีกำลังที่จะทำให้เราไม่ขาดจากการฟัง ใครก็ตามที่ไม่ขาดการฟังพระธรรมคนนั้นมีอุปนิสัยในการฟัง แต่ต้องมาจากนิสัย คือ เริ่ม ค่อยๆ อบรมให้มีขึ้น

--- ไม่ว่าจะเป็นการกระทำการช่วยเหลือบุคคลหนึ่ง บุคคลใดกระทำกิจในพระธรรมโดยการศึกษา โดยการอ่าน โดยการสนทนา โดยการเกื้อกูลบุคคลหนึ่งบุคคลใดก็ตาม ขณะนั้นเป็นสติทั้งนั้น ถ้าสติไม่เกิด การกระทำอย่างนั้นๆ ก็เกิดไม่ได้

ประโยชน์อยู่ที่แต่ละคน กว่าจะได้เจอกันในสังสารวัฏฏ์ เราก็ไม่รู้ว่าอาจจะเคยเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนฝูง เคยเป็นญาติมิตรกันมา แล้วก็จากแต่ละชาติๆ ไป มีโอกาสได้พบในสิ่งที่ดี ก็คือ ฟังธรรม ด้วยกัน

ทุกท่านที่ตื่นแต่เช้า ฟังพระธรรม ถ้าสติไม่เกิดที่จะฟังพระธรรม กุศลจิตก็ไม่มีแล้ว แล้วก็ไม่ฟังแน่ เพราะบางท่านตื่นมาก็ไม่ได้ฟัง ก็ลองเปรียบเทียบดูระหว่างท่านที่ตื่นแล้วฟัง กับท่านที่ตื่นแล้วไม่ฟัง ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์บุคคล ที่มีการฟังพระธรรมในขณะนั้นคือสตินั่นเองที่ระลึกที่จะฟังพระธรรม

อสัทธรรม คือ ธรรมที่ไม่ได้นำไปสู่ความสงบคือการดับกิเลส ไม่ได้ทำให้

เกิดความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏ

สิ่งที่ผิด ต้องผิด ใครจะกล่าวอย่างไรก็ตาม เมื่อผิดก็ต้องผิด แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ถูก แล้ว ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร จะกล่าวมากกล่าวน้อยอย่างไร แต่ความถูกต้อง ก็ต้องเป็นอย่างนั้น

ถ้าเราไม่มีการพิจารณาไตร่ตรองให้เป็นปัญญาของเราจริงๆ เราก็จะมีความเห็นผิดเกิดขึ้นได้

หลงทาง ได้ง่ายมาก เพราะอวิชชา และ โลภะ มีมาก

โลภะ เป็นโลภะ โทสะ เป็นโทสะ โมหะ เป็น โมหะ ไม่ว่าจะเกิดกับใครก็ตาม

จะชำระล้างสิ่งที่ไม่ดี ได้นั้น ไม่ใช่ด้วยความไม่ดี แต่ต้องด้วยความดีที่มีกำลัง

เพิ่มขึ้นพร้อมกับการศึกษาพระธรรม

แต่ละภพแต่ละชาติถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมเลย ก็ไม่ต่างอะไรกันเลย ไม่ว่าจะเกิด

เป็นใครก็ตาม เพราะจะมีแต่สะสมความไม่รู้และโลภะตลอดจนถึงกิเลสประการอื่นๆ

มากขึ้น

ฟังพระธรรมให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ นี้คือ ความเป็นผู้ไม่ประมาทในการฟัง

พระธรรม

ชีวิตที่มีค่าที่สุด คือ ได้เข้าใจพระธรรม และสะสมความดี ทั้งหมด เพราะอกุศล

ยังมีอยู่มากทีเดียว

การเป็นอุบาสก อุบาสิกาจริงๆ คือ ผู้รู้คุณค่าของพระธรรม มีพระรัตนตรัยเป็น

ที่พึ่ง ความเข้าใจพระธรรมจะทำให้อยู่ใกล้พระรัตนตรัย

ถ้าไม่พูดถึงสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ให้เข้าใจขึ้น ก็ไม่ใช่การสนทนาธรรม

เป็นคนเลว เพราะธาตุเลว (อกุศลจิตและอกุศลเจตสิก) เกิดขึ้นเป็นไป

เป็นคนดี เพราะธาตุดี (จิตและโสภณเจตสิก) เกิดขึ้นเป็นไป

ที่มีการวิรัติงดเว้นจากสิ่งที่ไม่ดี ตลอดจนถึงน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม

ก็เพราะสติเกิดขึ้นระลึกเป็นไปในกุศล

ที่กล่าวถึงโมฆบุรุษ ซึ่งเป็นคนที่ว่างเปล่าจากคุณความดี ว่างเปล่าจากความ

เข้าใจถูกเห็นถูก เป็นต้น นั้น ก็ย่อมเป็นเครื่องเตือนที่ดีว่า ตนเองเป็นอย่างนั้นหรือไม่

เพื่อจะได้เป็นผู้ไม่ประมาทในการสะสมความดีและฟังพระธรรมให้เข้าใจ ต่อไป

ชีวิตอาจจะอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้ก็ได้ แล้วจะรีบๆ ทำอะไร ควรหรือไม่ที่จะรีบทำใน

สิ่งที่ไม่ดี? ก็ย่อมไม่ควรอย่างแน่นอน

บังคับให้เข้าใจก็ไม่ได้ อยากให้เข้าใจก็ไม่ได้ นอกจากฟังความจริง ว่า ทุก

อย่างเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย แล้วค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละ

เล็กทีละน้อย และในที่สุดก็จะสามารถเข้าใจสิ่งที่ที่มีจริงๆ ในขณะนี้ได้

ถ้าเป็นผู้ที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรม ยังไม่ได้พิจารณาพระธรรม ยังไม่ได้อบรมเจริญ

ปัญญา ก็ลองคิดดูว่า ชาตินี้ทั้งชาติจะจบลงอย่างไร ก็ต้องไปกับด้วยกิเลสที่หนา

ขึ้นๆ ทุกวัน แต่ถ้ามีโอกาสได้ฟัง ละคลายความไม่รู้ อบรมเจริญกุศลทุกประการเพิ่มขึ้น

ก็เป็นชาติที่มีประโยชน์ เมื่อกระดูกทุกชิ้นยังรวมกันอยู่ ยังไม่กระจัดกระจาย

ก็ควรที่จะให้เป็นประโยชน์ในการที่จะได้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้น.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๙๔ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๙๔...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 16 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ

- การจะปกป้องพระพุทธศาสนา ต้องเริ่มจากตัวเอง เหมือนคำกล่าวที่ว่า ทุกคนอยากจะแก้สังคม แต่ไม่ได้แก้ตัวเองก่อน ก็ไม่สามารถจะแก้สังคมได้ เพราะ

สังคมก็เกิดมาจาก บุคคลแต่ละคน รวมกันนั่นเอง แม้พระพุทธศาสนาประกอบด้วย

บริษัท ๔ ดังนั้น เมื่อเราเริ่มที่ตัวเอง เข้าใจธรรมถูกต้อง ก็สามารถดำรงและปกป้อง

พระศาสนาไว้ได้ เพราะว่า ย่อมเข้าใจหนทางที่ถูก และเผยแพร่ในสิ่งที่ถูกต้อง

พระสัทธรรมก็ย่อมดำรงอยู่ได้ เพราะเราเข้าใจสิ่งที่ถูก และเผยแพร่สิ่งที่ถูก เมื่อ

พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ เพราะอาศัยความเห็นถูกจากตัวเรา ก็ชื่อว่าได้ปกป้องพระ

พุทธศาสนา เพราะเมื่อพระสัทธรรมเสื่อม พระพุทธศาสนาก็เสื่อม

- โดยมากเรามักจะโทษสภาพแวดล้อม หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น อาชีพการงาน

ว่าทำให้เราทุกข์ แต่ลืมพิจารณาไปว่า เหตุที่ทุกข์ใจนั้น เพราะกิเลสของเราเอง

เพราะปรารถนาที่จะได้วิบากที่ดีๆ แต่ขอเรียนให้ทราบว่า ไม่มีใครสามารถเอา

ชนะวิบากกรรมได้เลย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร เพราะฉะนั้น การศึกษา

พระธรรมจึงเป็นหนทางเดียว ที่จะทำให้เข้าใจชีวิตได้อย่างถูกต้อง และความทุกข์ใจ

ก็จะเบาบางลงไปตามลำดับ

- อะไรก็ตามที่จะเตือนให้ได้พิจารณาธรรม เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แม้ว่าจะเป็นวัน

เดือน ปี ที่ผ่านไป และชาวโลกนิยมนับถือกันว่าปีใหม่และปีเก่าก็ตาม แต่ว่าสำหรับ

ผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมก็ยังอาศัยเหตุนั้นเป็นเครื่องระลึกได้ว่า ได้มีความเข้าใจ

ในสภาพธรรมมากน้อยแค่ไหน เพิ่มขึ้นแล้วมากน้อยแค่ไหน เพราะคำว่า “พหูสูต”

คือ ผู้ที่ฟังพระธรรม แล้วเข้าใจอรรถของพระธรรม ถึงแม้จะเป็นผู้ที่ฟังน้อย เพราะ

คงจะมีส่วนมากทีเดียว ที่ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎกจบทั้งอรรถกถา ฎีกา แต่เป็นผู้

ที่พิจารณาข้อความที่ได้ฟังแม้น้อย โดยที่ไม่ผ่านไป

- เมื่อยังมีความความเห็นว่าเป็นตัวตนที่จะไปปฏิบัติอยู่ ก็ควรจะสอบทานความเข้าใจ

ให้ถูกตรงก่อน หากเริ่มต้นด้วยความมีตัวตน ก็ยากที่จะละความเห็นผิดที่เป็นมิจฉา-

มรรค เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เราเป็นสาวกคือผู้ฟัง ควรฟังก่อนที่จะไปทำสิ่งใดๆ

- เราต่างยังมีตัวตนด้วยกันทั้งนั้น สุขก็อยากอยู่กับมันนานๆ พอเริ่มทุกข์ ก็อยาก

จะโยนให้พ้นตัวให้เร็วที่สุด เราต่างมีตัวตนเป็นผู้บัญชาการ อย่าลืม เหตุและปัจจัย ที่ทำให้เกิดผล หนทางอีกยาวไกลกว่าจะถึงฝั่ง ค่อยๆ ฟัง และพิจารณาไตร่ตรอง คงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่จะละความเห็นผิดได้ ด้วยปัญญา และ ความขันติ เท่านั้น

- สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการศึกษาธรรม เพื่อความเข้าใจถูกว่า ไ ม่มีเรา นั้นคือ การที่ไม่ต้องไปพยายามที่จะเอาความเป็นเราออกไป ซึ่งไม่ใช่หนทางและทำให้เกิดความกังวลทุกข์ร้อน ซึ่งขณะนั้นก็เป็นกิเลส เป็นอกุศลจิตที่เกิดขึ้นด้วยตัวตนที่จะเอาความเป็นเราออกไป เป็นกิเลส เป็นความต้องการ ที่จะหมดความมีตัวตนเร็วๆ ไวๆ แนวทางที่ถูก คือ ฟังให้เกิดความเข้าใจถูก ในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง สะสมความเห็นถูก มากขึ้นๆ เป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่ง เหตุปัจจัยที่ถูกต้อง เป็นเหตุใหม่ที่มั่นคงในความเห็นถูกว่า ไม่มีเรา มั่นคงขึ้น จนถึงขั้นประจักษ์แจ้งในสัจจธรรม ความไม่มีเราได้

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 2    โดย เมตตา  วันที่ 16 มิ.ย. 2556

ขอร่วมปันธรรมด้วยค่ะ

ก่อนฟังธรรม... ชีวิตนำไปสู่ความไม่รู้ทุกสถานการณ์ เมื่อได้ฟังธรรมแล้ว....

ความเข้าใจนั้นไม่ได้หายไปไหนเลย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในชีวิตประจำวันทุกสถาน

การณ์ ภัยมา ประสพทุกข์ยากต่างๆ มีอะไรที่จะทำให้ไม่หวั่นไหว ก็คือ ความ

เข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ขณะนี้ว่า... ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา

ผู้อยู่ใกล้พระรัตนตรัย มีความเข้าใจถูกเห็นถูก แล้วจะหวั่นไหวไหม

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ อ.เผดิมที่แบ่งปันธรรมที่มีค่ายิ่งค่ะ...


ความคิดเห็น 3    โดย เข้าใจ  วันที่ 16 มิ.ย. 2556

ขอบคุณครับ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย bsomsuda  วันที่ 16 มิ.ย. 2556

เป็นคนเลว เพราะธาตุเลว (อกุศลจิตและอกุศลเจตสิก) เกิดขึ้นเป็นไป

เป็นคนดี เพราะธาตุดี (จิตและโสภณเจตสิก) เกิดขึ้นเป็นไป

ที่มีการวิรัติงดเว้นจากสิ่งที่ไม่ดี ตลอดจนถึงน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดี

งาม ก็เพราะสติเกิดขึ้นระลึกเป็นไปในกุศล

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย j.jim  วันที่ 17 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย pat_jesty  วันที่ 17 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 17 มิ.ย. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย Noparat  วันที่ 17 มิ.ย. 2556

จะชำระล้างสิ่งที่ไม่ดี ได้นั้น ไม่ใช่ด้วยความไม่ดี แต่ต้องด้วยความดีที่มีกำลัง

เพิ่มขึ้นพร้อมกับการศึกษาพระธรรม

ชีวิตที่มีค่าที่สุด คือ ได้เข้าใจพระธรรม และสะสมความดี ทั้งหมด เพราะอกุศล

ยังมีอยู่มากทีเดียว

- เราต่างยังมีตัวตนด้วยกันทั้งนั้น สุขก็อยากอยู่กับมันนานๆ พอเริ่มทุกข์ ก็อยาก

จะโยนให้พ้นตัวให้เร็วที่สุด เราต่างมีตัวตนเป็นผู้บัญชาการ อย่าลืม เหตุและปัจจัย ที่ทำให้เกิดผล หนทางอีกยาวไกลกว่าจะถึงฝั่ง ค่อยๆ ฟัง และพิจารณาไตร่ตรอง คงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่จะละความเห็นผิดได้ ด้วยปัญญา และ ความขันติ เท่านั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย jaturong  วันที่ 17 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย daris  วันที่ 18 มิ.ย. 2556

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ


ความคิดเห็น 11    โดย kinder  วันที่ 18 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย orawan.c  วันที่ 19 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย papon  วันที่ 22 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 14    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 24 มิ.ย. 2556
ขอบคุณและขออนุโมทนา

ความคิดเห็น 15    โดย kullawat  วันที่ 22 เม.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 16    โดย Jarunee.A  วันที่ 13 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ