
หวังอะไร?! หวังคืออาสาเป็นโลภะ ... เป็นเราไหม?? เป็น ... เห็นโทษหรือยัง!! เป็นโทษเพราะเป็นเราด้วยความไม่รู้ ... ถ้าไม่รู้ว่าหวังเป็นโทษก็ยังคงหวังต่อไป ถ้าเหตุปัจจัยไม่ดีก็จะไม่ได้ตามสิ่งที่หวังที่รอคอย ด้วยความไม่รู้ก็เป็นเราที่หวังไปทั้งหมดด้วยความเป็นเราทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นมีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งว่าความหวังเป็นสภาพธรรมะที่เป็นโทษ ทรงแสดงธรรมที่ตรงไม่ขัดแย้งกันเลยเพราะความจริงเปลี่ยนไม่ได้
เพราะรู้เองไม่ได้จึงต้องอาศัยคำของพระพุทธเจ้า
เพราะเดี๋ยวนี้มีจริงก็ไม่รู้แล้วจะละได้อย่างไร?! ถ้าอารมณ์ไม่ปรากฏแล้วจะหวังอะไร เมื่ออารมณ์ปรากฏก็หวังในอารมณ์นั้นแล้ว
เดี๋ยวนี้มีชีวิตแต่ไม่รู้ว่าชีวิตคืออะไร ... ถ้าไม่มีธาตุรู้ก็ไม่มีชีวิตและไม่หวัง
ความหวังได้ชีวิตที่แสนละเอียด หวังเดี๋ยวนี้แล้วไม่พอ ยังหวังต่อไปอีก ... เห็นเดี๋ยวนี้แล้วก็ไม่พอ ยังหวังจะเห็นอีก แม้อยู่ตรงนี้ยังไม่ลุกไปไหน ก็ยังหวังจะอยู่ตรงนี้ต่อไปยังไม่ลุก
ไม่ต้องหวังก็มีใช่ไหมถ้ามีเหตุ ... แล้วหวังทำไม???
เมื่อไม่รู้สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ตราบใด ก็ไม่มีทางหวังที่จะหยุดได้
เป็นประโยชน์ทุกครั้งที่ได้ฟังได้สนทนาธรรมถึงสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ... เป็นประโยชน์ เป็นเครื่องเตือนที่มีประโยชน์สำหรับผู้ฟัง
จะรู้ธรรมทั้งที่ธรรมกำลังปรากฏ ... แสดงความลึกซึ้งแค่ไหน เห็นทุกวันแต่ไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นก็ไม่รู้จักเห็นทั้งๆ ที่เห็นเกิดขึ้นเห็นและดับ จะรู้จักเห็นต้องได้ฟังสิ่งที่ลึกซึ้งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงด้วยความอดทน อีกนานเท่าไหร่เพราะไม่รู้มานานมากและยังเป็นเราตลอดเวลา กว่าจะมีโอกาสได้ฟังได้เห็นความละเอียดลึกซึ้งว่าเป็นธรรมะแต่ละอย่างไม่ได้ปนกันเหมือนอย่างนี้เลย
ยังไม่สามารถรู้จักเห็นได้เลยถ้าไม่ได้ฟังบ่อยๆ นี่คือจุดประสงค์ของการฟังธรรมะ ฟังธรรมเพราะว่ามีสิ่งที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้แต่ไม่รู้ จึงต้องฟัง จึงต้องศึกษาเพื่อค่อยๆ รู้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น
เห็นคุณของพระพุทธเจ้าไหมที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีตรัสรู้ความจริงของเห็นที่ไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยให้ได้เข้าใจเห็นถูกต้องตามความเป็นจริง ... แล้วเรามีบารมีหรือยัง หรือมีแต่ความอยากรู้!!!
ไม่มีทางเลยที่เราจะรู้ธรรมะได้โดยขาดบารมี
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ