ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๒๙
โดย khampan.a  10 ส.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 50646

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๒๙


~ มีใครเป็นที่พึ่งที่สูงสุดในชีวิต ซึ่งไม่มีทางที่จะผิดเลย ผู้นั้น คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เมื่อได้ยินคำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความเคารพในคำของพระองค์ที่ทรงแสดงเพื่อประโยชน์ทั้งหมดตลอด ๔๕ พรรษา คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อทุกคน
~ การฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ได้ฟังพระธรรม เหมือนได้เฝ้าเฉพาะพระพักตร์ ฟังทุกคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้วเพื่อผู้ที่มีโอกาสมีปัจจัยที่จะได้ฟังจะได้ไตร่ตรอง พิจารณา ประโยชน์อย่างยิ่งคือ ความเข้าใจของตนเอง ซึ่งความเข้าใจนี้ไม่ง่าย เพราะว่า คำนั้นเป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสจากการที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนานกว่าจะรู้ความจริง เพราะฉะนั้น แต่ละคำที่ตรัส ก็มาจากพระปัญญาคุณที่ได้ตรัสรู้ความจริง
*** ~ ไม่รู้จักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ศึกษา ไม่มีเวลา หมายความว่าอย่างไร? อย่างอื่นสำคัญกว่า มีเวลาสำหรับอย่างอื่น แต่การที่จะได้ฟังพระธรรมแม้เพียงฟังยังไม่มีเวลา แล้วจะเป็นคนที่เข้าใจธรรมได้ไหม? เมื่อไม่เข้าใจธรรม แล้วเป็นชาวพุทธหรือเปล่า?***
~ กตัญญู หมายความว่า รู้คุณ ถ้าไม่เข้าใจธรรม จะรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไหม? เพราะฉะนั้น ผู้รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ผู้ที่เข้าใจคำที่พระองค์ตรัส เมื่อได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีแล้วถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ถ้ามีความเข้าใจแล้วในความเป็นธรรมที่ไม่ใช่เรา ต่อไปนี้อ่านอะไรในพระไตรปิฎก ก็สามารถรู้ได้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงธรรมเท่านั้น ทุกอย่างเป็นธรรม
~ ทุกขณะตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกวัน เป็นธรรมทั้งหมด ซึ่งเมื่อฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่าไม่มีเรา
~ เหตุที่ไม่ดี เกิดแล้ว จะนำมาซึ่งผลที่ไม่ดีในวันหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ว่า ผลที่จะเกิดขึ้นนั้น จะมาในลักษณะใด ซึ่งไม่มีใครชอบ ดังนั้น ถ้าไม่ชอบผลที่ไม่ดี ก็ต้องทำเหตุที่ดีเท่านั้น
~ คนที่ไม่เข้าใจ นั้น มีมาก จึงไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น หนทางเดียว ก็คือว่า มีทางใดที่จะช่วยให้คนได้เข้าใจอย่างถูกต้อง ก็ทำ ไม่รีรอ เพราะใครจะรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปวันไหน
~ โกรธกับไม่โกรธ อย่างไหนดี? เห็นโทษหรือยังว่า โกรธไม่ดีแน่ ไม่โกรธดีกว่า ถ้าเห็นประโยชน์จริงๆ ด้วยปัญญา ผู้นั้นก็จะค่อยๆ ละคลายความโกรธ และเห็นประโยชน์ของความสงบ มั่นคงในความสงบ
~ การสละกิเลส ซึ่งไม่ใช่เพียงสละวัตถุเป็นทานเพื่อประโยชน์สุขของบุคคลอื่น เพราะนั่นเป็นประโยชน์บุคคลอื่น แต่นี่เป็นจาคะ เป็นการสละ เป็นประโยชน์ตน เพราะว่าเมื่อสละวัตถุเพื่อบุคคลอื่นแล้ว ก็ยังจะต้องพิจารณาถึงกายวาจาของตน ซึ่งควรจะเป็นกุศลด้วย มิฉะนั้นก็เพียงแต่สละวัตถุเพื่อประโยชน์สุขของบุคคลอื่น แต่ไม่ได้พิจารณาที่จะสละกิเลสของตนเพื่อขัดเกลาตนเอง เพื่อประโยชน์แก่ตนเอง
~ สำหรับอธิษฐานบารมี ความมั่นคงในการเจริญกุศล เพื่ออบรมเจริญปัญญาขัดเกลาละคลายกิเลสนั้น บางท่านก็น้อยมาก จะเห็นได้ว่า ไม่มั่นคงพอ ทั้งๆ ที่รู้ว่ากุศลเป็นสิ่งที่ดี ควรจะมีมากๆ ควรจะเจริญ ควรจะสะสม และควรมีความมั่นคงขึ้นด้วย แต่แม้กระนั้นก็จะเห็นได้ว่า ยากที่จะมั่นคง เพราะว่า ทุกคนมีอกุศลมากมายพร้อมที่จะทำให้กุศลรวนเร กลับกลอก ไม่มั่นคง เพราะว่าจิตใจเปลี่ยนแปลง เกิดดับรวดเร็ว ถ้าอกุศลน้อยลง ความมั่นคงของอธิษฐานบารมี ก็จะมากขึ้น
~ ต้องเป็นผู้ที่รู้ตนเองว่ามากมายด้วยอกุศล และการที่จะละคลาย การที่จะดับต้องอบรมเจริญกุศลทุกประการ และไม่ใช่เพียงคิด คิดแล้วไม่ทำก็มีหลายคน ซึ่งเป็นเรื่องกำลังของกุศลที่ยังไม่พอให้เป็นผู้ที่ตรงและเป็นสัจจะ คือ คิดอย่างไร ทำอย่างนั้น ตรงทั้งกายทั้งวาจาต่อความคิดที่เป็นกุศล ซึ่งจะสังเกตได้ว่า ต้องอาศัยสังขารขันธ์ที่จะปรุงแต่งต่อไปอีกที่จะทำให้ไม่เพียงเพิ่งจะคิด แต่ไม่ทำ เพราะฉะนั้น จากคิด ก็ยังต้องอบรมสะสมบารมีด้วยการกระทำจริงต่อกุศลธรรมนั้นๆ ด้วย จนกว่าจะเป็นกุศลที่มีกำลังขึ้น เพราะฉะนั้น บารมีจึงมีมาก กว่าจะเป็นผู้ที่มั่นคงในบารมีทั้งหลายได้จริงๆ
~ ถ้ารู้จักตัวเองจากการฟังพระธรรมและเห็นภัยของอกุศลซึ่งไม่ได้นำอะไรมาให้เลยนอกจากความสลบไปเพราะพิษของกิเลสต่างๆ เท่านั้น แล้วเมื่อไหร่จะฟื้นขึ้นมาสักที ซึ่งก็ต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานมากในการอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
~ ผู้ใดที่ยอมรับความจริงที่รู้ว่าตนเองไม่ดี ผู้นั้นก็เริ่มที่จะอบรมเจริญกุศลที่จะขัดเกลาอกุศลทั้งหลายให้เบาบาง แต่ตราบใดถ้ายังคิดว่าดีแล้ว อกุศลก็จะเพิ่มมากขึ้น เพราะเหตุว่า ไม่คิดที่จะละอกุศล เพราะเข้าใจว่าดีแล้ว
~ ทรัพย์ที่ประเสริฐยิ่งกว่าทรัพย์อื่นใด คือ ความเห็นถูกความเข้าใจถูกหรือปัญญานั่นเอง เพราะว่าถึงแม้ว่าเราจะมีทรัพย์อื่นก็ไม่สามารถที่จะพ้นจากความทุกข์ได้ อาจจะเป็นห่วง แล้วยิ่งมีทรัพย์มากก็ยิ่งทุกข์มากก็ได้ แต่ว่าถ้ามีปัญญามีความเห็นที่ถูกต้องก็จะทำให้ละคลายอกุศลค่อยๆ หมดไป จนกระทั่งไม่เกิดอีกเลยได้
~ เราต้องพบคนมากมายอยู่เสมอ บางคนดี บางคนชั่ว และขณะนั้น
จิตของเราเป็นอะไร ตั้งแต่เช้ามาจนกระทั่งพบเขา เป็นอะไร สำคัญที่ไหน สำคัญที่เขาหรือสำคัญที่ตัวเราเองที่จะรู้ว่าไม่มีใครอยากไม่ดี แต่ไม่ดี เพราะไม่รู้ อันนี้แน่นอนที่สุด ถ้าปัญญาเกิด ไม่มีทางที่จะเป็นไปทางฝ่ายอกุศล แต่เพราะไม่มีปัญญา เพราะไม่รู้ จึงเป็นอกุศล
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เข้าใจแต่ละสิ่งซึ่งมีจริงๆ ว่าสิ่งใดก็ตามที่ปรากฏ สิ่งนั้น เกิดโดยเหตุปัจจัย ไม่มีใครที่สามารถจะไปทำให้เกิดขึ้นได้ เพราะทั้งหมดเป็นธรรม ต้องเริ่มเข้าใจทีละคำอย่างมั่นคง ทั้งหมด เป็นธรรม คำนี้ก็แสดงอยู่แล้วว่า ไม่มีเรา
*** ~ ความเข้าใจเท่านั้นที่จะทำให้เห็นโทษของอกุศลแล้วก็อบรมเจริญปัญญาตามลำดับขั้นโดยไม่ใช่เรา ขณะนั้นไม่โกรธก็ไม่ใช่เรา โกรธก็ไม่ใช่เรา จริงไหม ถูกไหม***
~ ทุกคนที่ได้เข้าใจธรรมแล้วก็คิดถึงคนอื่น เพราะในสังสารวัฏฏ์ไม่มีทางออกเลยก็จะต้องเป็นสุขเป็นทุกข์ไปแต่ละชาติซึ่งไม่รู้ว่าชาติไหนจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ใดที่ได้พบหนทาง ก็ควรที่จะมีจิตที่เป็นมิตรไมตรีที่จะให้คนอื่นได้รู้หนทางนั้นด้วย เพราะว่าหนทางนี้ยากที่จะรู้และน้อยคนที่จะรู้
*** ~ เกิดมาแล้วต้องไปแน่ๆ ต้องจากโลกนี้ไปอย่างแน่นอน อย่าคิดว่าอีกนาน เพราะอาจจะไม่นานเลย อาจจะเป็นวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้***


ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ 728


... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 10 ส.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ


ความคิดเห็น 2    โดย Jans  วันที่ 10 ส.ค. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย swanjariya  วันที่ 10 ส.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


ความคิดเห็น 4    โดย มังกรทอง  วันที่ 10 ส.ค. 2568

ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง
อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้
จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ
กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา


ความคิดเห็น 5    โดย shsso2551  วันที่ 10 ส.ค. 2568

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย jaturong  วันที่ 10 ส.ค. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย สิริพรรณ  วันที่ 11 ส.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลจิต อ.คำปั่นด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย nattawan  วันที่ 11 ส.ค. 2568

ยินดีในกุศลวิริยะค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย เมตตา  วันที่ 12 ส.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบยินดีในความดีทุกประการของ อ.คำปั่น ค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย AmpholSuttipo  วันที่ 13 ส.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กราบอนุโมทนาในคำสอนที่บริสุทธิ์ ลึกซึ้งและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ


ความคิดเห็น 11    โดย เมตตา  วันที่ 14 ส.ค. 2568

~ คนที่ไม่เข้าใจ นั้น มีมาก จึงไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น หนทางเดียว ก็คือว่า มีทางใดที่จะช่วยให้คนได้เข้าใจอย่างถูกต้อง ก็ทำ ไม่รีรอ เพราะใครจะรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปวันไหน

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบยินดีในความดีทุกประการของ อ.คำปั่น ค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย มังกรทอง  วันที่ 13 พ.ย. 2568

ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา