
[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 733
จะทราบชัดว่า อาศัยวัตถุอยู่ กรชกายชื่อว่า วัตถุ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมายเอาว่า ก็แลวิญญาณของเรานี้อาศัยอยู่ในกรชกายนี้ ผูกพันอยู่ในกรชกายนี้. โดยเนื้อความ พระโยคาวจรนั้นย่อมเห็นทั้ง (มหา) ภูตรูปทั้งอุปาทายรูป เมื่อเป็นเช่นนี้ในเวทนาบรรพนี้ พระโยคาวจรจะเห็นเพียงนามรูปเท่านั้นว่า วัตถุเป็นรูป เจตสิกธรรมมีผัสสะเป็นที่ ๕ เป็นนาม.และในข้อนี้ รูปได้แก่รูปขันธ์ นามได้แก่อรูปขันธ์ทั้ง ๔ เพราะฉะนั้น จึงมีเพียงเบญจขันธ์เท่านั้น. เพราะว่า เบญจขันธ์ที่จะพ้นจากนามรูปหรือนามรูปที่จะพ้นไปจากเบญจขันธ์ไม่มี.
พระโยคาวจรนั้น เมื่อพิเคราะห์ดูว่า เบญจขันธ์เหล่านี้มีอะไรเป็นเหตุ ก็จะเห็นว่า มีอวิชชาเป็นต้นเป็นเหตุ. แต่นั้นพระโยคาวจรจะยก (เบญจขันธ์) ขึ้นสู่ไตรลักษณ์ ด้วยอํานาจนามรูป พร้อมทั้งปัจจัยว่านี้เป็น (เพียง) ปัจจัย และสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น ไม่มีอย่างอื่นที่เป็นสัตว์หรือบุคคล มีเพียงกองสังขารล้วนๆ เท่านั้น แล้วพิจารณาตรวจตราไปว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามลําดับแห่งวิปัสสนา.
อ.วิชัย: ขอโอกาสร่วมสนทนากับท่านอาจารย์ในประเด็นเรื่องของ ข้อความใน อรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร ก็มีข้อความดังนี้ว่า
พระโยคาวจรนั้น เมื่อพิเคราะห์ดูว่า เบญจขันธ์เหล่านี้มีอะไรเป็นเหตุ ก็จะเห็นว่า มีอวิชชาเป็นต้นเป็นเหตุ. แต่นั้นพระโยคาวจรจะยก เบญจขันธ์ ขึ้นสู่ไตรลักษณ์ ด้วยอํานาจนามรูป พร้อมทั้งปัจจัยว่านี้เป็น เพียง ปัจจัย และสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น ไม่มีอย่างอื่นที่เป็นสัตว์หรือบุคคล มีเพียงกองสังขารล้วนๆ เท่านั้น แล้วพิจารณาตรวจตราไปว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามลําดับแห่งวิปัสสนา.
ท่านอาจารย์ครับ การที่จะเข้าใจในความเป็นธรรมะครับ ก็ทราบว่าเป็นการเข้าใจโดยลำดับ แม้ในขั้นปริยัติครับ การที่จะรู้ว่า สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ที่เป็นขันธ์เกิดขึ้นครับ มีอวิชชาเป็นเหตุครับ ก็ดูเหมือนกับเป็นการเพียงฟังแล้วก็ไม่ได้เข้าใจจริงๆ ว่า เห็นเดี๋ยวนี้หรือครับที่จะมีอวิชชาเป็นเหตุ ตามการศึกษาก็เพียงแต่รู้ว่า ตราบใดก็ตามที่ยังมีอวิชชาอยู่ ความเป็นไปของขันธ์ คือการเกิดดับสืบต่อกันก็ยังเป็นไปอยู่ครับ ดังนั้น การที่จะมีความเข้าใจอย่างละเอียด และก็ลึกซึ้งในความเป็นธรรมะที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ที่เกิดมีได้ เพราะอวิชชานี้จะมีความละเอียดในความเข้าอย่างไรครับ
ท่านอาจารย์: ใครเป็นพระโยคาวจร?
อ.วิชัย: ก็ผู้ที่มีความเพียรที่จะศึกษา และอบรมเจริญปัญญาครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น พูดแต่ละประโยคทีละประโยคเพื่อพิจารณาว่า เข้าใจซึ้งถึงความเป็นจริงอย่างมั่นคงหรือยัง?
อ.วิชัย: ครับ พระโยคาวจรนั้น เมื่อพิเคราะห์ดูว่า เบญจขันธ์ เหล่านี้มีอะไรเป็นเหตุ ...
ท่านอาจารย์: แค่นี้!! เมื่อพิเคราะห์ ไม่ใช่ผ่านเลยใช่ไหม?
อ.วิชัย: ไม่ได้ผ่านครับ
ท่านอาจารย์: แต่ ไตร่ตรอง รู้จักขันธ์หรือเปล่า พูดถึงขันธ์สำหรับผู้ที่รู้จักขันธ์จึงเข้าใจว่า ขันธ์คืออะไรใช่ไหม?
อ.วิชัย: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ขันธ์หรือเปล่า?
อ.วิชัย: เดี๋ยวนี้เป็นขันธ์ที่กำลังพูดสนทนากับท่านอาจารย์อยู่ครับ
ท่านอาจารย์: ขันธ์ที่กำลังพูด หรือแต่ละ ๑ ขันธ์คืออะไร?
อ.วิชัย: ครับ ก็ต้องละเอียดลงไปว่าเป็นแต่ละ ๑ ขันธ์ครับ
ท่านอาจารย์: แน่นอน!! ต้องรู้จักขันธ์จริงๆ ไม่ใช่แค่ได้ยินคำว่า ขันธ์ ไม่ใช่แค่ได้ยินว่า ขันธ์คืออะไร ไม่ใช่แค่ได้ยินว่าหมายถึงอะไร แต่เดี๋ยวนี้มีไหม และเดี๋ยวนี้ขันธ์อะไร? ถ้าไม่พิเคราะห์วิเคราะห์ จะสามารถรู้ได้หรือเปล่าว่า ไม่ใช่คำที่กล่าวถึงขันธ์ แต่เป็นตัวขันธ์จริงๆ เดี๋ยวนี้
อ.วิชัย: ถ้าไม่พิจารณาไตร่ตรองจนเป็นความเข้าใจว่า ขณะนี้เป็นธรรมแต่ละหนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นขันธ์ ก็ไม่รู้จักขันธ์ครับ เป็นเพียงจำคำว่า ขันธ์ และก็จำนวนของขันธ์ครับ
ท่านอาจารย์: เห็นไหม ลึกซึ้ง มีอะไรไม่ลึกซึ้งบ้าง?
อ.วิชัย: ครับ เพราะว่าอย่างถ้าผ่านๆ ไปโดยไม่ได้พิเคราะห์ หรือไตร่ตรอง ก็ดูเหมือนกับเข้าใจในความเป็นขันธ์แล้วครับ ไม่ยากที่จะกล่าวในความเป็นขันธ์ว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น มีจำนวนเป็นส่วนต่างๆ เป็น ๕ ขันธ์อย่างนี้ครับ ก็ดูเหมือนคล่องที่จะกล่าวในความหมายของคำว่า ขันธ์ครับ
ท่านอาจารย์: แต่ไม่รู้เลยว่า เดี๋ยวนี้เป็นขันธ์ใช่ไหม?
อ.วิชัย: ใช่ครับ ขณะที่กล่าวก็ไม่รู้ทั้งๆ ที่กล่าวเรื่องขันธ์ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ข้อความต่อไป ทีละเล็กทีละน้อย
อ.วิชัย: ครับ เมื่อพิเคราะห์เบญจขันธ์เหล่านี้มีอะไรเป็นเหตุ ก็จะเห็นว่า มีอวิชชา เป็นต้นเป็นเหตุ
ท่านอาจารย์: ค่ะ เดี๋ยวนี้รู้อะไรหรือเปล่า?
อ.วิชัย: เดี๋ยวนี้ไม่ได้รู้ความเป็นจริงครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ขันธ์เกิดจากความไม่รู้ ห้ามปรามไม่ได้ไม่ให้เกิด
อ.วิชัย: ก็มีความไม่รู้ที่มีเดี๋ยวนี้ ต้องเป็นไปอย่างนี้เรื่อยๆ
ท่านอาจารย์: ไม่ขาดเลยสักขณะเดียวที่จะต้องเข้าใจความลึกซึ้ง แม้กำลังมีขันธ์ก็มีอวิชชา ถ้ารู้เหตุที่จะให้อวิชชาเกิด ดับเหตุ ขันธ์เกิดไม่ได้
เพราะฉะนั้น ขันธ์เดี๋ยวนี้มาจากไหน?
อ.วิชัย: ความไม่รู้เดี๋ยวนี้
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยใช่ไหม ตื่นมาไม่รู้เป็นขันธ์หมด จนตายก็เป็นขันธ์หมด เพราะไม่รู้
อ.วิชัย: อย่างนี้ก็ต้องอยู่ไปเรื่อยๆ ตราบที่ยังไม่รู้อยู่
ท่านอาจารย์: แน่นอนอยู่แล้ว เหมือนเมื่อกี้นี้กับเดี๋ยวนี้ ห้ามไม่ได้ไม่ให้เกิดเพราะความไม่รู้
ขอเชิญอ่านได้ที่ ..
ขันธ์ ๕ มีอวิชชาเป็นต้นเป็นเหตุ [อรรถกถาสติปัฏฐานสูตร]
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ
ขันธ์เกิดจากความไม่รู้ ห้ามปรามไม่ได้ไม่ให้เกิด ไม่ต้องสงสัยเลยใช่ไหม ตื่นมาไม่รู้เป็นขันธ์หมด จนตายก็เป็นขันธ์หมด เพราะไม่รู้
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ