จะรีบร้อนไปประจักษ์แจ้งนิพพานไหม?
โดย เมตตา  27 ก.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 50510

[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม 3 - หน้า 831

๑๐. ภาวสูตร

ว่าด้วยไตรภพ และไตรสิกขา

[๓๗๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภพ ๓ นี้ควรละ ควรศึกษาในไตรสิกขา ภพ ๓ เป็นไฉน? คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ภพ ๓ นี้ควรละ ไตรสิกขา เป็นไฉน? คือ อธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา ควรศึกษาในไตรสิกขานี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภพ ๓ นี้ เป็นสภาพอันภิกษุละได้แล้ว และเธอ เป็นผู้มีสิกขา อันได้ศึกษาแล้ว ในไตรสิกขานี้ เมื่อนั้นภิกษุนี้ เรากล่าวว่า ได้ตัดตัณหาขาดแล้ว คลายสังโยชน์ได้แล้ว ได้ทำที่สุดทุกข์ เพราะละมานะได้ โดยชอบ.

จบภาวสูตรที่ ๑๐


อ.ณภัทร: ท่านอาจารย์กล่าวถึงว่า การศึกษาพระธรรมรอบรู้จริงๆ เป็นสิ่งที่สภาพธรรมะในชีวิตประจำวันก็มีมากมายหลากหลายด้วย หลากหลายแต่ยังไม่รู้ว่า แต่ละหนึ่งที่ปรากฏไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นธรรมะเพียงหนึ่งแต่ละธรรมะที่เกิดขึ้นครับ ก็เป็นสิ่งที่ยากจริงๆ ที่จะถึงความรอบรู้จริงๆ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จะรีบร้อนไปประจักษ์แจ้งนิพพานไหม?

อ.ณภัทร: ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็ไม่หวังเลยที่จะไปถึงนิพพานครับ

ท่านอาจารย์: นั่นคือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริง

อ.ณภัทร: ดังนั้น การศึกษาพระธรรมก็จะได้ยินว่า ไตรสิกขา เป็นต้นครับ ศีลสิกขา จิตสิกขา ปัญญาสิกขา ก็เป็นชื่อครับ

ท่านอาจารย์: แน่นอน

อ.ณภัทร: แต่ความเป็นจริง ศีลสิกขา จิตสิกขา ปัญญาสิกขาอยู่ที่ไหนครับ

ท่านอาจารย์: หาไม่เจอ เพราะไม่รู้

อ.ณภัทร: ครับ

ท่านอาจารย์: แต่ถ้ารู้ อยู่นี่

อ.ณภัทร: กราบท่านอาจารย์ในความละเอียดครับ

ท่านอาจารย์: นี่อะไร? นั่น.. เริ่มแล้ว

อ.ณภัทร: บางคนก็อาจจะคิด แล้วจะเป็นศีลสิกขาอย่างไรถึงจะเรียกศีลสิกขา เป็นต้นครับ ก็ไปติดในชื่อติดในคำครับ

ท่านอาจารย์: กุศลศีล อกุศลศีล อัพยากตศีล เป็นศีลอย่างไร? เห็นไหม? ต้องฟังทีละคำค่อยๆ เข้าใจความลึกซึ้ง ปลูกฝังความมั่นคงในความลึกซึ้งของธรรมะ จะได้ไม่ไปทางผิด เพราะต้องรู้ความลึกซึ้ง แม้แต่คำถามของคุณณภัทรก็ลึกซึ้งใช่ไหม เป็นศีลอะไร? ก็เป็นศีลสิกขา จิตสิกขา ปัญญาสิกขาเมื่อไหร่? เมื่อเริ่มรู้ว่า เป็นกุศลศีล หรืออกุศลศีล หรืออัพยากตศีล นั่นแหละ ศีลคืออะไร ความเป็นไปของจิต เจตสิก ถ้าไม่มีจิต เจตสิก จะมีศีลได้อย่างไร ก็ไปติดในศีลต่างๆ เยอะเยะหมด

แต่ว่าความประพฤติเป็นไปของจิตไม่ว่าจะเป็นไปในทางใดทั้งหมด เป็นกุศล กุศลเยอะเยะไปหมดเลย เป็นกุศลศีลเป็นไปในกุศล อกุศลศีลอกุศลเยอะเยะไปหมดความประพฤติเป็นไปในอกุศล อัพยากตศีลเป็นของพระอรหันต์ซึ่งจะไม่เป็นกุศลอกุศลอีกต่อไป ไม่ว่าจะคิด ไม่ว่าจะด้วยใจไม่ว่าด้วยวาจาหรือด้วยกายทั้งหมด ไม่เป็นเหตุให้เกิดผผล

อ.ณภัทร: ก็เป็นความละเอียดที่ผู้นั้นต้องมีความเข้าใจในเบื้องต้นด้วยครับ เพราะว่าถ้าไม่เคยได้ยินได้ฟังไม่มีความเข้าใจในเบื่องต้นเลย ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจคำว่า ศีล ได้เลยว่าเป็นปรกติอย่างไร

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ทุกคำในพระไตรปิฎกเป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๔๕ พรรษา จนกระทั่งพุทธบริษัทมีความเข้าใจมั่นคงถูกต้องรอบรู้จึงปรินิพพาน ได้กระทำกิจของพระองค์ที่โปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลายให้สามารถเข้าใจถูกต้องได้

อ.ณภัทร: แล้วอย่างจิตสิกขาครับ คือเดี๋ยวนี้อย่างไร?

ท่านอาจารย์: นั่นแน่ๆ !! รู้จักธรรมหรือยัง? ไปโน่นแล้วจะมีวันรู้จักธรรมะตามลำดับไหม? อะไรพาไป?

อ.ณภัทร: ความต้องการครับ

ท่านอาจารย์: นั่นแหละค่ะ และเป็นเหตุที่จะไม่ย้อนกลับมาที่จะละความต้องการ พาไปเสียจนไม่รู้เลย พาไปไหน แค่ไหน? นี่หรือศึกษาธรรมะ?

นี่ไงค่ะ ต้องรู้ แล้วรู้จักอะไร? รู้จักศีลก่อน รู้จักจิต เจตสิก ก่อน รู้ว่าจิต เจตสิก เกิดเพราะเหตุปัจจัย

เพราะฉะนั้น ขณะใดก็ตามที่เกิดขึ้น เป็นไปแล้วตามเหตุตามปัจจัยที่จะเป็นกุศล หรืออกุศล อัพพยกตะไม่ต้องพูดถึงเพราะว่าสำหรับพระอรหันต์ ความประพฤติ เป็นไปของจิต

เพราะฉะนั้น ตอนนี้ความประพฤติเป็นไปด้วยอกุศลก็ไม่รู้ โน่นอะไร นี้อะไร ชื่ออะไร เรื่องอะไร เดี๋ยวนี้รู้หรือเปล่า? แล้วจะถึงหรือ?

อ.ณภัทร: ดังนั้น ศีล และจิต ถ้าเข้าใจก็สอดคล้องกันไม่ได้แยกกันเลยครับ

ท่านอาจารย์: แน่นอน จึงมีอธิศีลสิกขา อธิจิตสิขา อธิปัญญาสิขา แต่ละคำแสดงความเด่นมีความเป็นธรรมะที่จะปรากฏให้รู้ได้

อ.ณภัทร: แต่ทั้งหมด ก็คือรู้ธรรมะที่กำลังปรากฏเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ท่านอาจารย์: แน่นอน ถ้าจิตไม่ตั้งมั่นปัญญาสามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจในความลึกซึ้งไหม?

อ.ณภัทร: ไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จิตสิกขาเป็นอะไร? ความตั้งมั่นที่เราใช้คำว่าสมาธิ แต่ไม่ใช่อกุศลสมาธิละเอียดอย่างยิ่ง

เพราะฉะนั้น ทั้งหมดเป็นเรื่องของปัญญา ซึ่งต้องตรงต่อความเป็นจริง ซึ่งการไตร่ตรองรอบคอบโดยประการทั้งปวงจะเป็นหนทางที่จะทำให้รู้ว่า ความจริงคืออะไร ความถูกต้องคืออะไร ไม่ไปเอาความไม่จริงมาเป็นความจริง ด้วยความคิดว่า นั่นจริง อย่างศีลสิกขา จิตสิกขา ปัญญาสิกขา รู้อะไร? คิดเอาใช่ไหม?

ไม่เหมือนกับความเป็นจริงตามลำดับ ที่กว่าจะถึงระดับนั้นได้ถ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจในเบื้องต้นเลย อะไรจะเป็นพื้นให้ถึงขณะนั้นได้ ที่จะมีความเข้าใจในความต่างของระดับของปัญญา ซึ่งความประพฤติเป็นไปในกุศลก็เป็นศีล ความตั้งมั่นของจิตก็เป็นการที่จะทำให้มีความเข้าใจละเอียดขึ้นลึกซึ้งขึ้น แต่ไม่ใช่อย่างที่เป็นตัวตนที่จะไปพยายามทำด้วยการรวบรัดเหมือนรู้เหมือนเข้าใจในคำ แต่ว่าไม่เข้าใจในความเป็นจริง

ไม่ใช่เรื่องละเลยถ้าเป็นแบบนั้น เห็นชัดว่า เป็นเรื่องไม่รู้และต้องการ

เรื่องละ คือเข้าใจในความลึกซึ้งตามลำดับ

ตอนนี้อยากจะเข้าใจนิพพานไหม?

อ.ณภัทร: ไม่อยากครับ

ท่านอาจารย์: เห็นไหม บางคนพอได้ยินก็ตาโตเลยอยากจะถึงเลย นิพพานเป็นอย่างไร รีบถาม รีบปฏิบัติ รีบต้องการ นั่นหรือคือความเข้าใจที่ถูกต้อง เพียงแค่ชื่อก็ยังไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร

อ.ณภัทร: แต่ถ้าบางคนอาจจะคิดว่า ก็รู้ไว้ก็ไม่เสียหาย ถ้าจะรู้เรื่องนิพพานก่อน

ท่านอาจารย์: เสียหายแน่เพราะไม่รู้จริง เพียงแค่ฟังคิดแล้วจำแต่ไม่รู้ ไม่มีทางรู้ได้ถ้าไม่มีความเข้าใจตามลำดับ

เพราะฉะนั้น อริยสัจจะเห็นไหม? ถ้าไม่รู้จักทุกข์ จะมีการที่จะรู้จักไหมว่า นิพพานคืออะไร เมื่อไม่รู้เหตุของทุกข์

เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะไปเข้าใจเอาเอง พูดจบ ๔ อริยสัจจะเหมือนรู้เหมือนเข้าใจ ความจริงไม่ได้เข้าใจอะไรเลย จำชื่อ

อ.ณภัทร: ยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนกับว่า ต้องเป็นผู้ที่ค่อยๆ เดินครับ เดินช้าๆ แต่ค่อยๆ มั่นคง ไม่รีบ เพราะว่าถ้ารีบเดินก็อาจจะล้มได้ แต่ว่าค่อยๆ เดินช้าๆ แต่ขณะที่ไม่รีบก็มีความมั่นคงครับที่จะค่อยๆ ก้าวไป

ท่านอาจารย์: แล้วไม่ถามตัวเองว่า แล้วรีบไปไหน? รีบไม่รู้ๆ ไม่รู้ รีบที่จะไม่รู้อีก ไม่รู้อีกๆ ไม่รู้อยู่แล้วก็ยังรีบร้อนอีกเพิ่มอีกเพิ่มกำลังของความต้องการกับความไม่รู้เข้าไปอีก

นี่คือความลึกซึ้งของความจริงของธรรมะ

เพราะฉะนั้น การที่จะละกิเลสต้องค่อยๆ เป็นไปตามลำดับ อริยสัจจธรรม ๓ รอบ ใครเป็นผู้ทรงแสดง หนทางที่พระองค์ทรงดำเนินมาตามความเป็นจริง แล้วคนอื่นคิดอย่างไรเก่งอย่างไร แค่ฟังแค่นี้แล้วปฏิบัติ รีบไปทางผิด

เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องของปัญญาความเข้าใจจริงๆ ที่ค่อยๆ เข้าใจทีละเล็กทีละน้อย เพราะว่าธรรมะเดี๋ยวนี้เป็นอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ยังไม่ปรากฏอย่างนี้ แสดงความลึกซึ้งขนาดไหน?

อ.ณภัทร: ใช่ครับ ข้อความที่ได้ยินได้ฟังเป็นปัญญาที่ทำให้ถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ แต่ผู้ฟังปัญญายังน้อยยังไม่ถึงที่จะเข้าใจตรงนั้นได้ครับ

ท่านอาจารย์: นี่หรือ รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ขอเชิญอ่านได้ที่..

9. ปฐมสิกขาสูตร ว่าด้วยไตรสิกขา

ไตรสิกขา (สิกขา 3) : ฟังดีมากๆ อยากให้ทุกคนได้ฟังก่อนตาย

ขอเชิญฟังได้ที่..

ไตรสิกขา

ไตรสรณะ - ไตรสิกขา - ไตรลักษณะ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ณภัทร ด้วยความเคารพค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย เฉลิมพร  วันที่ 4 ส.ค. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ