ดิฉัน...อนุโมทนาทุกครั้ง
โดย คุณย่า  5 มิ.ย. 2552
หัวข้อหมายเลข 12581

สนทนาธรรมที่มูลนิธิ
พระสูตร ครั้งที่ ๗๖
๑๐ มกราคม ๒๕๕๒

อร. ขอ..สนทนาในประเด็นที่ว่า ประโยชน์ก็คือ ไม่ใช่เพียงฟังแล้ว เข้าใจ แต่ว่าต้องประพฤติปฎิบัติตาม ซึ่งตรงนี้เมื่อฟังเข้าใจว่า ไม่มีตัว ตนคือ เมื่อฟังเข้าใจ ปัญญานั้นจะเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่ง ให้ประพฤติ ปฏิบัติตาม จะทำอย่างไรให้คนนี้เข้าใจธรรม ก็ได้พร่ำสอน โดยไม่รู้จัก เหน็ดจักเหนื่อย ซึ่งฟังเผินๆ ก็ดูเหมือนจะมีตัวตน ไปประพฤติปฏิบัติตาม แต่ความจริงเป็นปัญญาที่เข้าใจ ก็จะเป็นสังขารขันธ์ ที่จะให้ ประพฤติ ปฏิบัติตาม เช่นที่ท่านอาจารย์กล่าว

อ.จ. กำลัง..เป็นสังขารขันธ์ ไม่ใช่จะเป็นนะค่ะ แต่เป็น และเป็น มาแล้วด้วย สังขารขันธ์ก็เป็นสังขารขันธ์ ทั้งในอดีต และในขณะนี้ซึ่ง กำลังเป็นสังขารขันธ์ สำหรับอนาคตที่จะเกิดขึ้น แต่ข้อสำคัญที่สุดก็คือ ว่า เมื่อเข้าใจธรรมแล้วก็รู้ว่า ไม่ใช่เป็นเราที่เข้าใจ แต่ทั้งหมดเป็นธรรม

สิ่งที่ได้ฟังทั้งหมด แสดงถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหา กรุณาคุณของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วคนในยุคนี้ เทียบไม่ ได้กับบุคคลในครั้งก่อน ซึ่งท่านมีสติปัญญามาก และอยู่ในกาลสมบัติ แล้วพระธรรมที่ได้จารึกสืบต่อกันมา ก็ยังคงอยู่ สำหรับผู้ที่เคยได้ยินได้ ฟัง หรือว่าเคยมีศรัทธา แม้ว่าจะมีปัญญาเพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังเป็น โอกาสที่สามารถ จะอบรมเจริญปัญญาให้เจริญขึ้นได้ ยังคงเป็นกาลที่ ยังสามารถที่เข้าใจพระธรรม เพื่อการละ เพื่อการขัดเกลาได้ เพราะ ฉะนั้น ทั้งหมดไม่ว่าใครจะกล่าว ก็เป็นพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงแล้ว และความดีของคนในยุคนี้สมัยนี้ ก็เทียบไม่ได้เลย กับ บุคคลในครั้งก่อน

ดิฉัน..อนุโมทนาทุกครั้ง และทุกคน ซึ่งมาสู่การฟังพระ ธรรม ไม่ได้คาดหวังเลยว่า ใครจะดีมากดีน้อย เพียงแต่ว่ามีโอกาส ที่จะได้ฟังธรรม เข้าใจเพิ่มขึ้น ที่จะเป็นพืชเชื้อเหมือนเมล็ดพืช ซึ่งจะ เจริญเติบโตในภายหน้า เพราะฉะนั้นสิ่งใดๆ ก็ตามที่จะได้รับ แม้ แต่คำอนุโมทนา หรือว่าพูดถึงความดีต่างๆ นานา ก็ไม่ปิติ เท่ากับที่ได้ทราบว่า แต่ละคนได้เข้าใจธรรมขึ้น เพราะว่าการเข้าใจ ธรรมเท่านั้น ที่จะทำให้ ละสิ่งที่ไม่ดีได้ และสามารถจะ รู้แจ้ง สภาพธรรมในวันหนึ่งได้....

พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้นั้น

๑. คัมภีโร = ลึกซึ้ง

๒. ทุททโส = เห็นได้ยาก

๓. ทุร-นุโพโธ = ตรัสรู้ตามได้ยาก

๔. สันโต = สงบ

๕. ปณีโต = ปราณีต

๖. อตักกาวจโร = คิดเอาเองไม่ได้

๗. นิปุโณ = ละเอียด

๘. ปัณฑิต เวทนีโย = เป็นธรรมอันบัณฑิตพึงรู้ได้



ความคิดเห็น 1    โดย วันชัย๒๕๐๔  วันที่ 5 มิ.ย. 2552
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ครับ

ความคิดเห็น 2    โดย suwit02  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

สาธุ


ความคิดเห็น 3    โดย พุทธรักษา  วันที่ 5 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย Sam  วันที่ 6 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย aiatien  วันที่ 8 มิ.ย. 2552
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 6    โดย คุณ  วันที่ 10 มิ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย เจริญในธรรม  วันที่ 22 มิ.ย. 2552
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 9    โดย สุภาพร  วันที่ 8 ก.ค. 2552

ขอกราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวรเขตต์ ด้วยความเคารพค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย pamali  วันที่ 12 ต.ค. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย fam  วันที่ 8 มิ.ย. 2554

ดิฉัน..อนุโมทนาทุกครั้ง และทุกคน ซึ่งมาสู่การฟังพระ ธรรม ไม่ได้คาดหวังเลยว่า ใครจะดีมากดีน้อย เพียงแต่ว่ามีโอกาสที่จะได้ฟังธรรม เข้าใจเพิ่มขึ้น ที่จะเป็นพืชเชื้อเหมือนเมล็ดพืช ซึ่งจะเจริญเติบโตในภายหน้า เพราะฉะนั้นสิ่งใดๆ ก็ตามที่จะได้รับแม้ แต่คำอนุโมทนา หรือว่าพูดถึงความดีต่างๆ นานา ก็ไม่ปิติ เท่า กับที่ได้ทราบว่า แต่ละคนได้เข้าใจธรรมขึ้น เพราะว่าการเข้าใจ ธรรมเท่านั้น ที่จะทำให้ ละสิ่งที่ไม่ดีได้ และสามารถจะ รู้แจ้ง สภาพธรรมในวันหนึ่งได้...

ขอกราบแทบเท้าอนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 2 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ