ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๐๙ * * 
~ มิตรที่หวังดีจริงๆ ให้สิ่งที่ดีที่สุด คือ ความเข้าใจที่ถูกต้อง เขาจะไม่ชอบ ก็ไม่เป็นไร แต่เราก็มีความหวังดี ถึงที่สุด แล้วแต่ว่ากาลไหน โอกาสไหน ก็ตามแต่ ก็พูดคำจริงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง คือ เปิดเผยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้คนได้พิจารณาไตร่ตรอง เพื่อประโยชน์ของเขาเอง ทั้งพระธรรมและพระวินัย
~ บวชทำไม? บวชเพื่อที่จะไปพัฒนาตำบลหมู่บ้าน บวชเพื่อที่จะไปเดินขบวน ไม่มีในพระธรรมวินัยว่าบวชเพื่อสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ไม่ต้องบวชสิ ทำไปเถอะ ไม่มีใครว่า แต่บวชแล้ว ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะต้องการขัดเกลากิเลส ต้องเข้าใจคำนี้ด้วย ถ้าไม่มีปัญญาจะเอาอะไรขัดเกลากิเลส?
~ เมื่อทำความดี จะให้ผลเป็นโทษ ให้ผลไม่ดี ให้ผลไม่น่าพอใจ ได้ไหม? (ไม่ได้) แล้วทำไมจะกลัวความดี?
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงต้องการเครื่องสักการะใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ได้ทรงต้องการดอกไม้ธูปเทียนอะไรทั้งหมด แต่พระองค์ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้เขามีความเห็นที่ถูกต้อง ด้วยพระมหากรุณาอย่างยิ่ง เพื่อเขาซึ่งไม่รู้ จะได้รู้ เพราะฉะนั้น คำใดที่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคำจริง เป็นคำที่ทุกคนควรเคารพ ไม่ใช่ไปบิดเบือน หรือว่าไปทำสิ่งซึ่งทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะความไม่รู้
~ ต้องอาศัยกาลเวลา ในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะขัดเกลากิเลส เมื่อเห็นกิเลสมากเท่าใด ก็รู้ว่า จะต้องอาศัยกาลเวลานานมากทีเดียว กว่าที่จะขัดเกลากิเลสนั้นๆ ได้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรม และไม่ขาดการที่จะพิจารณาตนเอง เพราะเหตุว่าพระธรรมที่ได้ฟังทั้งหมด เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาและการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น
~ ไม่ว่าอกุศลในวันหนึ่งๆ จะมีมากมายสักเท่าไรก็ตาม แต่ถ้าเป็นผู้ที่มากด้วยศรัทธา สะสมศรัทธา เห็นประโยชน์ของกุศล ขณะนั้นก็มีปัจจัยที่ศรัทธาจะเกิดขึ้นแทนอกุศล แล้ววันหนึ่งๆ เราไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่า มีอกุศลมากเท่าใด ก็แสดงให้เห็นว่า ต้องเจริญศรัทธาขึ้นอีกมากเท่าใด จึงสามารถดำเนินไปสู่หนทางดับกิเลสทั้งหลายได้ แต่ถ้าเรายังคงปล่อยให้วันหนึ่งก็มีอกุศลมาก ศรัทธาความผ่องใสของจิตที่เห็นประโยชน์ของกุศลไม่เกิดเลย ขณะนั้นก็หมักหมมเพิ่มอกุศลขึ้น
~ ไม่ว่าจะเป็นคนในบ้าน นอกบ้าน หรือประเทศชาติ หรือโลก ที่จะสงบได้ก็เพราะคุณความดี ไม่ใช่เพราะความไม่ดี
~ ขณะใดที่ไม่เข้าใจธรรม ขณะนั้นก็เป็นอวิชชา (ความไม่รู้) ขณะใดที่ติดข้อง จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ขณะนั้นก็มีอวิชชา ขณะใดที่ขุ่นเคืองไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อย นิดเดียวเอง ขณะนั้นก็ต้องมีอวิชชา ขณะใดที่สำคัญตน วันหนึ่งๆ ก็อาจจะไม่น้อยเลยสำหรับบางคน ขณะนั้นก็มีอวิชชา
~ กำลังของปัญญาต่างหากที่จะทำให้ชีวิตประจำวัน ค่อยๆ เป็นไปในทางที่ถูกต้องยิ่งขึ้น
~ ถ้าชาวพุทธไม่ศึกษาและไม่เข้าใจพระธรรมวินัย จะช่วยแต่ละหนึ่งบุคคลให้เว้นจากทุจริตและช่วยให้ประเทศชาติมั่นคงได้อย่างไร?
~ เห็นคุณของพระธรรม ว่า อนุเคราะห์ให้ชีวิตทั้งชีวิต ซึ่งเกิดมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ได้มีโอกาสได้รู้ความจริงซึ่งยากที่จะรู้ เมื่อรู้แล้วก็เห็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ได้เบื่อหน่าย ไม่ได้ท้อถอย แต่รู้ว่าชีวิตควรจะดำเนินไปอย่างไร ที่ขาดไม่ได้คือการที่จะได้เข้าใจพระธรรม เท่าที่จะมีโอกาสตามเหตุตามปัจจัย ทำความดีทุกขณะที่สามารถจะกระทำได้ อย่างนั้นก็จะเป็นผู้ที่ได้กระทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ กับการที่มีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรม
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ย่อมเป็นประโยชน์ในทุกทางที่จะให้ท่านผู้ฟังได้พิจารณาธรรมโดยละเอียดจริงๆ เพราะเหตุว่าถ้าต้องการที่จะเจริญปัญญา เจริญกุศล ก็ต้องไม่ประมาทที่จะรู้จักอกุศลของตนเองด้วย
~ ถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถที่จะขัดเกลาได้ และปัญญาเพียงเล็กน้อย ก็ไม่สามารถที่จะละอกุศลซึ่งมีกำลังที่จะเกิดบ่อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้ จึงเข้าใจคำว่าบารมี (ความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) แม้เพียงเล็กน้อยนิดหน่อย ก็สามารถที่จะลดปริมาณจำนวนของอกุศลซึ่งถ้ากุศลไม่เกิด ก็เป็นอกุศล
~ สภาพธรรมทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ทุกคนรู้ว่าสภาพธรรมทั้งหมดไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ไม่ว่าจะเป็นลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือว่าเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ แต่ว่าธรรมที่ประทุษร้ายได้จริงๆ ไม่ใช่ความเสื่อมลาภ หรือความเสื่อมยศ หรือการนินทา หรือความทุกข์ แต่ว่าสภาพธรรมอย่างเดียวที่ประทุษร้ายได้ตลอดมาในสังสารวัฏฏ์ คือ โทสะ ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
~ ข้อสำคัญที่สุด ควรจะเห็นข้าศึกภายใน คือ ความโกรธของตนเอง แทนที่จะคิดว่า ท่านมีศัตรูหลายคน หรือว่าอาจจะมีคนที่ไม่ชอบท่าน ทำสิ่งที่ไม่ดีกับท่านหลายคน แต่ตามความเป็นจริงแล้ว ข้าศึกที่แท้จริงอยู่ภายใน คือ ความโกรธของท่านเอง
~ เป็นเรื่องที่แต่ละท่านจะพิจารณาสภาพธรรมตามความเป็นจริง ว่าสิ่งใดที่เป็นอกุศล ควรละ ถ้าไม่รู้ก็อาจจะหลง เป็นไปเหมือนเดิม แต่ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่า อกุศลเป็นอกุศล ก็ควรที่จะได้ละอกุศลทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ท่านชอบ หรือเป็นผู้ที่ท่านไม่ชอบ ก็ควรที่จะพิจารณาในทางที่จะทำให้กุศลจิตเกิด ไม่ใช่พิจารณาในทางที่จะทำให้อกุศลจิตเกิด
~ พิจารณาประโยชน์ว่า แม้บุคคลนั้นทำสิ่งที่ไม่ควร แต่ว่าควรที่จะช่วยบุคคลนั้นให้ทำในสิ่งที่ควรได้ไหม ถ้าช่วยได้ก็ควรที่จะช่วย โดยการที่อาจจะชี้แจงการกระทำนั้นว่าไม่ควรอย่างไรๆ และควรที่จะเปลี่ยนแปลงความประพฤติ ควรจะแก้ไขอย่างไร ด้วยเมตตาจิต
~ วันหนึ่งๆ โลภะเกิดขึ้นในอารมณ์ต่างๆ ปฏิเสธไม่ได้เลย ทั้งทางตาที่เห็น ทางหูที่ได้ยิน ทางจมูกที่ได้กลิ่น ทางลิ้นที่ลิ้มรส ทางกายที่กระทบสัมผัส กำลัง ซัดส่ายไปหาทุกข์แท้ๆ ถ้ารู้ว่าตัณหาเป็นเหตุของทุกข์ ให้ทราบว่า ในขณะใดที่กำลังแสวงหาสุข ไม่ว่าจะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ขณะนั้นกำลังซัดส่ายไปหาทุกข์ เพราะตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
~ อกุศลซึ่งเกิดขึ้นแต่ละขณะแม้ว่าจะดับไป ก็จะสะสมสืบต่ออยู่ในจิตเรื่อยๆ เป็นปัจจัยให้มีอกุศลจิตประเภทนั้นๆ เกิดขึ้นข้างหน้า ซึ่งบางท่านอาจจะสงสัยว่า โลภะวันนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หรือบางคนอาจจะไม่คิดเลย ก็มีโลภะไปตลอด ทั้งทางตา ที่เห็น ทางหูที่ได้ยิน ถ้าก่อนๆ นี้ไม่เคยมีโลภะ หรือดับโลภะหมดแล้ว โลภะก็ไม่เกิด แต่วันนี้เอง ที่มีโลภะ ย่อมแสดงว่าโลภะเคยมีแล้วในอดีต สะสมสืบต่อเป็นปัจจัยทำให้โลภะในวันนี้เกิดอีก
~ ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจ จะมั่นคงอยู่ในทางคุณธรรม เพื่อจะได้ไม่ไปสู่อบายภูมิ โดยที่ใครก็พาไปไม่ได้ นอกจากการกระทำของตนเอง
* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๐๘


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และยินดีในกุศลของ อ.คำปั่น อย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และยินดีในกุศลจิต อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตคะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา