ทั้งๆ ที่อกุศลวิบากมี ๗ ดวง และอุเบกขาเวทนาเกิดกับอกุศลวิบาก ๖ ดวง นอกจากกายวิญญาณเท่านั้นที่เวทนาเป็นทุกขเวทนา แต่แม้กระนั้นอุเบกขาเวทนาไม่ปรากฏในอเวจี
รับฟัง ...
อกุศลวิบากจิตมีเพียง ๗ ดวง
สำหรับผู้ที่เกิดในนรก อกุศลวิบากจิต ไม่ว่าจะเป็นในมนุษย์ภูมิ หรือในอบายภูมิ ก็มีจำนวนเพียง ๗ ดวงเท่านั้น
อกุศลจิตทั้งหมดมี ๑๒ ดวง คือ โลภมูลจิต ๘ ดวง โทสมูลจิต ๒ ดวง โมหมูลจิต ๒ ดวง ไม่ว่าจะเป็นในภูมิไหน เกิดกับใคร ก็จะไม่พ้นไปจากโลภมูลจิต ๘ โทสมูลจิต ๒ โมหมูลจิต ๒ ตามควรแก่บุคคลนั้นๆ ในภพภูมินั้นๆ
แต่ว่าผลของอกุศลกรรมไม่ว่าจะเป็นการฆ่าสัตว์ การถือเอาสิ่งของที่บุคคลอื่นไม่ให้ และทุจริตกรรมอื่นๆ ก็ตาม จะแรง จะกล้า จะมาก จะน้อย จะหนัก จะเบาอย่างไร จิตที่เป็นอกุศลวิบากมีเพียง ๗ ดวง ได้แก่ จักขุวิญญาณอกุศลวิบาก เห็นสิ่งที่ไม่ดี ๑ ดวง โสตวิญญาณอกุศลวิบาก ได้ยินเสียงที่ไม่ดี ๑ ดวง ฆานวิญญาณอกุศลวิบาก ได้กลิ่นที่ไม่ดี ๑ ดวง ชิวหาวิญญาณอกุศลวิบาก ลิ้มรสที่ไม่ดี ๑ ดวง กายวิญญาณอกุศลวิบาก รู้โผฏฐัพพะ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหวที่ไม่ดี ๑ ดวง และสัมปฏิจฉันนจิตอกุศลวิบาก รับรู้อารมณ์เหล่านี้ต่อจากจักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ สัมปฏิจฉันนะที่เป็นอกุศลวิบากอีก ๑ ดวง เป็น ๖ ดวง เมื่อสัมปฏิฉันนอกุศลวิบากดับไปแล้ว กรรมเป็นปัจจัยให้สันตีรณอกุศลวิบาก พิจารณาลักษณะของอารมณ์นั้นต่ออีก ๑ ขณะ อีก ๑ ดวง รวมเป็นอกุศลวิบากจิต ๗ ดวง
ในอกุศลวิบากจิต ๗ ดวง เกิดกับอุเบกขาเวทนา ๖ ดวง เกิดกับทุกขเวทนาเพียงดวงเดียวเท่านั้น คือ กายวิญญาณ
ขณะที่เห็นสิ่งที่ไม่ดี เวทนาเจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตเห็น เป็นอุเบกขาเช่นเดียวกับทางหู ทางจมูก ทางลิ้น เวทนาที่เกิดร่วมกับโสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ เป็นอุเบกขา รวมถึงสัมปฏิจฉันนะและสันตีรณะที่เป็นอกุศลวิบาก เวทนาที่เกิดร่วมด้วยก็เป็นอุเบกขา แต่ทางกายไม่เป็นอุเบกขา เวทนาที่เกิดร่วมกับกายวิญญาณที่รู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว เป็นทุกขเวทนา ถ้าเป็นในนรกก็สาหัส เจ็บแสบแรงกล้าทีเดียว
เวลาที่ท่านผู้ฟังรู้สึกเจ็บ เป็นความรู้สึก แต่อารมณ์ที่กระทำให้เกิดทุกขเวทนา จะพ้นไปจากร้อน จะพ้นไปจากแข็ง จะพ้นไปจากเย็นที่จะทำให้เกิดความรู้สึกเป็นทุกข์ได้ไหมไม่ได้ สภาพของอารมณ์ คือ ธาตุดิน ธาตุไฟ ธาตุลม ที่ทำให้เกิดทุกขเวทนาทางกายขึ้น
เพราะฉะนั้น สำหรับผู้ที่เกิดในนรก ในอรรถกถาแสดงว่า
ในอเวจี อุเบกขาเวทนาไม่ปรากฏ
ทั้งๆ ที่อกุศลวิบากมี ๗ ดวง และอุเบกขาเวทนาเกิดกับอกุศลวิบาก ๖ ดวง นอกจากกายวิญญาณเท่านั้นที่เวทนาเป็นทุกขเวทนา แต่แม้กระนั้นอุเบกขาเวทนาไม่ปรากฏในอเวจี
อุปมาเหมือนกับน้ำผึ้ง ๖ หยาด ที่ลาดลงที่ปลายลิ้น แล้วเอาหยาดเหล็กแดงเพียงหยาด ๑ หยดลงไป หยาดเหล็กแดงเท่านั้นจะปรากฏ เพราะการเผาไหม้อย่างร้อนแรง ส่วนหยาดน้ำผึ้งนอกนี้เป็นอันไม่พูดถึง ไม่ปรากฏ ฉันใด ความทุกข์เท่านั้นปรากฏ เพราะเผาไหม้อย่างมีกำลัง ส่วนนอกนี้ คือ จิตที่เกิดร่วมกับอุเบกขาเวทนา ๖ ดวงนั้น เป็นอัพโพหาริก คือ ไม่พอที่จะกล่าวได้
ทั้งทางตาเห็นสิ่งที่ไม่ดี หูได้ยินเสียงไม่ดี จมูกได้กลิ่นไม่ดี ลิ้นลิ้มรสไม่ดี แต่เวทนาที่เกิดกับจิตเหล่านั้นเป็นอุเบกขา แต่แม้กระนั้นก็ไม่ปรากฏ เพราะทุกขเวทนาที่เกิดกับกายวิญญาณในอเวจีนั้นมีกำลังเจ็บแสบแรงกล้าสาหัส จนกระทั่งอุเบกขาเวทนาไม่ปรากฏเลย
เคยมีทุกขเวทนาทางกายกันบ้างไหมในโลกมนุษย์ มาก แต่ยังไม่เท่าในนรก เทียบกันไม่ได้เลย เวลาที่ทุกขเวทนาปรากฏ อย่างอื่นที่เป็นอุเบกขาไม่ปรากฏเลย เพราะว่าทุกขเวทนาทางกายนั้นมีกำลัง เพราะฉะนั้น ในอเวจีจะไม่ปรากฏอุเบกขาเวทนาเลย มีแต่ทุกขเวทนาที่ปรากฏ [ตอนที่ 246]
