สำหรับการอบรมเจริญปัญญาจนสามารถดับโลภะได้เป็นสมุจเฉทถึงความ เป็นพระอรหันต์ ใน ขุททกนิกาย มหานิทเทส ปุราเภทสุตตนิทเทสที่ ๑๐ ข้อ ๔๑๓ มีข้อความที่แสดงถึงผู้ที่ดับโลภะแล้ว จะไม่มีการติดในอารมณ์ทั้งหลายเลย ต่างกับขณะที่ยังคงมีความพอใจ ต้องการ ยึดมั่นในอารมณ์ทุกอย่าง ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
รับฟัง ...
ปุราเภทสุตตนิทเทส
ข้อความมีว่า
... จักษุเป็นธรรมชาติชอบรูป ยินดีในรูป ชื่นชมในรูป พระอรหันต์ฝึก คุ้มครอง รักษา สำรวมจักษุ และย่อมแสดงธรรมเพื่อความสำรวมจักษุนั้น ฯลฯ
นี่เป็นความต่างกันมากของผู้ที่ได้ฝึกอบรมจิตแล้ว กับผู้ที่ยังไม่ได้อบรมจิตเลย หรือผู้ที่กำลังอบรมจิตอยู่ เพราะว่าธรรมดา จักษุเป็นธรรมชาติชอบรูป ยินดีในรูป ชื่นชมในรูป แต่ว่าพระอรหันต์ฝึก คุ้มครอง รักษา สำรวมจักษุ และย่อมแสดงธรรมเพื่อความสำรวมจักษุนั้น
ข้อความในอรรถกถามีว่า
สำหรับม้าก็ดี ช้างก็ดีที่ยังไม่ได้ฝึก ใครจะไปห้าม ไม่ให้ประพฤติในสิ่งซึ่ง ไม่เหมาะไม่ควรก็เป็นไปไม่ได้ แต่ว่าช้างที่ฝึกแล้ว ม้าที่ฝึกแล้ว ใครจะไปห้าม ไม่ให้ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรก็ไม่ได้ ฉันใด คนที่ยังไม่ได้ฝึก ที่จะห้าม ไม่ให้ชอบในสิ่งที่ปรากฏ ทางตาก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย ใครจะมาชี้แจงพร่ำสอนอย่างไร แต่ผู้ที่ไม่ได้ฝึกก็ยังต้องออกไปนอกทางของคำสอนนั้นตามกิเลสที่สะสมมา แต่ถ้าผู้นั้นฝึกแล้วจริงๆ ก็ไม่มีใครสามารถแนะนำชักชวนให้ผู้ที่ได้ฝึกจิตแล้ว มีความประพฤติเหมือนเช่นที่ไม่ได้เคยฝึกฝนมาก่อน
ข้อความต่อไปมีว่า
หูเป็นธรรมชาติชอบเสียง จมูกเป็นธรรมชาติชอบกลิ่น ลิ้นเป็นธรรมชาติ ชอบรส กายเป็นธรรมชาติชอบโผฏฐัพพะ ใจเป็นธรรมชาติชอบธรรมารมณ์ ยินดีในธรรมารมณ์ ชื่นชมในธรรมารมณ์ พระอรหันต์คุ้มครอง รักษา สำรวมใจ และแสดงธรรมเพื่อความสำรวมใจนั้น สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนทั้งหลายย่อมนำพาหนะที่เขาฝึกแล้วไปสู่ที่ประชุม พระราชาทรงขึ้นพาหนะที่เขาฝึกแล้ว บุคคลผู้ฝึกฝนแล้ว อดกลั้นถ้อยคำที่ล่วงเกินได้ เป็นผู้ประเสริฐสุดใน หมู่มนุษย์
ม้าอัสดร ม้าสินธพผู้อาชาไนย ช้างใหญ่กุญชรที่เขาฝึกแล้ว เป็นสัตว์ประเสริฐ บุคคลผู้ฝึกตนแล้ว ประเสริฐกว่าสัตว์เหล่านั้น
ใครๆ ไม่พึงไปถึงนิพพานอันเป็นทิศที่ไม่เคยไปด้วยยานเหล่านั้น เหมือนบุคคลผู้ฝึกแล้ว มีตนอันฝึกแล้ว ฝึกดีแล้ว ย่อมไปถึงได้
พระอรหันต์ไม่หวั่นไหวในมานะทั้งหลาย เป็นผู้พ้นขาดแล้วจากภพใหม่ เป็นผู้บรรลุถึงแล้วซึ่งภูมิที่ฝึกแล้ว คือ อรหัตตผล พระอรหันต์เหล่านั้นเป็นผู้ชนะแล้ว ในโลก
ผู้ใดอบรมอินทรีย์ทั้งหลายในโลกทั้งปวง ทั้งในภายใน ทั้งในภายนอก ผู้นั้นฝึกดีแล้ว รู้โลกนี้และปรโลกแล้ว รอคอยอยู่ซึ่งกาลมรณะ
การฝึกตนมีมาก และทุกเหตุการณ์ ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ บุคคลผู้ฝึกฝนแล้ว อดกลั้นถ้อยคำที่ล่วงเกินได้ เป็นผู้ประเสริฐสุด ในหมู่มนุษย์ ซึ่งก่อนนั้นจักษุเป็นธรรมชาติชอบรูป หูเป็นธรรมชาติชอบเสียง จมูกเป็นธรรมชาติชอบกลิ่น ลิ้นเป็นธรรมชาติชอบรส กายเป็นธรรมชาติชอบโผฏฐัพพะ ใจเป็นธรรมชาติชอบธรรมารมณ์
ชอบมากไหม ธรรมารมณ์ หรือว่าชอบแต่สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ความชอบธรรมารมณ์นี้จะมากไหม
กำลังอ่านหนังสือสนุกมาก ชอบอะไร เรื่องที่อ่านสนุกมาก นวนิยายเรื่องต่างๆ สารคดีต่างๆ ชอบอะไรในขณะนั้น ก็ชอบธรรมารมณ์ ไม่ได้ชอบสิ่งที่กำลังปรากฏ ทางตา ใช่ไหม เพราะฉะนั้น กว่าจะฝึกจนกระทั่งรู้จริงๆ ว่าหลงชอบสิ่งที่ไม่มีเลย นอกจากคิดเอา คิดเอาทั้งนั้น และห้ามไม่ได้ด้วย เพราะตราบใดที่ยังไม่ฝึก ก็จะต้องชอบธรรมารมณ์ต่อไป [ตอนที่ 1602]

หลงชอบสิ่งที่ไม่มีเลย นอกจากคิดเอา คิดเอาทั้งนั้น และห้ามไม่ได้ด้วย เพราะตราบใดที่ยังไม่ฝึก ก็จะต้องชอบธรรมารมณ์ต่อไป
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ